ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 5 :แบกคุณกลับบ้าน
ตอนที่ 5 :แบกคุณกลับบ้าน
“เชื่อคุณงั้นหรือ ? ”
หลินเจียอินแค่นหัวเราะ “ฉันจะเอาอะไรมาเชื่อคุณ ! ”
สิ่งที่เธอต้องพบเจอมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมานี้มันทำให้เธอหมดหวังกับผู้ชายคนนี้แล้วจริง ๆ เธอไม่สามารถหาเหตุผลที่จะเชื่อเขาได้เลย
เงิน 20 หยวนนั้นคงไม่พ้นต้องให้เธอจัดการเอง
หลินเจียอินยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง เธอมองไปยังประตูเข้าธนาคารเลือดที่อยู่ไม่ไกลออกไป แล้วก้าวขาเดินไปทางด้านนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกราวกับมีก้อนหินทับลงกลางใจ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะตามหลินเจียอินทัน เขาจะปล่อยให้เธอไปขายเลือดได้อย่างไร ?
“ที่รัก อย่าไปเลยนะ……”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงจับมือหลินเจียอินไว้ไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยฉันนะ ! ” หลินเจียอินสะบัดมือ แต่ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่หลุด เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “ถ้าฉันไม่ไปขายเลือด หรือว่าคุณจะให้เถ้าแก่เฉินจับชานชานไปขาย ? ”
พูดจบ เธอก็ดิ้นรนเพื่อจะไปธนาคารเลือดอีกครั้ง
ไม่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะโน้มน้าวอย่างไร แต่หลินเจียอินก็ยังคงยืนยันหนักแน่น
นี่พูดไม่เข้าหูเลยใช่ไหม !
เจียงเสี่ยวไป๋ปวดหัวมาก
เขาเองก็รู้ว่าเรื่องราวในอดีตพวกนั้นให้ฝังรากลึกลงในใจของหลินเจียอินเหลือเกิน เธอฝังใจกับมันมาก ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำของเขา
ด้วยความร้อนใจ เขาจึงอุ้มหลินเจียอินขึ้นพาดบ่าแล้วหันหลังพาเธอเดินกลับบ้าน
“เจียงเสี่ยวไป๋ ทำอะไรของคุณน่ะ ? ”
“ปล่อยฉันลงนะ”
จู่ ๆ ก็ถูกเจียงเสี่ยวไป๋อุ้มพาดบ่าแบบนี้ หลินเจียอินตกใจจนหน้าตาตื่น เธอมือสั่น ทุบกำปั้นใส่หลังของเจียงเสี่ยวไป๋ไม่หยุด ปากก็ร้องตะโกนดังลั่น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้สนใจท่าทีของเธอ เพราะตอนนี้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่า
หลินเจียอินสูงเกือบจะเท่าเขา เธอสูง 178 เซนติเมตร แต่เขากลับพบว่าน้ำหนักของหลินเจียอินไม่ถึง 50 กิโลกรัมด้วยซ้ำ
ผอมเกินไปแล้ว
มันเป็นความผิดของเขาเอง
ของมีค่าในบ้านถูกเขานำไปขายเพื่อเอาเงินไปเล่นพนันจนหมด บางครั้งเวลาเธอได้เงินมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะถูกเขาแย่งไปหมดเช่นกัน หลินเจียอินและลูกสาวต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่เคยได้กินอิ่มนอนอุ่น ถ้าไม่ผอมนี่สิแปลก
“ที่รัก ผมขอโทษ ผมจะต้องทำให้คุณกับชานชานมีชีวิตที่ดีที่สุดแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างมุ่งมั่น
หลินเจียอินตกตะลึงอีกครั้ง กำปั้นที่ทุบเจียงเสี่ยวไป๋ค่อย ๆ หยุดชะงักลง
วันนี้เจียงเสี่ยวไป๋ทำให้เธอรู้สึกแตกต่างเมื่อก่อน เขาไม่เพียงแต่ไม่ทุบตี ดุด่าและแย่งเงินเธอไปเท่านั้น แต่เขายังเอาแต่พูดขอโทษอีกด้วย
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่าเธอจะไปขายเลือด เขาคงยืนเฝ้าอยู่หน้าธนาคารเลือดรอให้เธอขายเลือดเสร็จแล้ว จากนั้นก็แย่งเงินทั้งหมดไปจากเธอ
แต่วันนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดถึงเรื่องเงินเลยสักประโยคเดียว แต่กลับบังคับให้เธอกลับบ้าน ไม่ยอมให้เธอไปขายเลือด
และพอนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่เจียงเสี่ยวไป๋พรั่งพรูออกมา หลินเจียอินเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
เขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หรือ ?
