ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 54 :ขายเหมือนกันหรือ?
ตอนที่ 54 :ขายเหมือนกันหรือ?
ช่างไม้ถานบรรจุมันฝรั่งลูกเล็ก 475 ชั่งลงในถุงกระสอบ 6 ใบ แล้วนำไปที่บ้านของหลิวซือกั๋ว
เจียงเสี่ยวไป๋มอบเงิน 50 หยวนให้กับช่างไม้ถานทันที
ครั้งนี้ช่างไม้ถานไม่ปฏิเสธ และรับมันด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดในที่สาธารณะก่อนหน้านี้ เขายังเข้าใจความหมายของเจียงเสี่ยวไป๋ และคงจะไม่ดีหากเขาไม่ยอมรับเงินในตอนนี้
ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของทุกคน ทำให้ทุกคนพากันอิจฉาช่างไม้ถาน
นั่นคือเงิน 50 หยวนเชียวนะ
พวกเขาต้องทำงานหนักแทบตาย เอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินทุกวันก็ยังเก็บเงินได้ไม่ถึง 50 หยวนต่อปีเลย
ทว่าอิจฉาริษยาไปก็ไร้ประโยชน์
ใครใช้ให้พวกเขาเอาแต่ปิดปากเงียบในตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการซื้อมันฝรั่งลูกเล็กกันล่ะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋เพิกเฉยต่อการแสดงออกของผู้คนรอบข้าง และพูดกับหลิวซือกั๋วอย่างไม่มีพิธีรีตองว่า “ฉันคืนมันฝรั่งลูกเล็กให้นายแล้ว นายคืนเงินให้ฉันด้วย”
หลิวซือกั๋วทั้งโกรธและเสียใจ แต่เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอให้จูเยี่ยนผิงคืนเงินให้กับเจียงเสี่ยวไป๋
จูเยี่ยนผิงไม่เต็มใจ แต่เธอไม่กล้าโต้ตอบเจียงเสี่ยวไป๋อีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงคืนเงินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
นั่นคือเงิน 2.38 หยวนเชียวนะ สามารถเนื้อได้มากกว่า 2 ชั่งเลยล่ะ
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้รับเงิน เขาก็โบกมือโดยไม่หันกลับมามอง “เสี่ยวเหลย พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
เจียงไห่หยางและเจียงเสี่ยวเฟิงมองหน้ากันและเดินตามเขาไปอย่างนิ่งเฉย
คนที่เหลือก็เดินแยกย้ายกันกลับ
บางคนปลอบใจหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขาก่อนที่จะจากไป บางคนก็จากไปโดยไม่ปลอบพวกเขาสักคำ แถมบางคนยังบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเจอในวันนี้ด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจพวกเขา และกลับบ้านอย่างกุลีกุจอเพื่อไปปลอบโยนภรรยาของเขา
“เมียจ๋า ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่คุณถูกรังแก”
หลังจากพาหลินเจียอินกลับบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋จึงขอโทษเธอด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันไม่เป็นไร”
หลินเจียอินชำเลืองมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างซาบซึ้งใจ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปมีเรื่องกับใครแล้ว หากคุณเจ็บตัวขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“ผมจะเชื่อฟังคุณ และผมจะไม่มีวันสร้างปัญหาในอนาคต”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างหนักแน่น
ในฐานะที่เป็นคนเกิดใหม่ เขารู้กฎของคนรุ่นหลังเป็นอย่างดี และปัญหาทั้งหมดไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำลัง
แต่ในฐานะผู้ชายอย่างเขา เขารู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ถ้าพ่อแม่ ภรรยาและลูกโดนรังแกจนไร้ทางสู้ เขาจะทนไม่โต้ตอบได้หรือ ?
