ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 534 : ให้พนักงานเห็นความหวัง
ตอนที่ 534 : ให้พนักงานเห็นความหวัง
มีเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมด 260 ชุด จากราคาเดิม 17,200 หยวน หลังจากหักส่วนลด 22% แล้ว ยอดรวมที่ต้องชำระจะอยู่ที่ 12,384 หยวน ถือว่าเขาประหยัดไปได้ 4,816 หยวน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในร้านมีเสื้อผ้าผู้หญิงเหลือเพียง 41 ชุดและเสื้อผ้าผู้ชายอีก 35 ชุด
เจียงเสี่ยวไป๋จ่ายเงินทันที เขาเอาเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิงที่มีอยู่ทั้งหมดมาก่อน และตกลงที่จะมารับที่เหลือในวันมะรืนนี้
ย้อนกลับไปที่สำนักงานบนถนนปาอี้ เจียงเสี่ยวไป๋โทรหาจางเฉินผู้จัดการแผนกบริการเพื่อให้เขานำเสื้อผ้าไปแจกให้พนักงานคนละชุดก่อน นอกจากนี้ยังแจกให้กับพนักงานหญิงอีก 26 คนที่กระจายไปยัง 13 ร้านสาขา
จางเฉินได้รับเสื้อผ้าสวย ๆ ทันทีที่มาถึง เขายิ้มกว้างและรับคำสั่งอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋เรียกโตวเสี่ยวไช่ และพนักงานอีก 5 คนของแผนกส่งเสริมการลงทุนมาเพื่ออบรมพวกเขาเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับวิธีการดึงดูดการลงทุน
ในหนึ่งวันนี้ ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้มากมาย
ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคที่ธุรกิจยังไม่พัฒนา ความรู้และทักษะเหล่านี้จึงเพียงพอที่จะนำไปใช้ได้แล้ว
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงหกโมงเย็น จู้ตงเฟิงและหยางเสี่ยวหัวต่างมาถึงพร้อมกับรถบรรทุกสินค้า รถบรรทุกแต่ละคันมีคนขับซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มพนักงานขับรถชุดแรกที่คัดเลือกเข้ามา 300 คน
เจียงเสี่ยวไป๋จัดการให้พวกเขา 4 คนทานอาหารเย็นก่อน จากนั้นเขาและหลินเจียจวินก็ขึ้นรถบรรทุกไปคนละคัน เพื่อไปส่งสินค้ายังร้านโยวผิ่นแต่ละสาขา
ในช่วงปี 1980 รถบรรทุกขนาดใหญ่ไม่ได้ถูกห้ามวิ่งในเขตเมือง การขนส่งจึงค่อนข้างสะดวกไม่น้อย
เจียงเสี่ยวไป๋ไปกับจู้ตงเฟิง เขาพาเจียงชานไปส่งสินค้าที่ร้านโยวผิ่นเจ็ดแห่ง
งานของพวกเขายุ่งยิงยาวไปจนถึงประมาณตีหนึ่ง
เจียงชานผล็อยหลับไปในที่นั่งข้างคนขับในรถของจู้ตงเฟิง
“ผู้ช่วยเจียง คุณพาชานชานไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก มันจะไม่สะดวกหรือเปล่า ? ” จู้ตงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มระหว่างทางที่ไปส่งเจียงเสี่ยวไป๋กลับเกสต์เฮาส์
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มันไม่สะดวกหรอก แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมองปัญหานี้อย่างไร ? ”
จู้ตงเฟิงพูดว่า “ก็จริง เพราะถึงอย่างไรผมก็ทำแบบคุณไม่ได้อยู่แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ถ้าเขาไม่ได้เกิดใหม่ เขาอาจจะเป็นเหมือนคนอื่นโดยให้ความสำคัญกับอาชีพของเขาเป็นอันดับหนึ่งทุกวันเพื่อหารายได้ให้มากขึ้น เขาคงใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการทำงาน
แต่ชาติที่แล้ว เขาหาเงินได้มากมาย แล้วมันอย่างไรกันล่ะ ?