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เจียงเสี่ยวไป๋แบกหลินเจียอินเดินออกมาไกลประมาณ 1 ลี้ได้แล้ว
“คุณรีบปล่อยฉันลงเถอะ”
หลินเจียอินตื่นจากภวังค์ เมื่อได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋หอบหายใจเสียงดังเหมือนวัว เธอก็รีบพูดอย่างตื่นตระหนก
“กลับบ้านกับผม แล้วผมจะปล่อยคุณลง”
เจียงเสี่ยวไป๋หายใจหอบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพูดเสียงแข็ง
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ถ้าหลินเจียอินไม่ยอม ต่อให้ต้องแบก เขาก็จะแบกเธอกลับบ้าน เขาจะไม่ยอมให้เธอไปขายเลือดเป็นอันขาด
“คุณไม่ให้ฉันไปธนาคารเลือด ฉันจะยังทำอะไรได้อีกล่ะ ? ”
หลินเจียอินพูดอย่างหัวเสีย
ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรตามใจตัวเองที่สุด ตราบใดที่มันไม่ตรงตามความต้องการของเขา เธอก็จะไม่มีวันทำสำเร็จแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วค่อย ๆ วางตัวหลินเจียอินลง พร้อมกับทรุดนั่งลงกับพื้น
เขาเหนื่อยมากจริง ๆ
ทว่า เขากลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขายิ้มจนน้ำตาไหล
หลินเจียอินหันไปทางอื่น เธอไม่อยากมองเขา เขาเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน หลังจากพักผ่อนสักพัก เขาก็จับมือดึงหลินเจียอินกลับบ้าน
มาถึงบริเวณที่เขาทิ้งจักรยานเอาไว้ เมื่อเห็นว่าจักรยานยังคงอยู่ในพงหญ้าเหมือนเดิม เจียงเสี่ยวไป๋จึงไปเข็นจักรยานออกมา แล้วตบที่เบาะหลัง “ที่รัก คุณขึ้นมานั่งสิ ผมจะเข็นคุณกลับบ้าน”
หลินเจียอินเหลือบมองรถจักรยาน ยางหน้ามันแบนไปแล้ว จะเข็นได้อย่างไร ?
เธอจึงก้มหน้าเดินไปข้างหน้า
เจียงเสี่ยวไป๋รีบคว้าตัวเธอไว้ แล้วชี้ไปยังทางที่จะเข้าเมือง พลางพูดว่า: “ที่รัก ไปทางนี้”
หลินเจียอินหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋จึงอธิบายให้เธอฟัง “รถยางแตกแล้ว ปั่นต่อไม่ได้ ถ้าเราเข็นกลับอำเภอชิงซาน เราจะต้องเข็นไกลกว่า 10 ลี้ แต่จากตรงนี้เข้าเมืองแค่ 2 ลี้เอง เดี๋ยวเราเข้าเมืองไปหาที่ปะยางรถก่อน แล้วเดี๋ยวผมจะปั่นจักรยานพาคุณกลับบ้าน”
หลินเจียอินชะงักไปเล็กน้อย แต่เธอก็หันกลับมาอย่างเงียบ ๆ และเดินไปทางเมืองชิงโจว
เจียงเสี่ยวไป๋รีบเข็นรถจักรยานตามไป เขาเดินอย่างเชื่อฟังเหมือนเด็กนักเรียนประถมที่เพิ่งทำผิดมา
“ไปเอาจักรยานมาจากไหน ? ”
หลังจากทั้งสองเดินไปได้สักพัก หลินเจียอินก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ยืม……มาน่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบเสียงอึกอัก
เขาแค่ยืมมาจริง ๆ เพียงแต่ไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเจ้าของรถด้วยซ้ำ
สีหน้าของหลินเจียอินเปลี่ยนไป เธอหมดคำจะพูดกับเขาแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนแบบไหน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธออีกแล้ว ใครจะกล้าให้เขายืมจักรยาน หรือไม่กลัวว่าเขาจะเอาจักรยานไปขายเพื่อเอาเงินไปเล่นไพ่ ?
