ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 506 : เห็นพร้องต้องกัน
ตอนที่ 506 : เห็นพร้องต้องกัน
หลินต้าเหว่ยกำลังจะประกาศเลื่อนการประชุม แต่แล้วผู้อำนวยการสำนักงานฉินหงซิงก็พูดขึ้นว่า “นายอำเภอหลิน ผมคิดว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ เจียงเสี่ยวไป๋บอกแค่ว่าสิ่งหนึ่งแลกกับอีกสิ่งหนึ่ง เขาไม่ได้บอกเสียหน่อยว่จะขอโรงเบียร์ไปโดยไม่แลกเปลี่ยนอะไร”
“เนื่องจากเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง จะถือเป็นการสูญเสียทรัพย์สินของรัฐได้อย่างไร ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินต้าเหว่ยก็ล้มเลิกความคิดที่จะเลิกการประชุมทันที และเริ่มพูดคุยเแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกรอบ
สีเจิ้งเหว่ยเหลือบมองฉินหงซิง และกล่าวว่า “ผู้อำนวยการฉิน ว่ากันว่าไม่เจ้าเล่ห์ขี้โกง ไม่ใช่นักธุรกิจ ถ้าโรงงานของเจียงเสี่ยวไป๋ในหมู่บ้านต้าชิ่งมีค่ามากกว่าโรงเบียร์ซานเฉิงจริง แล้วทำไมเขาถึงต้องการแลกล่ะ ? ”
“นักธุรกิจเห็นคุณค่าของผลกำไร เขาคงจะมองเห็นกำไรของโรงเบียร์ซานเฉิง ดังนั้นเขาจึงเสนอขอแลกเปลี่ยน”
ฉินหงซิงหัวเราะและกล่าวว่า “เราจะไม่พูดถึงประเด็นว่าจะแลกกับเขาหรือไม่ เรามาพูดถึงมูลค่าของโรงเบียร์กันก่อนเถอะ”
ราวซุ่นชิงกล่าวว่า “ผมว่าลองคุยกันก่อนก็ได้นะ”
เฉิงซิงเจียก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
สีเจิ้งเหว่ยยังคงนิ่งเงียบ ซึ่งถือเป็นการไม่คัดค้าน
ฉินหงซิงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของโรงเบียร์ซานเฉิงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เขากล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน โรงเบียร์ซานเฉิงเหลือเพียงสามทางเลือกเท่านั้น คือถูกโรงเบียร์หวู่ตูซื้อไป ถูกนักธุรกิจทำสัญญาเหมากิจการไป หรือจะรักษาสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ รอสัก 2-3 ปีก่อนจะตกอยู่ในสู่วิกฤตทางธุรกิจและอาจล้มละลายในที่สุด”
หลี่กัง ราวซุ่นชิง และเฉิงซิงเจียต่างพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของฉินหงซิง
สีเจิ้งเหว่ยกลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เขากล่าวว่า “ในเมื่อโรงเบียร์สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยการทำสัญญาจ้างเหมากิจการ ดังนั้นจึงมีปัญหากับผู้ประกอบการโรงเบียร์ ทำไมเราไม่เปลี่ยนความคิด ปรับการบริหารจัดการโรงเบียร์ และปล่อยให้คนที่มีความสามารถมาฟื้นฟูโรงเบียร์ล่ะ ? ”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “รองนายอำเภอสี ผมคิดว่าข้อเสนอของคุณใช้ได้ แต่คำถามคือใครจะมาแทนที่ ? ใครที่มีความสามารถพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันของโรงเบียร์ได้ ? ”
หลี่กังเข้ามารับช่วงต่อและกล่าวว่า “เสวียหัว ผู้อำนวยการโรงเบียร์คนปัจจุบันก็เป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นและทำงานในโรงเบียร์มาหลายปีแล้ว คนที่ทางรัฐส่งมาช่วยบริหารยังไม่มีใครเข้าใจระบบงานได้ดีเท่าเขา”
ราวซุ่นชิงกล่าวว่า “ใช่ ความสามารถของเสวียหัวถือว่าไม่เลว”
เฉิงซิงเจียกล่าวว่า “สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะเรายังขาดคนที่มีพรสวรรค์ และเราขาดคนที่มีพรสวรรค์ที่มีแนวคิดแบบเจียงเสี่ยวไป๋”