เพราะตอนตายไปก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้อยู่ดี
หลังจากคืนชีพจากความตาย เขาก็เข้าใจว่าการหาเงินมีความสำคัญมากพอกับการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว การหาเงินคือการทำให้ครอบครัวของคุณมีชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสำเร็จ และตอบแทนสังคมบ้าง
การหาเงินในขณะที่ใช้เวลากับครอบครัวถือเป็นขอบเขตสูงสุดในชีวิต
แต่เขาไม่ได้บอกความจริงเหล่านี้แก่จู้ตงเฟิง
สถานการณ์ของทุกคนแตกต่างกัน และหลักการบางอย่างอาจไม่เหมาะกับผู้อื่น
กฎเกณฑ์ของเขามีไว้เพื่อตัวเขาเองเท่านั้น
เขาไม่มีโรคย้ำคิดย้ำทำ และไม่ต้องการให้ทุกคนใช้ชีวิตเหมือนเขา
เขามองไปที่จู้ตงเฟิงแล้วพูดว่า “เมื่อคุณมาที่บริษัทครั้งแรก คุณดูกระตือรือร้นที่จะหาเงินมาก ตอนนี้ชีวิตคุณดีขึ้นมากแล้วใช่ไหมล่ะ ! ”
จู้ตงเฟิงยิ้ม “ตอนนั้นลูกสาวของผมป่วย ดังนั้นผมต้องการเงินอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ทำงานให้คุณมา 2-3 เดือน ผมก็มีรายได้มากกว่าสองสามร้อยหยวนจากตอนแรก และตอนนี้ผมมีรายได้มากกว่าสองพันหยวนต่อเดือนแล้ว อาการป่วยของลูกสาวผมก็หายดีแล้วเหมือนกัน จิตใจของผมดีขึ้นมาก”
“เฮ้ ! คุณมีรายได้มากกว่าสองพันต่อเดือน ถือเป็นเรื่องที่ดี ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ชม
จู้ตงเฟิงพูดว่า “ผมเดินทางท่องไปยังทั่วทั้งมณฑลจีนตอนกลางเป็นหลัก ที่นี่มีที่ราบหลายแห่งและอุดมสมบูรณ์ด้วยผลผลิตทางการเกษตร ผมรับซื้อถั่วเหลือง ถั่วลิสง และเมล็ดแตงโมจำนวนมาก และจากมณฑลเล็ก ๆ บางแห่ง ผมยังได้เซ็นสัญญาขายถุงสะดวกซื้อหลายฉบับ รับค่าคอมมิชชั่นค่อนข้างเยอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็สู้ต่อไป ไม่นานคุณจะได้กลายเป็นเศรษฐีหมื่นหยวน”
จู้ตงเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ผมดีใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับคุณ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กลายเป็นเศรษฐีหมื่นหยวนในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม และหยุดพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ แต่เขากลับเริ่มพูดถึงเรื่องครอบครัว เขาถามว่า “ลูกสาวของคุณอายุเท่าไหร่แล้ว ? ”
จู้ตงเฟิงตอบว่า “เพิ่ง 2 ขวบกว่าเองครับ”
“ลูกคนเดียวเหรอ ? ”
“ใช่ครับ เธอเป็นลูกคนเดียว หลังจากที่สร้างบ้านใหม่เสร็จ ผมวางแผนว่าจะมีอีกสักคน”
“บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน ? ”
“เหล่าเหอโข่ว”
เมื่อเขาพูดถึงเหล่าเหอโข่ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตกใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นั่นคือเขตที่ไกลที่สุดในเมืองชิงโจว”
จู้ตงเฟิงพูดว่า “ใช่ เหล่าเหอโขว่อยู่ห่างไกลและยากจน โรงเรียนที่เด็ก ๆ เคยเรียนก็แทบจะพังถล่มลงมา แต่โชคดีที่คุณบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่แล้ว”
ตั้งแต่ที่เขาบริจาคเงิน 150,000 หยวนให้กับสำนักงานเขตการศึกษา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้ตามเรื่องต่อ เมื่อจู้ตงเฟิงพูดถึงมัน เขาจึงถามว่า “พูดถึงการสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาใหม่ ตอนนี้การก่อสร้างไปถึงไหนแล้ว ? ”
จู้ตงเฟิงตอบว่า “ผมกลับไปที่เหล่าเหอโขว่ครั้งล่าสุด โรงเรียนยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง น่าจะเปิดให้นักเรียนเข้าเรียนได้ในปีหน้า”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมากที่ทราบข่าว เขายิ้มแล้วพูดว่า “คุณบอกว่าคุณวางแผนที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ งั้นคุณจะสร้างที่บ้านเกิดของตัวเองไหม ? ”
