ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 517 : มีราคาที่ต้องจ่ายแน่นอน
ตอนที่ 517 : มีราคาที่ต้องจ่ายแน่นอน
ตอนที่พวกเขาออกจากร้านซีฟู๊ดก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว
พวกเขาทั้งสามดื่มหนักพอสมควร
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “จวิ้นเจี๋ย นายควรกลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้นายต้องไปทำงาน”
ติงจวิ้นเจี๋ยพยักหน้า “พี่จวิน พี่เจียง ผมไปก่อนนะ”
หลินเจียจวินโบกมือลา “อย่าลืมนะ ฉันจะไปรับนายพรุ่งนี้ตอนเย็น”
“ครับพี่จวิน”
หลังจากที่ติงจวิ้นเจี๋ยกลับไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียจวินก็เดินไปที่เกสต์เฮาส์หงซาน หลินเจียจวินพูดว่า “คืนนี้นายไม่ต้องดูชานชานแล้วเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ครั้งที่แล้วหลินเจียลี่บอกว่าเธอจะพาชานชานไปนอนด้วยหนึ่งคืน วันนี้ผมเลยให้ชานชานไปนอนกับเธอ เธอจะได้ไม่มามีปัญหากับผมอีก”
ดวงตาของหลินเจียจวินสว่างขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความลับบางอย่าง และพูดด้วยรอยยิ้ม “มีคนที่นายกลัวด้วยเหรอ ? พรุ่งนี้ฉันต้องถามลี่ลี่แล้วว่าเธอสร้างปัญหาให้นายอย่างไร”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาด้วยความโกรธ “พี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมถึงยังชอบซุบซิบคนอื่นกันนะ ? ”
หลินเจียจวินยิ้มอย่างไม่แยแส เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้นายจะทำเมนูอะไร ? ”
เมื่อนึกถึงรสชาติอาหารของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็แทบตั้งตารอไม่ไหวแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยิน จึงทำทีเป็นหาวกลบเกลื่อน “ผมดื่มเยอะไปจนผมรู้สึกง่วง ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าพรุ่งนี้จะทำเมนูอะไร เราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
หลินเจียจวินไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋แสร้งทำ เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และไม่คิดที่จะถามอีก หลังจากส่งเจียงเสี่ยวไป๋ที่ประตูเกสต์เฮาส์หงซานแล้ว เขาก็พูดว่า “งั้นนายไปนอนเถอะ ฉันจะมาหาพรุ่งนี้เช้า”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเขาเดินไปที่รถจึงรีบพูดว่า “เฮ้ พี่ดื่มหนักมาก ไม่ต้องขับรถแล้ว”
หลินเจียจวินพูดว่า “ถ้าฉันไม่ขับรถ นายจะให้ฉันเดินกลับเหรอ ? ”
จากนั้น เขาก็ขึ้นรถแล้วสตาร์ท
เจียงเสี่ยวไป๋โพล่งออกมาทันที “การขับรถเวลาเมาเป็นอันตราย ไปหาคนมาขับแทนเถอะพี่”
หลินเจียจวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ และถามว่า “แล้วใครจะมาขับรถให้ฉัน ? ”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ตกตะลึง บริการขับรถรับส่งจะมีขึ้นในรุ่นต่อ ๆ ไป แต่ไม่ใช่ในยุคนี้
เฮ้อ… การดื่มทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ แย่ลงจริง ๆ
เขาพูดบ้าอะไรออกมา
เขาจึงรีบพูดออกไปว่า “ผมจะบอกพี่ว่าขับรถขณะที่เมานั้นอันตราย ดังนั้นพี่ไม่ควรขับ เพราะมันอาจจะมีราคาที่ต้องแลกมามากกว่าที่พี่คิด”
หลินเจียจวินขมวดคิ้ว ดูเหมือนก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ได้พูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ แต่เพราะความที่เขาดื่มไปมาก เขาจึงมึนงงเล็กน้อยและไม่ได้ใส่ใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันอีกและโบกมือ “ดื่มไปนิดหน่อยเอง อย่ากังวลสิ อย่าพูดถึงการขับรถเลย ต่อให้ขับรถถัง ฉันก็สามารถขับได้ มันจะมีราคาเท่าไหร่กันเชียว ? ”
“ผมเตือนพี่แล้วนะ ช่างพี่เถอะ ! ”
โดยไม่รอให้เจียงเสี่ยวไป๋พูดอะไรอีก หลินเจียจวินก็เหยียบคันเร่งและรถจี๊ปออกจากเกสต์เฮาส์หงซานไปอย่างรวดเร็ว ขับไปทางถนนตงหู
ถนนสายนี้ในตอนกลางคืนไม่มียานพาหนะอื่น ๆ ขับบนถนน หลินเจียจวินจึงขับรถได้อย่างสบายใจโดยที่ยังคงคิดถึง ‘ราคา ! ’ ที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงเมื่อครู่นี้ !