หลินเจียอินพยักหน้า เธอเข้าใจคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ริเริ่มสร้างปัญหา แต่ถ้าใครกล้าที่จะรังแกภรรยาของเขา เขาก็จะทุบตีคนนั้น
เธอรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
มันเป็นความรู้สึกที่ดีของการได้รับการดูแลจากสามีของเธอเอง
หลังจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
หลินเจียอินเริ่มที่จะเอาอกเอาใจเจียงเสี่ยวไป๋ ซึ่งทำให้เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก
ในอีกสองวันต่อมา กิจการของพวกเขายังคงเฟื่องฟู และการตกแต่งร้านใหม่ก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงใกล้เที่ยง เจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งกลับมาจากบริษัทขายส่งวัตุดิบอาหารก็เห็นว่าทุกคนมีสีหน้าไม่ดี
เจียงเสี่ยวไป๋จึงถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ? ”
หวังผิงถอนหายใจ ดึงเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่ด้านข้างของถนน และชี้ไปยังเพิงขายของที่ประตูสถานีรถโดยสารฝั่งตรงข้ามในแนวทแยง
“มีคนขายผัดมันฝรั่งด้วย” หวังผิงพูดอย่างโกรธเคือง “แบบนี้มันเท่ากับว่าเขาขโมยความคิดทางธุรกิจของเราไปน่ะสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม
นึกว่าเรื่องอะไรเสียอีกที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ
ที่แท้ก็เป็นเพราะมีคู่แข่งทางการตลาดนี่เอง
“นึกว่าเรื่องอะไรเสียอีกที่ทำให้พวกนายเป็นกังวลขนาดนั้น” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องคิดมาก เป็นเรื่องปกติที่จะมีการแข่งขันทางธุรกิจ ตราบใดที่ผัดมันฝรั่งของเราอร่อย เช่นนั้นนายจะกังวลไปทำไม ? ”
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าจู่ ๆ จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นได้อย่างไร
หลังจากปลอบโยนทุกคนแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินไปที่สถานีรถโดยสารอย่างใจเย็น
ที่ประตูทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารชิงโจว ซึ่งมีพ่อค้ารายย่อยและพ่อค้าหาบเร่จำนวนมากมาตั้งแผงขายเสื้อผ้า รองเท้า ผลไม้ และของว่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม มีเพิงเดียวเท่านั้นที่มีกันสาดครอบไว้
มีชายและหญิงคู่หนึ่งอยู่ใต้เพิง ผู้หญิงกำลังผัดมันฝรั่ง และผู้ชายก็กำลังตะโกนขายของ “เร่เข้ามา เร่เข้ามา ผัดมันฝรั่งแสนอร่อยราคาถูกกว่าร้านตรงข้าม 5 เฟิน ร้านเราชามใหญ่ ๆ ขายในราคาเพียง 3.5 เหมาเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่ง
อ๋อ ที่แท้ก็คนคุ้นเคยนี่เอง
เขาเดินไปที่ใต้เพิงด้วยรอยยิ้ม “หลิวซือกั๋ว จูเยี่ยนผิง นี่พวกนายมาขายผัดมันฝรั่งจริง ๆ หรือเนี่ย ? ”
เมื่อหลิวซือกั๋วเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว และเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็พูดด้วยความโกรธว่า “คิดว่านายขายผัดมันฝรั่งได้อยู่คนเดียวหรือไง ? ”
”เฮง เฮง เฮง ทำไมมันช่างน่าตื่นเต้น”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างสบาย ๆ และสังเกตอยู่พักหนึ่งถึงพบว่าทั้งคู่เตรียมการมาค่อนข้างดี เจ้าหมอนี่จัดเตรียมทุกอย่างตามเขา แม้แต่ชามกระดาษที่ใช้แล้วทิ้งก็ยังมี
เพียงแต่ชามกระดาษที่พวกเขาใช้เป็นรุ่นทั่วไปที่ขายโดยโรงพิมพ์หนังสือพิมพ์เท่านั้น ไม่มีคำใด ๆ พิมพ์ติดไว้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น หลิวซือกั๋วและภรรยาของเขาขายแค่ผัดมันฝรั่งท่านั้น ไม่ได้ขายฟักเขียวตุ๋นน้ำแดงและฟักเขียวสไลด์ตุ๋นแบบหมูสามชั้น
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาสามารถทำมันได้
แต่ฟักเขียวตุ๋นน้ำแดงกับฟักเขียวสไลด์ตุ๋นแบบหมูสามชั้นเป็นเมนูที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำตามสูตรของคนรุ่นหลัง ตอนนี้นอกจากเขาและเฝิงเยี่ยนหงแล้ว ไม่มีใครสามารถทำได้อีกเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ชำเลืองมองจูเยี่ยนผิง เธอผัดมันฝรั่งได้ค่อนข้างดีสีเหลืองทอง
แต่ซอสที่เธอใช้มีแค่พริกแห้ง กระเทียมและขิงเท่านั้น ดูแห้ง ๆ มีน้ำมันน้อยมาก แถมพริกทอดยังมีกลิ่นไหม้หน่อย ๆ ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีหัวไชเท้าดองและต้นหอมสับ
แต่ไม่มีผักชี
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว แค่ซอสแบบนี้จะไปเทียบกับซอสสูตรลับที่เขาใช้เครื่องเทศนับสิบได้อย่างไร ?
