ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 526 : โอกาสของติงจวิ้นเจี๋ย
ตอนที่ 526 : โอกาสของติงจวิ้นเจี๋ย
จู่ ๆ ได้ยินประโยคนี้ ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
เขามองหลินเจียจวินอย่างสงสัย แล้วพูดแซวเล่น “พี่ไปเรียนดูโหงวเฮ้งคนมาตั้งแต่ตอนไหน ? ”
หลินเจียจวินขำแห้ง “เมื่อวานพ่อเรียกฉันเข้าไปในห้องหนังสือ และถามฉันเกี่ยวกับติงจวิ้นเจี๋ย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “แล้วพี่บอกเขาไปว่าอย่างไร ? ”
หลินเจียจวินยักไหล่ “ฉันเพิ่งรู้จักจวิ้นเจี๋ยไม่เท่าไร จึงพูดตามสัญชาตญาณที่เห็น ส่วนอื่นไม่ได้พูด”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าแล้วถามต่ออีกว่า “ทำไมพ่อของพี่ถึงนึกอยากถามเกี่ยวกับจวิ้นเจี๋ยขึ้นมาล่ะ ? ”
หลินเจียจวินกล่าวว่า “หลังจากหยางเสี่ยวโจวย้ายไปทำงานที่เอ้อเฉิงแล้ว พ่อของฉันก็ยังหาเลขาที่เหมาะสมไม่ได้เลย คิดว่าเขาคงเกิดความสนใจในตัวเด็กคนนั้น”
ได้ยินแบบนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็คือความคิดขึ้นมา เขาเห็นด้วยกับคำพูดของหลินเจียจวิน
หลินต้ากั๋วจะไม่มีวันถามถึงติงจวิ้นเจี๋ยโดยไม่มีเหตุผล เมื่อเขาถาม นั่นแสดงว่าเขาสนใจ
และหากหลินต้ากั๋วให้ติงจวิ้นเจี๋ยเป็นเลขาประจำตัวจริง เช่นนั้นเด็กคนนั้นก็จะมีอนาคตที่สดใสเหมือนที่หลินเจียจวินบอกไว้ !
ขณะที่เขากำลังดีใจแทนติงจวิ้นเจี๋ย เขาก็พูดกับหลินเจียจวินว่า “เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกจวิ้นเจี๋ยนะ”
หลินเจียจวินเลิกคิ้วถาม “ฉันจะพูดเรื่องพวกนี้ไปทำไม ? ปกติฉันไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องของพ่ออยู่แล้ว แต่เป็นเพราะนายไง ฉันเลยพูดเปรย ๆ ให้ฟัง”
ระหว่างที่พูด พวกเขาก็มาถึงที่ว่าการประจำมณฑล หลินเจียจวินขับรถไปจอดที่ด้านข้าง
ทั้งสองยังคงพูดคุยกันในรถรอติงจวิ้นเจี๋ยเลิกงาน
ผ่านไปกว่าสิบนาที ติงจวิ้นเจี๋ยก็เดินออกจากประตู เขามองไปรอบ ๆ ไม่นานก็พบรถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋จึงเดินตรงไป
“พี่จวิน ! ”
“พี่เจียง ! ”
หลังจากขึ้นรถแล้ว ติงจวิ้นเจี๋ยก็ทักทายทั้งสอง
หลินเจียจวินจึงถามว่า “จวิ้นเจี๋ย นายอยากกินอะไร ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยตอบกลับ “ผมกินอะไรก็ได้ พี่จวินเลือกเลย”
“งั้นขึ้นรถเลย ! ” หลินเจียจวินพูดติดตลกพร้อมทั้งสตาร์ทรถ
ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ในเจียงเฉิงมาหลายปี เขายังคงรู้จักร้านอาหารดี ๆ หลายแห่ง ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็มาจอดรถที่ริมถนน
พวกเขาลงจากรถ เจียงเสี่ยวไป๋จึงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าป้ายร้านเขียนว่า: ร้านอาหารหูหนาน
หลินเจียจวินกล่าวว่า “ชาวชิงโจวอย่างพวกนายชอบรสจัด วันนี้เราจะกินอาหารหูหนานกัน”
“เอาล่ะ มาดูกันว่าร้านอาหารที่พี่เลือกเป็นของดั้งเดิมไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียจวินกล่าวว่า “ฉันรู้แค่ว่าเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้เป็นคนหูหนาน แต่จะรสชาติดั้งเดิมหรือไม่นั้น นายต้องตัดสินเอง วันนี้ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าของร้านแห่งนี้จะบริการเราอย่างไร”
ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ทั้งสี่คนก็เดินเข้ามาในร้าน
“ยินดีต้อนรับทุกท่าน ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะนั่งในห้องส่วนตัวหรือห้องโถงรวมคะ ? ” พนักงานของร้านเดินเข้ามาทักทาย
หลินเจียจวินชี้ไปที่มุมที่เงียบสงบ “เราจะนั่งตรงนั้น”
“ได้ค่ะ ! ”
พนักงานเสิร์ฟเดินนำทั้งสี่คนไปยังที่นั่ง จากนั้นก็ถามว่าใครจะเป็นคนสั่งอาหาร
เจียงเสี่ยวไป๋จึงถามว่า “พวกคุณมีเมนูอะไรแนะนำบ้าง ? ”
พนักงานเสิร์ฟชี้ไปที่กระดานดำเล็ก ๆ ที่แขวนอยู่ข้างบาร์แล้วพูดว่า “ลูกค้าคะ ถ้าจะสั่งก็เข้าไปดูได้เลย มีเขียนไว้หมดแล้ว”
เวลามาทานอาหารในร้านช่วงทศวรรษ 1980 ร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่มีเมนูประจำโต๊ะ และมักจะมีกระดานดำเล็ก ๆ แขวนอยู่ที่ประตูหรือข้างบาร์
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดว่า “งั้นผมจะไปสั่งเอง ! ”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่กระดานดำเล็ก ๆ เห็นชื่ออาหารเขียนด้วยชอล์กหลายสิบชื่อ ดูเหมือนว่าชื่ออาหารแต่ละชื่อนั้นจะเป็นอาหารดั้งเดิมของหูหนานทั้งหมด
“เอาหัวปลาราดพริก ต้มเต้าหู้เลือดหมู ข้าวผัดต้นตำหรับย่าเซียงซี หมูสามชั้นน้ำแดงหูหนาน เต้าหู้เหม็นฉางซา”
เจียงเสี่ยวไป๋สั่งอาหารอย่างรวดเร็วแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ
หลินเจียจวินเห็นแบบนั้นก็กล่าวว่า “การสั่งอาหารของร้านนี้ยังไม่สะดวกเท่าที่ร้านของเรา”
ร้านซีฟู๊ดใช้รูปแบบการสั่งอาหารเดียวกับร้านกุ้งอบน้ำมัน พวกเขามีเมนูให้ทุกโต๊ะ ซึ่งทุกคนสามารถสั่งอาหารได้จากที่โต๊ะของตนเอง
แต่นี่เป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋มีประสบการณ์จากชาติก่อน เขาจึงนำรูปแบบของโลกอนาคตมาใช้
หากร้านอื่นยังไม่เคยไปกินอาหารที่ร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ก็จะไม่รู้ว่ามีวิธีแบบนี้ด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พี่จวิน ในเมื่อพี่มาเพื่อเรียนรู้ ฉะนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจข้อบกพร่องของคนอื่น หมั่นสังเกตให้มากขึ้นเพื่อค้นพบจุดแข็งของพวกเขา”
โลกก็เป็นเช่นนี้ คนเรามักพบจุดบกพร่องของผู้อื่นได้ง่ายเสมอ
แต่การค้นหาจุดแข็งของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับที่เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่เต็มใจยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง
หลินเจียจวินยิ้มแหย “ฉันรู้แล้ว”
จะเตือนไม่ต้องเตือนมาก เพราะคนที่เข้าใจอะไรดีอย่างหลินเจียจวิน แค่เจียงเสี่ยวไป๋เตือนเล็กน้อย เขาก็ไม่พูดต่อแล้ว
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็นำบุหรี่ฉงเมาที่หลินต้ากั๋วให้มาเมื่อวาน แบ่งให้หลินเจียจวินกับติงจวิ้นเจี๋ยคนละมวน