“ที่รัก ผมขอโทษ
ตอนนั้นผมรีบร้อนอยากไล่ตามคุณให้ทัน ผมเลยแค่บอกเขาว่าจะขอยืมจักรยาน จากนั้นก็ปั่นมาที่นี่เลย โดยไม่ทันรอให้เจ้าของเขาอนุญาตก่อน
ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมจะไปชดใช้ให้เจ้าของจักรยาน แล้วก็ขอโทษเธอด้วย
ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้อีกแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเจียอินดูแปลกไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบอธิบายอย่างอย่างตรงไปตรงมา เพราะอีกสักพักเขาต้องผ่านอำเภอชิงซาน เขาต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ภรรยารักของเขาตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นอีก
หลินเจียอินชำเลืองมองเจียงเสี่ยวไป๋ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้สนใจความรู้สึกของฉันขึ้นมาล่ะ ?
ในอดีต ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะไม่อธิบายให้เธอฟัง นับประสาอะไรกับความรู้สึกของเธอ
แต่ตอนนี้เขาใส่ใจความรู้สึกของเธออย่างชัดเจน
“ฉันไม่มี……เงินปะยางหรอกนะ” หลินเจียอินพูดเสียงแผ่ว
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบธนบัตร 1 เหมาออกมาให้เธอดู “ผมมี”
มันคือเงินที่เหลือจากเล่นไพ่เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี
ทั้งสองเข้าไปในเมืองและผ่านร้านซาลาเปา เห็นซาลาเปาร้อน ๆ ควันขึ้นฉุย เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินเข้าไปซื้อซาลาเปามา 2 ลูกทันที
ซาลาเปาไส้หวานลูกละ 5 เจี่ยว ซื้อ 2 ลูกราคา 1 เหมาพอดี
เขายื่นซาลาเปาทั้ง 2 ลูกให้หลินเจียอิน “กินอะไรหน่อย กลับบ้านไปผมจะทำอาหารให้กิน”
จนกระทั่งซาลาเปาทั้ง 2 ลูกถูกยัดใส่มือ หลินเจียอินก็ยังรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่ความจริง
เมื่อก่อนเวลามีอะไรกิน มีตอนไหนบ้างที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่กินเองก่อน เขาไม่เคยสนใจความเป็นความตายของพวกเธอสองคนแม่ลูกเลยด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้ เขากลับเอาซาลาเปาที่มีอยู่ 2 ลูกให้เธอทั้งหมด
เธอออกมาตั้งแต่เช้าโดยไม่ได้กินข้าว ทั้งยังเดินเป็นระยะทางกว่า 20 ลี้ เธอหิวจนแทบจะหน้ามืดตาลาย ตอนนี้พอได้ถือซาลาเปาร้อน ๆ ในมือ ท้องของเธอก็ส่งเสียง “โครก~” ออกมา
“คุณเอาเงินไปซื้อซาลาเปาหมดแล้ว แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปปะยางรถ ? ”
หลังจากอดทนต่อความหิวได้แล้ว หลินเจียอินจึงยื่นซาลาเปาคืนให้เขา
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัด “คุณรีบกินเถอะ เรื่องปะยาง ผมพอมีวิธี”
พูดจบ เขาก็กลับไปที่ร้านซาลาเปาเพื่อขอน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วจากเจ้าของร้าน จากนั้นก็ยกมันมาและเร่งเร้าให้หลินเจียอินกินซาลาเปา
หลินเจียอินก้มลงกัดซาลาเปากินคำเล็ก ๆ ดวงตาคู่งามเคลิบเคลิ้มด้วยรสหวานของซาลาเปา
ซาลาเปาไส้หวานมันช่างอร่อยจริง ๆ
หลังจากกินหมดไป 1 ลูก เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยื่นชามใส่น้ำเย็นชื่นใจให้เธอ “ดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยกินอีก เดี๋ยวจะติดคอ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเป็นห่วงเป็นใยราวกับจะเกลี้ยกล่อมให้เด็กน้อยกินข้าว
กินซาลาเปาไส้หวานไปแล้ว 1 ลูกและดื่มน้ำอีกครึ่งชาม แม้จะยังไม่อิ่มท้อง แต่หลินเจียอินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
เธอหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วยื่นซาลาเปาให้เขา “คุณเองก็……กินด้วยสิ”