สีเจิ้งเหว่ยถอนหายใจเช่นกัน เขาทำงานในเจี้ยนหยางมาหลายปีขนาดนี้ ใครมีความสามารถ เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ
ประเด็นนี้ยังไม่สามารถพูดคุยได้
ฉินหงซิงกล่าวว่า “งั้นเราพักการอภิปรายเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาของโรงเบียร์ในขณะนี้ก่อน ตอนนี้ผมว่าเรามาหารือเกี่ยวกับเรื่องของหมู่บ้านต้าชิ่งกันดีกว่า”
สีเจิ้งเหว่ยกล่าวว่า “ยังมีอะไรให้หารืออีก ก่อนหน้านี้เราจัดประชุมไปสามรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเสียที”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “ใช่ครับ การประชุมสองสามครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีผลลัพธ์ แต่คราวนี้แตกต่างออกไป เรามีการประชุมหลายครั้งแต่ไม่มีผลลัพธ์ แต่ทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงมั่นใจขนาดนี้ว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหาของหมู่บ้านต้าชิ่งได้ ? ”
เขาเหลือบมองทุกคนแล้วพูดต่อ “หรือว่าใต้พื้นที่ของหมู่บ้านต้าชิ่งมีเหมือง หรือว่ามีทรัพยากรอื่นอีก ? ”
สีเจิ้งเหว่ยเริ่มหงุดหงิดแล้ว “หมู่บ้านต้าชิ่งใหญ่เท่าฝ่ามือ หากมีเหมืองอยู่ใต้ดินคงจะถูกค้นพบมานานแล้ว ! ”
ราวซุ่นชิงยังกล่าวอีกว่า “ใช่ พูดถึงทรัพยากร เดิมทีบนภูเขาในหมู่บ้านต้าชิ่งมีไม้และพืชสมุนไพรจีนอยู่บ้าง แต่หลังจากไฟป่าครั้งนั้น ที่แห่งนั้นกลับเหลือเพียงเนินเขาเปลือยเปล่า จะมีทรัพยากรอะไรหลงเหลือได้อีก ? ”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “ในเมื่อรองนายอำเภอสีและรองนายอำเภอราวพูดเช่นนั้น เราจึงต้องตั้งคำถามแล้วว่าในเมื่อไม่มีอะไรในหมู่บ้านต้าชิ่ง แต่ทำไมเจียงเสี่ยวไป๋จึงจะไปลงทุนที่นั่น เขาจะได้อะไรจากการลงทุนล่ะ ? ”
ทุกคนเงียบ
ฉินหงซิงเห็นแบบนั้น จึงกล่าวต่อ “เราอาจไม่รู้คำตอบ แต่เราสามารถอนุมานได้ว่าโครงการที่เจียงเสี่ยวไป๋จะลงทุนนั้น อาจไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านต้าชิ่ง”
ทันใดนั้น เขาก็พูดเสียงดังว่า “แต่เหตุผลที่เขาจะไปสร้างโรงงานที่หมู่บ้านต้าชิ่ง อาจเป็นเพราะเขาพิจารณาถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของนายอำเภอหลิน และอยากสนับสนุนงานของนายอำเภอหลิน”
“ไม่อย่างนั้นหากเขามีโครงการที่ทำกำไรได้ เขาก็สามารถลงทุนในสถานที่ที่มีการคมนาคมสะดวก ทำไมต้องไปที่หมู่บ้านต้าชิ่งด้วยล่ะ ? ”
หลี่กัง ราวซุ่นชิง และเฉิงซิงเจียต่างก็พยักหน้า
สีเจิ้งเหว่ยกล่าวว่า “ผู้อำนวยการฉิน สิ่งที่คุณพูดก็สมเหตุสมผล แต่เขาก็สามารถสร้างรายได้ด้วยการลงทุน เขาสามารถลงทุนและสร้างรายได้ แล้วทำไมต้องมายุ่งกับโรงเบียร์ด้วยล่ะ ? ”
ฉินหงซิงหัวเราะ “เรื่องนี้ผมไม่รู้ครับ”
หลินต้าเหว่ยรับช่วงต่อคำพูดในเวลาที่เหมาะสม เขากล่าวว่า “ฉันคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่คือโอกาสในการแก้ไขปัญหาของหมู่บ้านต้าชิ่ง เราสามารถพิจารณาได้หลังจากได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่เจียงเสี่ยวไป๋นำมาเสนอ หากแลกเปลี่ยนกับเขาแล้วไม่ทำให้ทรัพยากรที่รัฐมีเสียหาย เราก็จะแลกกับเขา ! ”
“ผมเห็นด้วย ! ”
หลี่กังเป็นคนแรกที่แสดงจุดยืนของเขา !
