ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 531 : ฉันรู้วิธีการทำห้องทองซ่อนสาวงามแล้ว
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 531 : ฉันรู้วิธีการทำห้องทองซ่อนสาวงามแล้ว
ตอนที่ 531 : ฉันรู้วิธีการทำห้องทองซ่อนสาวงามแล้ว
เสื้อผ้าและกระเป๋าทั้งหมดที่สองพ่อลูกกว้านซื้อมาถูกเก็บไว้ในรถจี๊ปอย่างแน่นขนัด เหลือเพียงที่นั่งคนขับและที่นั่งข้างคนขับด้านหน้าเท่านั้นที่เว้นว่างไว้
แม้แต่ในห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยข้าวของเหมือนกัน
ของทั้งหมดนี้ซื้อให้หลินเจียลี่ เจียงเสี่ยวชิง มู่เสี่ยวหวาน หลินเจียหง จางอ้ายผิง และลูกทั้งสองคนของเธอ
ของที่จะให้พวกเธอถูกวางไว้ในห้องโดยสาร เพื่อไม่ให้กองซ้อนอยู่ด้านหลัง จะได้หาได้ง่าย
“ป่าป๊า เราซื้อเยอะเกินไปหรือเปล่าคะ ? ” เจียงชานกระซิบถาม
“เอ่อ… บางที…คงไม่มากไปหรอก ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน เพราะของทุกอย่างยัดเต็มไปหมดแล้ว และเขาไม่สามารถซื้ออะไรมายัดได้อีกแล้ว
เมื่อมาถึงจุดนี้ พ่อและลูกสาวต่างก็มีความคิดเดียวกัน เจียงชานจึงพูดว่า “เราไม่สามารถซื้ออะไรได้อีกแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “งั้นเราไม่ซื้อแล้ว ! ”
“ค่ะ เรากลับเกสต์เฮาส์กันเถอะ ! ” เจียงชานพูดโดยไม่สนใจ
ตอนแรกเธอคิดว่าคงใช้เวลานานในการช้อปปิ้ง แต่เธอไม่คิดว่าจะเสร็จภายในเวลาเพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้น
เมื่อสองพ่อลูกกลับมาถึงเกสต์เฮาส์หงซานก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี
ซึ่งทันกับที่หลินเจียจวินมารับพวกเขาไปทานอาหารกลางวันพอดี
“พวกนายไปไหนมา ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานเพิ่งลงมาจากรถ หลินเจียจวินจึงถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณลุง พวกเราไปซื้อเสื้อผ้ามาค่ะ” หลังจากที่เจียงชานพูดจบ เธอก็หยุดไปครู่นึ่งแล้วพูดว่า “คุณลุงคะ เราซื้อเสื้อผ้ามาฝากคุณยาย ป้าจาง และป้าหงด้วย เอาไปเก็บไว้ที่รถของคุณลุงนะคะ ! ”
หลินเจียจวินหัวเราะ “ได้สิ หนูซื้อให้พวกเธอแล้ว ! ซื้อให้ลุงได้ด้วยหรือเปล่า ? ”
ในขณะที่พูด เขาเดินไปที่รถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋ และมองเข้าไปข้างในจากประตูผู้โดยสารที่เปิดอยู่ เขาก็ต้องตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันไปหาเจียงชานแล้วพูดว่า “นี่……หนูเรียกว่าซื้อของเหรอ ? ”
เจียงชานหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ก็……แค่ของเล็กน้อย แต่เป็นเพราะรถของป่าป๊าเล็กเกินไป เลยเก็บได้น้อยค่ะ ! ”
หลินเจียจวินตบหน้าผากของตัวเอง
ใช่ ใช่ ไม่ใช่ว่าสองพ่อลูกซื้อของมากเกินไป แต่รถของพ่อเธอเล็กเกินไป เลยใส่ของเยอะไม่ได้
“ฮ่าๆ ๆ ……ในอนาคตหนูต้องบอกให้พ่อของหนูซื้อรถคันที่ใหญ่กว่านี้แล้ว ! ” หลินเจียจวินพูดพร้อมกับกระตุกมุมปาก
“หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ! ” เจียงชานพูดอย่างมีความสุข
หลินเจียจวินพูดไม่ออก เขาหยิบของที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมาให้คนในครอบครัวของเขาไปเก็บไว้ที่รถจี๊ปของตัวเอง
เจียงเสี่ยวไป๋ล็อคประตูรถ เก็บกุญแจ แล้วพูดว่า “วันนี้พี่เสร็จธุระของพี่แล้วเหรอ ? ”
หลินเจียจวินพูดว่า “เสร็จแล้ว คนที่นายให้ฉันไปรับสมัครจะมาพรุ่งนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนี้ เขารู้สึกทึ่งกับความสามารถในการจัดการของหลินเจียจวิน จึงพูดว่า “ขอบคุณครับพี่ ผมทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่มีคน”