“บุหรี่ฉงเมา ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยตาเป็นประกาย นี่เป็นบุหรี่ดี ๆ ที่หาได้ยากในเจียงเฉิงตอนนี้
หลินเจียจวินมุ่ยปาก “พ่อฉันนี่ดีกับนายจริง ๆ เรียกนายไปคุยที่ห้องหนังสือก็ให้บุหรี่ฉงเมามาทั้งซอง ทีตอนเรียกฉันไป ไม่เห็นให้อะไรฉันเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ดันซองบุหรี่ฉงเมาที่เหลือครึ่งซองไปตรงหน้าเขา “พี่ชอบสูบก็เอาไปได้ ผมสูบอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“ช่างเถอะ ! ” หลินเจียจวินโบกมือปัด “ฉันคิดว่าบุหรี่จงฮั๋วรสชาติดีกว่า บุหรี่นี้แค่หายาก มันถึงได้เป็นที่ต้องการ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วดันซองบุหรี่ไปด้านหน้าติงจวิ้นเจี๋ย “เอาไปสิ ! ”
“ขอบคุณพี่เจียง ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยรับเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ แล้วพูดขอบคุณอย่างมีความสุข
ไม่นาน พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟแล้วถามว่า “พวกคุณจะดื่มอะไรไหมคะ ? ”
หลินเจียจวินมองไปยังเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋จึงโบกมือปฏิเสธ “ช่างเถอะ วันนี้ไม่ดื่มแล้ว”
“งั้นไม่ดื่มแล้ว ! ” หลินเจียจวินจึงกล่าวว่า: “เสิร์ฟอาหารได้เลย ! ”
“ได้ค่ะ ! ” พนักงานตอบรับแล้วเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พี่จวิน การเป็นพนักงานเสิร์ฟต้องใช้ทักษะเช่นกัน เหมือนที่พนักงานเสิร์ฟคนนั้นถามเมื่อครู่นี้ และโดยพื้นฐานแล้วไม่มีประโยชน์”
หลินเจียจวินเริ่มสนใจและถามทันทีว่า “จะถามอย่างไรดี ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พนักงานเสิร์ฟถามพี่ว่าจะดื่มอะไรไหม พี่จะตอบอย่างไร ? ”
หลินเจียจวินคิดแล้วจึงพูดว่า “ก็ตอบว่าจะดื่มหรือไม่ดื่มไง ตอบได้สองแบบ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่แล้ว พนักงานเสิร์ฟถามมาแบบนี้ ลูกค้าจะตอบได้แค่ดื่มหรือไม่ดื่ม”
“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือถ้าพนักงานเสิร์ฟถามคนที่เลี้ยงข้าวพี่ คนที่เลี้ยงก็คงจะบอกว่าดื่มสักหน่อยแล้วกัน ! ”
“และถ้าหากถามคนที่ถูกเลี้ยง พวกเขาย่อมต้องช่วยคนเลี้ยงอาหารประหยัดเงินอยู่แล้ว และพวกเขาจะต้องตอบว่าไม่ดื่มอย่างแน่นอน”
“ด้วยวิธีนี้ ความน่าจะเป็นที่จะไม่ดื่มจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น”
หลินเจียจวินกับติงจวิ้นเจี๋ยพยักหน้า มันสมเหตุสมผลแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “แต่หากลองเปลี่ยนการถาม พนักงานเสิร์ฟสามารถถามแบบนี้ได้: ลูกค้าจะดื่มเบียร์หรือเหล้าดี ? ”
หลินเจียจวินกับติงจวิ้นเจี๋ยเข้าใจในทันที หลินเจียจวินกล่าวว่า “แบบนี้ไม่ว่าลูกค้าจะตอบอย่างไร พวกเขาก็จะต้องบอกว่าดื่มอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “การถามแบบนี้คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือก”
“ซึ่งลูกค้าจะตอบคำถามโดยไม่รู้ตัว”
“ไม่ว่าลูกค้าจะบอกว่าดื่มเบียร์หรือเหล้า แต่ลูกค้าก็จะดื่มเสมอ มีน้อยคนที่จะบอกว่าไม่ดื่ม เว้นแต่จะเป็นลูกค้าอย่างคุณโฮ่วที่ไม่ดื่มเอง”