“ผมเห็นด้วย ! ”
“ผมก็เห็นด้วย ! ”
ราวซุ่นชิงและเฉิงซิงเจียต่างก็เห็นด้วยเช่นกัน
ฉินหงซิงกล่าวว่า “ผมเองก็เห็นด้วย”
หลังจากพูดแล้ว เขาก็มองไปที่สีเจิ้งเหว่ย เพราะสีเจิ้งเหว่ยเขาเป็นคนเดียวที่ไม่แสดงจุดยืนของตัวเอง
สีเจิ้งเหว่ยก้มหน้าลงและไตร่ตรองครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณทุกคนเห็นด้วย ผมเองก็ไม่คัดค้าน เรามาลองดูก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
หลินต้าเหว่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ก่อนอื่น ผู้อำนวยการฉิน รบกวนคุณช่วยโปรดตรวจสอบทรัพย์สินของโรงเบียร์ซานเฉิงล่าสุดนี้ หากทุกคนคิดว่าผลิตภัณฑ์ที่เจียงเสี่ยวไป๋นำมาเป็นไปได้ เราพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน และสามารถเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นได้”
“เอาล่ะนายอำเภอหลิน ไม่ต้องกังวล ผมจะไปที่โรงเบียร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดให้ครับ” ฉินหงซิงกล่าว
หลินต้าเหว่ยพยักหน้าและถามว่า “พวกคุณมีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม ถ้าไม่มีก็ปิดการประชุม ! ”
“ไม่มี ! ”
“ไม่มี ! ”
“……”
ไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก ดังนั้นพวกเขาจึงปิดการประชุมเท่านี้
หลินต้าเหว่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเดินออกจากห้องประชุม และแอบหงุดหงิดที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำให้เขาลำบากใจขนาดนี้
หลังกลับมาที่สำนักงาน เขารู้สึกไม่มีความสุขหลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เขาโทรหาหลี่ซิ่งฮวาแล้วถามว่า “บ่ายนี้ฉันมีงานอื่นอีกไหม ? ”
หลี่ซิ่งฮวากล่าวว่า “นายอำเภอหลิน ไม่มีกำหนดการของบ่ายวันนี้ครับ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะกลับบ้านก่อน หากมีเรื่องอะไรก็โทรเข้าไปที่บ้านฉันได้เลย”
“ครับ”
หลี่ซิ่งฮวาตกลงและส่งหลินต้าเหว่ยออกไป
เมื่อหลินต้าเหว่ยกลับบ้าน เขาเห็นหลิวอี้ถิง หลินเจียอิน และเจียงชานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหน ? เขายังไม่กลับมาเหรอ ? ”
หลิวอี้ถิงกลอกตามาที่เขาแล้วพูดว่า “เขากลับมานานแล้ว และกำลังทำอาหารให้คุณอยู่ในครัว”
หลินต้าเหว่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีเขาต้องการคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เขาก็ต้องพักไว้ชั่วคราวและรอจนกว่าจะถึงมื้อเย็น
“คุณตา วันนี้คุณตาเลิกงานเร็วเหรอ ? ”
เจียงชานวิ่งเข้าไปหาหลินต้าเหว่ยและพูด
เมื่อหลินต้าเหว่ยเห็นเด็กน้อยก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาวางกระเป๋าลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตารู้ว่าหลานสาวมาที่นี่จึงเลิกงานเร็ว แล้วหนูล่ะ คิดถึงตาไหม ? ”
“คิดถึงค่ะ ! ” เจียงชานพูดอย่างเอาใจ
หลินต้าเหว่ยหัวเราะเสียงดัง อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วแกล้งเธอ
ไม่นานหลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ทำอาหารเสร็จและออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นหลินต้าเหว่ย เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “พ่อครับ วันนี้พ่อเลิกงานเร็วเหรอ ? ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ ? ได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง ? ”