จู้ตงเฟิงพูดว่า “ใช่ครับ ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังส่งเสริมการก่อสร้างชนบทแบบใหม่ไม่ใช่หรือ ? ผมเห็นการออกแบบบ้านหลังใหม่ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ มันสวยมาก ผมเลยวางแผนที่จะรอจนกว่าโครงการที่ว่านั้นจะมาถึง เราถึงจะสร้างบ้านใหม่”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้คุณได้เงินต่อเดือนมากมาย คุณสามารถอยู่ในเมืองได้แล้ว ทำไมถึงอยากกลับบ้านเกิดที่ชนบทล่ะ ? ”
จู้ตงเฟิงยิ้มรับ “เหล่าเหอโขว่คือรากฐานของผม พ่อ แม่ และญาติพี่น้องของผมอยู่ที่นั่น ผมกำลังคิดที่จะสร้างบ้านในบ้านเกิดของผมก่อน หลังจากนั้นเมื่อมีเงิน ผมก็สามารถซื้อบ้านอีกหลังหนึ่งในเมืองได้”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องรีบซื้อบ้านในเมืองหรอก ฉันซื้อที่ดินผืนหนึ่งบนภูเขาซีเฟิง และจะเริ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า เป็นรูปแบบอาคารอยู่อาศัยสูง 24 ชั้น ถึงตอนนั้นคุณค่อยซื้อห้องชุดสักห้อง แล้วพาภรรยาและลูกย้ายมาอยู่ในเมือง ข้างอาคารที่พักเป็นโรงเรียนประถมที่เราก่อตั้งขึ้นมาเองด้วย”
จู้ตงเฟิงพูดอย่างมีความสุขหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “เยี่ยมมาก ! ในอนาคตผมจะได้อยู่บนตึกสูงแล้วสิ”
แต่ในไม่ช้าเขาก็พูดอีกว่า “ปีหน้าคุณก็สร้างบ้านเสร็จแล้ว ตึกที่คุณพูดถึงนั้นสูงมาก คงจะแพงน่าดู ผมกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่าย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดอะไรอยู่ ! การสร้างอาคารสูง 24 ชั้นนั้นไม่ดีเท่ากับการสร้างอาคารชั้นเดียว และ 2 ชั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปีนับจากเริ่มก่อสร้างจนแล้วเสร็จ อาจจะจะใช้เวลาเป็นสามปี คุณถึงจะย้ายเข้ามาอยู่ได้”
หลังจากเหลือบมองเขา เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดต่อ “มีเวลาอีกตั้งสองปีกว่า แต่คุณยังกลัวจะไม่มีเงินซื้อบ้านอีกเหรอ ? ”
“นอกจากนี้ เมื่อคุณลงนามใน ‘สัญญาจ้างงาน’ คุณรู้หรือไม่ว่าบริษัทของเรามีกองทุนสนับสนุนที่อยู่อาศัยอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นหากเงินไม่พอ คุณสามารถใช้กองทุนสนับสนุนที่อยู่อาศัยได้”
หลังจากที่จู้ตงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มอีกครั้ง “คุณเจียง คุณพูดแบบนี้ผมเองก็โล่งใจ ช่วงสองปีนี้ผมจะพยายามทำงานให้หนักขึ้น จะได้หาเงินไว้เยอะ ๆ ไว้ซื้อบ้านในอีกสามปีให้หลัง ถึงตอนนั้นลูกสาวของผมก็อายุ 5 ขวบ ถึงวัยเข้าโรงเรียนพอดี”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ทำหน้าที่ให้ดี ชีวิตที่มีความสุขของคุณยังเต็มไปด้วยความหวัง”
“ใช่ ! ” จู้ตงเฟิงพยักหน้า: “ผมจะขยันทำงานให้ออกมาดีที่สุด ! ”
มีคนขับอีกคนชื่อเซี่ยเป่าชิง เขาฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณเจียง ผมสามารถซื้อห้องชุดในอาคารสูงที่คุณสร้างในอนาคตได้ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ตึกนั้นถูกออกแบบและก่อสร้างโดยเครือบริษัทของเรา คุณทุกคนเป็นพนักงานของบริษัท ไม่เพียงแต่ในอนาคตจะสามารถซื้อห้องชุดได้เท่านั้น แต่พวกคุณยังจะได้ราคาพิเศษสำหรับคนในอีกด้วย”
เซี่ยเป่าชิงมีความสุขมาก “งั้นต่อไปนี้ผมจะตั้งใจทำงาน และประหยัดเงินเก็บออมไว้ซื้อบ้านในอนาคต ! ”
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
                                     
                                     
                                     
                                     
		 
		 
		 
		