ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 503 : มันน่าลำบากใจ
ตอนที่ 503 : มันน่าลำบากใจ
“สวัสดีครับพ่อ ! ”
เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็เรียกเขาด้วยความเคารพ
หลินต้าเหว่ยมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เขายื่นมือส่งสัญญาณให้เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงแล้วถามว่า “ลูกมาถึงเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนครับ ผมแวะนั่งที่ห้องทำงานเลขาหลี่สักพักหนึ่งถึงมา”
หลินต้าเหว่ยพยักหน้าและยื่นบุหรี่อวี้เตี๋ยให้เจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋รับมาและหยิบไม้ขีดออกมาจุด เขาจุดให้พ่อตาของเขาก่อน แล้วจึงจุดให้ตัวเอง
หลินต้าเหว่ยพ่นควันออกมาแล้วพูดถึงประเด็นหลัก “ที่พ่อโทรหาครั้งนี้ เพราะว่าพ่อต้องการคุยกับลูกเกี่ยวกับโรงผลิตเบียร์ซานเฉิง”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าพ่อตาของเขาโทรเรียกให้เขามาเพราะเรื่องก่อสร้างพื้นที่ชนบทใหม่ ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงผลิตเบียร์ซานเฉิง เรื่องนี้สร้างความสุขใจให้เขาไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่หลี่ซิ่งฮวาบอกว่ามันคือเรื่องดี
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นและความสุขออกมา แต่เขาถามว่า “พ่อครับ ทำไมจู่ ๆ พ่อถึงอยากคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องโรงเบียร์ซานเฉิงล่ะ ? ”
หลินต้าเหว่ยยิ้มรับ “ลูกไม่ได้อยากเข้าซื้อโรงเบียร์ซานเฉิงมาตลอดหรอกเหรอ ? ทำไมตอนนี้ถึงดูไม่สนใจเลยล่ะ ? ”
“ไม่ใช่ครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ“ผมแค่คิดว่ามันแปลก พ่อไม่เคยติดต่อกับโรงเบียร์ซานเฉิงมาก่อน จู่ ๆ พ่อก็พูดถึงมัน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋และพูดว่า “เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักธุรกิจฮ่องกงจอมลวงโลกเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้ว ปัญหาเรื่องการอัพเกรดอุปกรณ์ของโรงเบียร์ซานเฉิงจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายจึงเกิดปัญหาในภายหลัง”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็พูดว่า “ไม่นานมานี้โรงงานเบียร์ของรัฐในหวู่ตูเสนอขอเข้าซื้อโรงเบียร์ซานเฉิง หลังจากติดต่อกันหลายรอบ พ่อพบว่าพวกเขาสนใจแต่แบรนด์ซานเฉิงเท่านั้น แต่ไม่ได้สนใจเรื่องอุปกรณ์และบุคลากรในโรงงาน”
หลินต้าเหว่ยไม่มีอะไรต้องปิดบังลูกเขย เขาจึงพูดตามความจริง
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า ตามความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา โรงเบียร์หวู่ตูได้เข้าซื้อกิจการโรงเบียร์ซานเฉิงในเจี้ยนหยาง
หลินต้าเหว่ยกล่าวต่ออีกว่า “จากสถานการณ์นี้ พ่อได้หารือกับรองนายอำเภอหลี่ในภายหลัง และรู้สึกว่าแทนที่จะขายกิจการโรงเบียร์ซานเฉิงให้กับหวู่ตู ไม่สู้ให้ลูกเข้ามาเหมากิจการดีกว่า”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แล้วเงื่อนไขล่ะครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยหัวเราะและพูดว่า “ไม่นานมานี้พ่อได้สอบถามอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาของลูกกับโรงงานฟิล์มพลาสติกชิงโจวแล้ว นอกเหนือจากมูลค่าสัญญาจ้างเหมา เงื่อนไขอื่นสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้”
“จุดนี้ทีมของเราได้หารือกันแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “มูลค่าสัญญาเท่าไหร่ครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยวางก้นบุหรี่ในมือลง ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นขณะพูดว่า “อย่ารีบเร่งหารือเรื่องมูลค่าสัญญาเลย หากลูกต้องการทำสัญญาเหมากิจการโรงเบียร์ ลูกต้องยอมรับคำขอหนึ่งจากรัฐบาลด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและโพล่งออกมา “คำขออะไรครับพ่อ ? ”
หลินต้าเหว่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ลูกนั่งกับหลี่ซิ่งฮวามาสักพักแล้วคงรู้ว่าโครงการนำร่องการก่อสร้างชนบทใหม่ของอำเภอเจี้ยนหยางตั้งอยู่ในหมู่บ้านต้าชิ่งใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดด้วยความประหลาดใจ “ทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อตอนที่เกิดเพลิงไหม้ในหมู่บ้านต้าชิ่ง ลูกก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่เดิมหมู่บ้านนั้นยากจน บ้านเรือน ภูเขา และป่าไม้ถูกเผาเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนในหมู่บ้านต้าชิ่งกำลังจะหาทางทำกินได้ยากแล้ว”
ในพื้นที่ชนบท เกษตรกรพึ่งพาภูเขาและทุ่งนาเพื่อความอยู่รอด
ป่าในหมู่บ้านต้าชิ่งถูกเผา และชาวนาไม่มีฟืน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถก่อไฟปรุงอาหารได้