“เด็กคนนั้นบางครั้งก็แปลก ! ”
“เขาไม่ใช่ผู้วิเศษเสียหน่อย จะไปรู้อะไรล่วงหน้าได้อย่างไร ! ”
เขาพึมพำอยู่ในใจ แต่จู่ ๆ ก็มีแสงของไฟรถที่หัวมุมข้างหน้า หลินเจียจวินรีบเหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็วและหมุนพวงมาลัยไปพร้อม ๆ กัน แต่จู่ ๆ พวงมาลัยก็หักอย่างแรง และด้านหน้ารถจิ๊บของเขาเอียงวิ่งออกนอกเลนถนนโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ สักพักหน้ารถก็ชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ‘ปัง ! ’ รถได้หยุดลง และไฟด้านหน้ารถก็ดับลงเช่นกัน
ในรถ หัวของหลินเจียจวินกระแทกกับพวงมาลัยอย่างแรงจนแตกและมีเลือดไหลออกมาที่หน้าผากของเขาทันที
โชคดีที่เขาชะลอความเร็วลงล่วงหน้า จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากนัก
“บัดซบ ฉันต้องแลกมาด้วยราคาที่ไม่คาดคิดจริง ๆ ! ”
หลินเจียจวินสบถ เอามือแตะเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา แล้วเปิดประตูลงจากรถเพื่อตรวจสอบสภาพของรถ
โชคดีที่รถได้รับความเสียหายแค่บริเวณมุมหน้ารถ มีกันชนงอ ไฟหน้าแตกหนึ่งดวงและมีรอยบุบที่มุมรถ
ในเวลานี้ รถที่สวนมาก็เลี้ยวตรงโค้งพอดี เมื่อเห็นว่ามีรถตกข้างทางก็ได้หยุดรถลง จากนั้นชายวัยกลางคนก็โผล่หัวออกมานอกหน้าต่างรถแล้วตะโกนว่า “นี่คุณ ! เป็นอะไรไหม ? ”
หลินเจียจวินหันกลับไปมองชายวัยกลางคนแล้วตอบว่า “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ชายวัยกลางคนเห็นใบหน้าของหลินเจียจวินชัดเจนในเวลานี้ และเห็นว่าหน้าผากของเขามีเลือดไหลออกมา เขาก็ตกใจและพูดว่า “หัวของคุณมีเลือดไหลออกมา คุณเจ็บตรงไหนอีกไหม ? ”
หลินเจียจวินยิ้ม “มันเป็นแค่รอยเล็ก ๆ ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”
ชายวัยกลางคนเปิดประตูและลงมาจากรถ เขาเดินไปหาหลินเจียจวินแล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงประมาทจนขับรถลงไปข้างทางแบบนี้ล่ะ ? ”
หลินเจียจวินยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย เขาหยิบบุหรี่ออกมามอบให้ชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า “ขอบคุณพี่ชายที่เป็นห่วง โชคดีที่ไม่มีอะไรร้ายแรง”
ชายวัยกลางคนหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ถอยรถก่อน”
หลินเจียจวินพยักหน้า เขาเข้าไปในรถเข้าเกียร์ถอย เขย่าเกียร์อยู่สองสามครั้ง จากนั้นรถจี๊ปก็ถอยกลับไปบนถนนและจอดอยู่ข้างทาง
ชายวัยกลางคนโล่งใจเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“น้องชาย คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ ! ”
“ฉันได้กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวคุณ หลังจากดื่มก็โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับรถด้วย”