หลินเจียจวินมุ่ยปากของเขา “นายแค่พูดขอบคุณฉันไปงั้นมากกว่า ตอนไปซื้อของ นายซื้อให้ทั้งแม่ พี่สะใภ้ น้องสาว กับหลานอีกสองคนของฉัน แต่ทำไมไม่ซื้อให้ฉันบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แล้วพูดว่า “ผมจะซื้อของดี ๆ ให้พี่วันหลัง ! ”
หลินเจียจวินพูดอย่างมีความสุขว่า “เฮอะ ได้ แต่อย่าซื้อเสื้อผ้าหรืออะไรแบบนั้นให้ฉัน ฉันไม่อยากได้ ถ้านายจะซื้อก็ซื้อของแพง ๆ เท่านั้น”
“ครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋รับปากด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “กลางวันนี้จะกินอะไร ? ”
หลินเจียจวินพูดว่า “กินอะไรง่าย ๆ ก่อนก็ได้ หลังจากโทรหาจวิ้นเจี๋ยตอนบ่ายแล้ว เราค่อยไปร้านอาหารกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกลง ดังนั้นทั้งสามจึงไปร้านซีฟู๊ดเพื่อทานข้าวเที่ยง
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินเจียจวินก็ดึงเจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในครัว
“หัวหน้าหม่า หัวหน้าทัง คุณสองคนมานี่ก่อน นี่คือคนคิดค้นสูตรเมนูยอดฮิตทั้งสามเมนูของร้านเรา เขาชื่อเจียงเสี่ยวไป๋”
หัวหน้าหม่าในวัยสามสิบ เขาเป็นทหารปีเดียวกับหลินเจียจวินทั้งสองอยู่หน่วยเดียวกัน แต่เขาเกษียณก่อนกำหนด ในขณะที่หลินเจียจวินยังคงเป็นผู้นำกองทหาร
ทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน หลินเจียจวินมักจะพูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ให้หัวหน้าหม่าฟัง เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็พูดทักทายด้วยรอยยิ้มทันที “เถ้าแก่ ฝีมือการทำอาหารของคุณน่าทึ่งมาก ถ้าคุณอยู่ในกองทัพ คุณจะได้เป็นหัวหน้าหน่วยทำอาหารที่สำนักงานใหญ่แน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “หัวหน้าหม่า การทำอาหารที่สำนักงานใหญ่กับการทำอาหารที่ร้านมีความแตกต่างกันไหม ? ”
หัวหน้าหม่าชะงักไปเล็กน้อยแล้วหัวเราะ “ทั้งสองมีหน้าที่เหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างกันจริง ๆ ”
หัวหน้าทังที่อายุน้อยกว่ามาก เขาอายุยี่สิบต้น ๆ และเป็นทหารในหน่วยของหลินเจียจวิน ตอนที่เขาเป็นผู้นำกองทหาร ชายหนุ่มค่อนข้างขี้อาย ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาจึงพูดอย่างสุภาพ “สวัสดีครับเถ้าแก่เจียง ! ”
หลินเจียจวินพูดว่า “วันนี้เถ้าแก่เจียงมาที่นี่เพื่อสอนเมนูใหม่ที่เรียกว่าห้องทองซ่อนสาวงาม”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หัวหน้าหม่ากับหัวหน้าทังต่างก็รู้สึกขำขับ มีอาหารที่ชื่อแปลกขนาดนี้ด้วยหรือนี่
หลินเจียจวินพูดต่ออีกว่า “มัวอึ้งอะไรอยู่ รีบไปเอาส่วนผสมทั้งหมดที่ฉันให้คุณซื้อเมื่อเช้านี้มาสิ”
“อ้อ ครับ ! ” หัวหน้าทังตอบ และรีบนำตะกร้ามันฝรั่งมา ในขณะที่หัวหน้าหม่าไปเอาเบคอน แครอท และส่วนผสมอื่น ๆ ออกมา
เจียวเสี่ยวไป๋ให้หัวหน้าทังขูดเปลือกมันฝรั่งก่อน เขาผ่าไม้ไผ่ออกเป็นซีกเล็ก ๆ แล้วเหลาเป็นรูปทรงช้อนเล็ก ๆ ด้วยมีดทำครัว
เมื่อเขาทำช้อนไม้ไผ่เสร็จ หัวหน้าทังก็ขูดเปลือกมันฝรั่งเสร็จไปแล้ว 30-40 หัว
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดว่า “พอแล้ว ต่อไปฉันจะสอนวิธีเจาะรูมันฝรั่งและวิธีขูดเอาเนื้อมันฝรั่งออกมาจากข้างใน”
พูดแล้ว เขาก็เริ่มสาธิตให้ดู
หัวหน้าหม่ากับหัวหน้าทังชำนาญการใช้มีดอยู่แล้ว เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋อธิบายเทคนิคอย่างละเอียด การเรียนรู้ทักษะนี้ไม่ใช่เรื่องยาก พวกเขาทำเสร็จในเวลาไม่นาน