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจความจริงนี้โดยธรรมชาติ แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับการเซ็นสัญญาเหมากิจการโรงเบียร์ซานเฉิง
เขาพูดได้เพียงว่า “พ่อครับ ถ้าพ่อมีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “รายได้ในหมู่บ้านต้าชิ่งนั้นต่ำเกินไปและยังถูกไฟป่าเผาไหม้พื้นที่ทำกินส่วนใหญ่ไป แม้ว่าหน่วยงานปกครองประจำอำเภอของเราจะตั้งโครงการนำร่องชนบทใหม่ที่นั่น รัฐบาลก็จะสนับสนุนโครงการนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยจัดหาเหล็กเส้น ไม้ไผ่ และฟิล์มพลาสติกที่จำเป็นในการสร้างโรงเรือน แม้แต่เมล็ดพันธุ์ผักก็มีให้ แต่ก็ยังยากที่จะทำให้หมู่บ้านต้าชิ่งมั่งคั่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น”
“ลูกมีความคิดดี ๆ มากมาย ลูกช่วยบอกพ่อหน่อยได้ไหมว่าจะทำให้ชาวนาในหมู่บ้านต้าชิ่ง ร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้า
หากเกษตรกรต้องการความร่ำรวยก็ต้องเป็นกระบวนการสะสมระยะยาว หากไม่มีโอกาสพิเศษก็ยากที่จะบรรลุความมั่งคั่งในช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว หลินต้าเหว่ยก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขาและผู้นำเขตจัดการประชุมและหารือกันหลายครั้ง แต่ไม่สามารถหาทางออกให้ชาวบ้านหมู่บ้านต้าชิ่งร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาฝากความหวังไว้กับเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เขาไม่คาดคิดว่า เจียงเสี่ยวไป๋จะจนปัญญาเช่นกัน
แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ เขากล่าวว่า “ถ้าลูกลองคิดดูอีกสักหน่อย เช่นเดียวกับบ้านเกิดของลูกที่เจียงวาน ลูกคงสามารถทำสิ่งพิเศษเพื่อชาวบ้านในหมู่บ้านต้าชิ่ง ทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เกษตรกรในเจียงวานสามารถร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วเพราะผมเปิดร้านขายกุ้งเครย์ฟิชขนาดใหญ่ในเมืองชิงโจว และผู้คนในเจียงวานจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายให้ผมเพื่อสร้างรายได้”
“กุ้งเครย์ฟิชเป็นทรัพยากสำคัญที่ทำให้พวกเขาร่ำรวย หมู่บ้านต้าชิ่งมีทรัพยากรอะไรบ้างไหมครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยส่ายหน้า ที่นั่นไม่มีแม่น้ำหรือเหมืองสักแห่ง ก่อนเกิดเพลิงไหม้ ชาวบ้านยังสามารถขุดยาสมุนไพรจีนบนภูเขาและสับฟืนขายได้บ้าง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟป่า อย่าว่าแต่ยาสุมนไพรจีนและฟืนที่ไว้ขายเลย ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านต้าชิ่งยังไม่มีแม้แต่ฟืนมาก่อไฟทำอาหาร
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าตอนนี้หมู่บ้านต้าชิ่งแทบจะไม่เหลือทรัพยากรอะไรแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แม้แต่ผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถก็ไม่สามารถทำอาหารได้หากไม่มีข้าว หากพ่อต้องการผลักดันให้ชาวบ้านร่ำรวยอย่างรวดเร็ว พ่อยังต้องใช้เวลา สถานที่ และผู้คนที่เหมาะสมด้วย”
หลินต้าเหว่ยถอนหายใจและหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของเขา
ผลก็คือ…พอหยิบออกมาก็มีบุหรี่อยู่ข้างในเพียงมวนเดียว
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็น เขาก็หยิบบุหรี่ของตัวเองออกมาแล้วพูดว่า “พ่อครับ สูบนี่สิ ! ”
พูดจบ เขาก็ยื่นบุหรี่จงฮั๋วให้
หลินต้าเหว่ยโบกมือ “มีอีกอันนี่ สูบอันนี้ก่อนก็ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม หยิบบุหรี่ออกมาแล้วยัดใส่เข้าไปในปากของเขา จากนั้นหยิบไม้ขีดออกมาแล้วจุดบุหรี่ให้ตนเอง
ทันใดนั้น เขาก็ชะงักไป
ไม้ขีดไฟที่จุดบุหรี่ยังคงลุกโชนและเผาไหม้จนหมดในไม่ช้า
“เสี่ยวไป๋ เป็นอะไรไป ? ”
หลินต้าเหว่ยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็นิ่งไป ดูเหมือนจะลืมว่าเขากำลังจุดบุหรี่อยู่ด้วยซ้ำ
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกตัว ไม้ขีดในมือของเขาแทบจะทำให้นิ้วของเขาไหม้ เขารีบเขย่ามันและดับไม้ขีดไฟอย่างรวดเร็ว
“พ่อครับ จู่ ๆ ผมก็มีความคิด ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะโยนหัวไม้ขีดไฟที่ดับแล้วลงในที่เขี่ยบุหรี่
หลินต้าเหว่ยตกใจแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ลูกคิดวิธีแก้ปัญหาในหมู่บ้านต้าชิ่งได้แล้วใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและไม่ได้รีบร้อนตอบคำถาม เขาหยิบไม้ขีดออกจากกล่องอีกครั้ง จุดไฟและจุดบุหรี่ก่อนจะพูดว่า “ผมมีความคิดบางอย่าง ! ”
หลินต้าเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “พ่อรู้ว่าไม่มีปัญหาอะไรที่ลูกแก้ไม่ได้ เอาล่ะ บอกวิธีแก้ปัญหาของลูกมาเถอะ”