ซอสแบบนี้ก็ขายได้ด้วยหรือ ?
“เถ้าแก่ ผัดมันฝรั่งร้านคุณราคา 3.5 เหมาใช่ไหม ? ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปหน้าเพิงแล้วสอบถาม
ทันทีที่หลิวซือกั๋วเห็นแขก เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างภาคภูมิใจ เขายิ้มและพูดกับชายคนนั้นว่า “ใช่ ฉันมีผัดมันฝรั่งชามใหญ่ราคา 3.5 เหมา คุณจะเอากี่ชามล่ะ ? ”
“3.5 เหมาเองหรอ งั้นดีเลย ตักให้ผมหนึ่งชาม”
ชายหนุ่มจ่ายเงินอย่างมีความสุข มองดูจูเยี่ยนผิงผสมมันฝรั่งอย่างใจจดใจจ่อ และพูดว่า “อย่าลืมแถมให้ด้วยนะ”
จูเยี่ยนผิงใส่มันฝรั่งสีเหลืองทองขนาดเล็กที่ผัดแล้วลงในกะละมัง จากนั้นตักซอสที่เธอทำไว้ใส่ลงไปหนึ่งช้อนเล็ก ๆ และใส่หัวไชเท้าดองขูดฝอยลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอมหั่นฝอยและเสิร์ฟให้กับลูกค้า
ดูเหมือนว่าขนาดของชามจะใหญ่มาก
ชายหนุ่มรับมันมา แล้วใช้ไม้แหลมจิ้มเข้าปากอย่างใจจดใจจ่อ
“พรวด……”
หลังจากเคี้ยวไม่กี่ครั้ง ชายหนุ่มก็คายมันฝรั่งในปากลงบนพื้น
“ผัดมันฝรั่งที่คุณทำรสชาติไม่เหมือนกับที่ร้านตรงข้ามทำเลย” ชายหนุ่มพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันต้องการเงินคืน”
ใบหน้าของจูเยี่ยนผิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในทันที เธอเถียงกลับว่า “ก็เป็นผัดมันฝรั่งเหมือนกัน คลุกเคล้ากับซอสเหมือนกัน รสชาติจะแตกต่างกันได้อย่างไร ? ”
ชายหนุ่มพูดว่า “แตกต่างกันเยอะมาก ผัดมันฝรั่งที่คุณทำไม่อร่อยเลย”
ข้างกันนั้น ลูกค้าที่เคยซื้อผัดมันฝรั่งของจูเยี่ยนผิงไปก่อนหน้านี้พูดว่า “พ่อหนุ่ม ผัดมันฝรั่งร้านตรงข้ามมีราคาแพงกว่าร้านนี้ไปหน่อย แต่ผัดมันฝรั่งร้านนี้เมื่อผสมกับซอสพริกก็อร่อยดี”
เมื่อจูเยี่ยนผิงได้ยินดังนั้นก็มีกำลังใจขึ้นทันที “ใช่แล้ว ทุกคนบอกว่ามันอร่อย แต่คุณเป็นคนเดียวที่บอกว่ามันไม่อร่อย คุณตั้งใจมาหาเรื่องกันใช่ไหม ? ”
ชายหนุ่มอึ้งจนไม่รู้จะตอบอย่างไร เขากระทืบเท้าแล้วพูดกับคนข้างๆ ว่า “คุณคงยังไม่เคยกินผัดมันฝรั่งจากร้านน้ำชาตรงข้ามใช่ไหม ที่ร้านนั้นทำอร่อยมาก”
เขาชี้ไปที่จูเยี่ยนผิงอีกครั้งและพูดว่า “มันฝรั่งที่เธอผัดไม่ต่างจากทำกินทั่วไปที่บ้าน น่าเสียดายที่ฉันจ่ายเงินไปตั้ง 3.5 เหมาเพื่อซื้อมัน รสชาติแบบนี้ ต่อให้ราคา 5 เจี่ยวก็ไม่ซื้อหรอก”
จูเยี่ยนผิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ เพราะยังมีอีกหลายคนเต็มใจซื้อ”