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ดูแล้วก็รู้สึกพอใจ เขาจึงให้ทั้งสองเจาะรูและขูดเอาเนื้อออกจากด้านในของมันฝรั่งที่เหลือทั้งหมด
หลินเจียจวินตั้งใจดู และเริ่มลองทำบ้างเช่นกัน
แม้ว่าปกติเขาจะเข้าครัวทำอาหาร แต่ทักษะของเขายังไม่ดีเท่ากับหัวหน้าหม่าและหัวหน้าทัง เขาจึงทำมันฝรั่งแตกไปสองลูกติด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาทำช้ามากจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“บ้าเอ้ย ตอนอยู่ในกองทัพฉันขุดเก่งขนาดนั้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะขูดเอาเนื้อมันฝรั่งออกมาไม่ได้” หลินเจียจวินสบถอย่างไม่พอใจ และยังคงขยับมือของเขาต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นแบบนั้นก็มองเขาอย่างหมดคำพูด
นี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความพยายามอย่างแท้จริง ดังนั้นหากอยากทำได้ก็ต้องฝึกเยอะหน่อย
และเมื่อถึงมันฝรั่งลูกที่สี่ ในที่สุดหลินเจียจวินก็ทำสำเร็จแล้ว
“ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น ! ”
หลินเจียจวินมองดูผลงานชิ้นเอกในมือของเขาด้วยรอยยิ้ม
หัวหน้าหม่าเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้าหลิน ถ้าคุณทำช้าลงอีกหน่อย พวกเราก็ขูดเนื้อมันฝรั่งที่เหลือเสร็จพอดี”
หลินเจียจวินมองลงไปและเห็นว่ามันฝรั่งเกือบสามสิบสี่สิบลูกทำเสร็จเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลือลูกสุดท้ายเท่านั้น
เขารีบคว้ามันแล้วพูดว่า “ลูกสุดท้ายฉันขอฝึก”
แน่นอนว่าหัวหน้าหม่ากับหัวหน้าทังไม่ขัดเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจเขา เขาให้หัวหน้าหม่าและหัวหน้าทังล้างส่วนผสม และทำส่วนผสมสำหรับทำไส้หั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก ๆ
ซึ่งนี่ถือเป็นงานง่ายสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น ส่วนผสมทั้งสิบสามอย่างก็เตรียมเสร็จแล้ว พวกเขาหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นละประมาณ 3 มิลลิเมตรตามข้อกำหนดของเจียงเสี่ยวไป๋
อันดับต่อไป เจียงเสี่ยวไป๋บอกสัดส่วนของส่วนผสมต่าง ๆ สำหรับทำไส้ให้พวกเขาฟัง แล้วบอกให้พวกเขานำไส้ที่ผสมแล้วไปผัดให้สุกก่อน
พวกเขาทั้งหมดเป็นเชฟระดับปรมาจารย์ ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เขาแค่ยืนสั่งจากด้านข้าง หัวหน้าหม่าก็ผัดไส้อย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวไป๋ลองชิมแล้วพบว่ารสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียว
หลังจากที่ไส้เริ่มเย็นตัวลงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็สอนวิธียัดไส้ใส่ด้านในของมันฝรั่งผ่านรูที่เจาะไว้
ทักษะนี้ยากกว่าการขูดเนื้อมันฝรั่ง แม้แต่หัวหน้าหม่าก็ยังทำมันฝรั่งแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากที่ใช้เวลานานพอสมควร ในที่สุดมันฝรั่งทั้งหมดก็ถูกอัดแน่นไปด้วยไส้
ขั้นตอนต่อไปนั้นง่ายแล้ว เขาให้เชฟทั้งสองคนหั่นมันฝรั่งเป็นแผ่นบางมาปิดรูไว้ แล้วนำไปชุบไข่ผสมแป้งเล็กน้อย จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันจนผิวนอกของมันฝรั่งกลายเป็นสีเหลืองทอง และในที่สุด จานนี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
หัวหน้าหม่าและหัวหน้าทังที่พากินชิมคนละลูกต่างเอ่ยชมไม่ขาดปาก
ในขณะที่หลินเจียจวินถึงกับหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ฉันรู้วิธีทำห้องทองซ่อนสาวงามแล้ว ! ”