หลินเจียจวินขอบคุณเขา “ครับพี่ชาย ผมจะขับช้า ๆ ”
ต้องบอกว่าคนในยุค 80 นั้นให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือคนอื่นมาก พวกเขาจะรีบหยุดถามและช่วยเหลือเมื่อเจอเรื่องแบบนี้
แต่ในรุ่นต่อ ๆ ไป ผู้คนส่วนใหญ่จะรีบขับออกไปให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
พวกเขาก็จะขับรถผ่านไปโดยไม่สนใจ
หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไปแล้ว หลินเจียจวินก็สตาร์ทรถใหม่และขับกลับบ้าน
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน มู่เสี่ยวหวาน หลินเจียปิงและจางอ้ายผิงต่างก็ดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ตอนที่ทุกคนเห็นเลือดบนหน้าผากของเขา มู่เสี่ยวหวานก็ตกใจ “เหล่าซาน แกไปโดนอะไรมา ? ”
เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าไปดูใกล้ ๆ
“แม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ตอนที่ผมกลับมา รถก็เบี่ยงออกจากถนนไปชนต้นไม้” หลินเจียจวินพูดอย่างรวบรัด
“เอารถไปชน ยังจะมาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก ! ” มู่เสี่ยวหวานพูดด้วยความโกรธและพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ “แกดื่มมาอีกแล้วใช่ไหม ฉันบอกแล้วว่าอย่าขับรถตอนดื่ม แล้วทำไมแกไม่ฟัง ? ”
หลินเจียปิงเหลือบมองน้องชายของเขาแล้วพูดว่า “การขับรถตอนเมามันอันตรายขนาดไหน จวินจวิน นายอายุ 30 แล้วนะ ทำไมถึงยังทำให้แม่ต้องเป็นกังวลแบบนี้ด้วย ? ”
หลินเจียจวินพูดด้วยความไม่พอใจทันที “พี่รอง ทำไมพี่ถึงทำตัวเหมือนคนแก่ไปได้ หยุดเรียกผมว่าจวินจวินได้แล้ว”
หลินเจียปิงกล่าวว่า “ฉันก็เรียกนายแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทีตอนเป็นเด็ก นายยังไม่บ่นสักคำเลยนี่ ? ”
“พี่…” หลินเจียจวินโกรธมากจนพูดไม่ออก
“เอาล่ะ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว” จางอ้ายผิงมองไปที่หลินเจียปิง จากนั้นก็หันไปหาหลินเจียจวิน แล้วพูดว่า “หัวของคุณยังมีเลือดออกอยู่เลย รีบไปหาเสี่ยวหงเถอะ ขอให้เธอทำแผลให้ก่อน”
“ใช่ ใช่ รีบไปหาเสี่ยวหงเร็วเข้า” มู่เสี่ยวหวานก็รีบพูดเช่นกัน
ในขณะนี้ หลินต้ากั๋วก็ได้เดินออกจากห้องทำงานของเขา
เมื่อเห็นสภาพของหลินเจียจวินในเวลานี้ เขาก็พูดอย่างไม่พอใจ “เป็นเพราะเพื่อนคนไหนอีกที่พาแกไปสำมะเลเทเมาจนกลายเป็นแบบนี้ ! ”
คนสุดท้ายที่หลินเจียจวินต้องรับมือในเวลานี้คือหลินต้ากั๋ว แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็ตอบเสียงดังว่า “พ่อ อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมก็มีเพื่อนดี ๆ ได้เหมือนกัน และวันนี้ผมก็ไปดื่มกับเจียงเสี่ยวไป๋มา”
“เจียงเสี่ยวไป๋ ? ” ดวงตาของหลินต้ากั๋วเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เขามาที่เจียงเฉิงงั้นเหรอ ? ”