“งั้นก็คืนเงินให้ฉันสิ”
ชายหนุ่มวางผัดมันฝรั่งในมือลงบนโต๊ะแล้วพูดเสียงดัง
“คุณกินมันแล้ว ยังจะให้เราคืนเงินงั้นหรือ ? ”
“ฉันว่าคุณอยากกินฟรีมากกว่า”
จูเยี่ยนผิงกล่าวอย่างห้วน ๆ
ชายหนุ่มยังคงรอที่จะโต้เถียง แต่ในขณะเดียวกัน มีชายร่างสูงคนหนึ่งมาจากด้านหลังและตบไหล่เขาด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่ “น้องชาย นายจะกินฟรีโดยไม่จ่ายเงินไม่ได้”
เมื่อชายหนุ่มไปเห็นชายร่างใหญ่ที่มีใบหน้าดุดัน เขาก็รู้ตกตะลึงเล็กน้อยและถามว่า “คุณเป็นใคร…”
ชายร่างใหญ่ยิ้มและพูดว่า “ฉันดูแลเพิงนี้อยู่ ถ้าอยากสร้างปัญหา มาดูกันว่ากระดูกของนายจะแข็งกว่าฉันหรือเปล่า”
“ฉัน… ไม่อยากสร้างปัญหา แต่ฉันแค่คิดว่าผัดมันฝรั่งของเธอไม่อร่อย”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง
“อร่อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับปากของนายมากกว่า”
ชายร่างใหญ่แสดงการประชดประชัน เขายิ้มเยาะและพูดว่า “ในเมื่อนายจ่ายเงินและกินผัดมันฝรั่งแล้ว อย่าสร้างปัญหาที่นี่และส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา”
“ตกลง ฉันไม่เอาเงินคืนก็ได้ ! ”
ชายหนุ่มจะกล้าแข็งกร้าวกับชายร่างใหญ่คนนี้ได้อย่างไร เขาไม่ได้หยิบผัดมันฝรั่งที่วางบนโต๊ะไปด้วยซ้ำ และจากไปด้วยความหงุดหงิด
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูอย่างเย็นชาจากข้างถนน
ชายร่างใหญ่ที่ช่วยหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขาดูคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
“เอาล่ะ พวกนายทำการค้าได้อย่างสบายใจต่อเลย อยู่กับฉัน เจิ้งต้าเป่า คอยดูสิจะมีใครกล้าสร้างปัญหาให้พวกนายอีก”
ชายร่างใหญ่เดินผ่านเจียงเสี่ยวไป๋และเหลือบมองเขาอย่างจงใจ พลางพูดกับหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขา
เจิ้งต้าเป่า !
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็จำได้ทันทีว่าเขาเป็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนักเลงเฉินไม่ใช่หรือ ?
เมื่อมองไปที่หลิวซือกั๋วและเจิ้งต้าเป่า เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตระหนักได้ในทันที
ก็ว่าทำไมจู่ ๆ หลิวซือกั๋วถึงได้มีเงินมาซื้อข้าวตั้งแผงขายผัดมันฝรั่งที่ทางเข้าสถานีรถโดยสาร
ที่แท้เป็นเพราะเขาร่วมมือกับนักเลงเฉินนี่เอง