ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 542 : ฝากฝังก่อนเดินทางกลับชิงโจว
ตอนที่ 542 : ฝากฝังก่อนเดินทางกลับชิงโจว
หลังจากที่วิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าเสร็จ พ่อกับลูกสาวก็กลับบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋ให้เจียงชานไปอาบน้ำ ส่วนเขาเดินไปห้องอาหารพร้อมกับทำความสะอาดที่กินไว้เมื่อคืน
แต่พอเข้าไป ทุกอย่างได้ถูกเก็บทำความสะอาดหมดแล้ว
เขาเดินไปที่ห้องครัวก็เห็นหลินเจียจวินกับติงจวิ้นเจี๋ยกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้า
“โอ้ ใช้ได้เลยนะ รู้จักทำความสะอาดกับทำอาหารเช้าเป็นด้วย” เจียงเสี่ยวไป๋แซวด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียจวินพูดว่า “ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่าฝีมือนาย แต่ฝีมือการทำอาหารของฉันก็ไม่ได้แย่ พวกฉันเห็นนายกับชานชานไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ฉันกับจวิ้นเจี๋ยเลยลงมือทำเองซะเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “พี่ทำอาหารอะไรอร่อยบ้าง ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยพูดว่า “พี่เจียง พี่ลืมไปแล้วหรือ เมื่อคืนพี่บอกว่าอย่าเทน้ำซุปทิ้งหลังจากกินหม้อไฟแล้ว ใช้ทำบะหมี่หม้อไฟในตอนเช้าจะอร่อยมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ตีหน้าผากตัวเอง นี่เขาพูดแบบนี้ด้วยเหรอ ?
เขาลืมไปแล้วจริง ๆ
เฮ้อ……ดูเหมือนว่าเขายังดื่มไม่เก่งเท่าหลินเจียจวินกับถังเสี่ยวโจว พวกเขาทุกคนจำได้ แต่เขากลับจำไม่ได้
“เอาล่ะ พวกพี่ปรุงบะหมี่แล้ว งั้นผมจะไปอาบน้ำก่อนนะ” เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวแล้วเดินออกไป
เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จ หลินเจียจวินก็ได้ปรุงบะหมี่หม้อไฟเสร็จแล้ว
หลังจากที่ทั้งห้าคนกินบะหมี่หม้อไฟแล้ว พวกเขาก็เดินทางไปเจียงหยางเพื่อไปส่งติงจวิ้นเจี๋ยทำงานก่อน จากนั้นถังเสี่ยวโจวกลัวก็ขอตัวกลับเอ้อเฉิงเช่นกัน
“แล้วเราจะไปไหนต่อ ? ” หลินเจียจวินถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “พรุ่งนี้พ่อของพี่จะไปชิงโจว ผมต้องกลับไปก่อน”
หลินเจียจวินพยักหน้า “งั้นฉันจะพานายกลับไปส่งที่เกสต์เฮาส์หงซาน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ตกลง เดี๋ยวพี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าจงหนานด้วยนะ ไปรับเสื้อกันหนาวของพนักงานที่ผมซื้อไว้ จากนั้นพี่เก็บไว้ครึ่งหนึ่ง พนักงานแต่ละคนจะได้รับชุดคนละ 2 ชุด และส่วนที่เหลือส่งรถบรรทุกของบริษัทโลจิสติกส์ให้พวกเขาขนส่งกลับไปที่ชิงโจว”
หลินเจียจวินยิ้ม “ฉันรู้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องให้นายกำชับหรือไง ฉันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ผมชินน่ะ เหตุผลหลักคือตอนนี้คนมีความสามารถมีอยู่ไม่มากนัก หลายคนที่ทำงานร่วมกับผมไม่เหมือนพี่ ถ้าผมไม่อธิบายให้ละเอียด พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้”
หลินเจียจวินยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด “งั้นทำไมนายไม่หาตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในเจียงเจียกรุ๊ปให้ฉันล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “พี่ลืมเรื่องการเป็นผู้บริหารระดับสูงไปได้เลย ลุงรองจะได้ไม่บ่นผม แต่ถ้าพี่อยากทำงานในเจียงเจียกรุ๊ป พี่สามารถเป็นผู้ช่วยเหมือนผมได้ ฉันจะให้อำนาจพี่มากกว่าประธาน”
หลินเจียจวินมีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “วันที่ 12 ธันวาคมเป็นวันที่ก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้นพี่ก็ไปชิงโจวสิ”
“ตกลง ! ” หลินเจียจวินตบพวงมาลัย “ฉันอยากไปเที่ยวชิงโจวมานานแล้ว หายากนะที่นายจะชวนฉันไป งั้นเดี๋ยวฉันไปก่อนวันเปิดตัวเจียงเจียกรุ๊ป”
“อย่าลืมโทรหาผมก่อนออกเดินทาง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋บอก
หลินเจียจวินพยักหน้า แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาจึงพูดว่า “จริงสิ ก่อนหน้านี้นายให้ฉันไปถามพี่รองว่าพอจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการเงินใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไป เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เขาจึงรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “แล้วพี่ถามมาหรือยัง ? ”
หลินเจียจวินตอบว่า “พี่รองบอกว่าถ้านายต้องการ เขาจะช่วยนายอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาหาคนให้นายได้สองคนแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุข เขาพูดว่า “แล้วจะได้เจอกันเมื่อไหร่ ? ”
หลินเจียจวินตอบว่า “วันนี้ไม่ได้แน่นอน นายจะกลับชิงโจวไม่ใช่หรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ถ้าเจอกันวันนี้ได้ ผมจะกลับช้า”
หลินเจียจวินพูดว่า “ไม่ได้ คนที่พี่รองหามาไม่ได้อยู่ที่เจียงเฉิง แม้ว่านายจะมีเวลา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถมาได้ นายกลับไปชิงโจวก่อน อีกไม่กี่วันฉันจะขอให้พวกเขาไปหานายที่ชิงโจว”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “อืม ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางไปชิงโจว”
หลินเจียจวินยิ้มและไม่พูดอะไร
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะถามว่าสองคนนั้นเป็นใคร แต่หลินเจียจวินพูดว่า “นายจะรู้เองเมื่อพบพวกเขา ยังไงก็ตามฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน”
หลินเจียจวินปฏิเสธที่จะพูด ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ถามคำถามอีกต่อไป
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงลานจอดรถของเกสต์เฮาส์หงซาน
หลังลงจากรถ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “เอาล่ะ ผมไปก่อนนะ พี่ดูแลร้านให้ดี ร้านโยวผิ่นจะขยายสาขาต่อไป และในปีหน้าจะเปิดสาขาร้านกุ้งอบน้ำมันด้วย”
หลินเจียจวินรับปาก “ตกลง”
เจียงเสี่ยวไป๋ฝากฝังต่ออีกว่า “พี่ควรจับตาดูแผนกการลงทุนด้วย หากเสี่ยวโตวไม่เข้าใจ พี่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้”
หลินเจียจวินยิ้มแล้วพูดว่า “นายนี่มันเจ้ากี้เจ้าการจริง ๆ ฉันเป็นผู้ช่วยประธาน นายไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าผมพูดมากไป ผมตั้งให้พี่เป็นผู้ช่วย พี่เองก็อย่าลืมหาเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ และซื้อเหล้าปีเก่า ๆ ไว้ให้ผมด้วย”
หลินเจียจวินตบหน้าผากแล้วพูดว่า “โอ้ ! ฉันลืมไปแล้วจริง ๆ ถ้านายไม่เตือนฉัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว เขาเปิดประตูโดยไม่พูดอะไรกับเขาอีก
“บ๊ายบายลุงจวิน รีบไปชิงโจวนะคะ ! ” เจียงชานโบกมือให้เขา
หลินเจียจวินยิ้มและพยักหน้า “อืม ลุงจะรีบไปชิงโจวเร็ว ๆ เพื่อไปดูลูกสุนัขของหนู ! ”
“คุณลุงคะ หนูบอกไปแล้วว่ามันชื่อเจียงซือ ! ”
“ใช่ ใช่ ลุงไปชิงโจวเพื่อไปหาเจียงซือ ! ”
เจียงชานขึ้นรถอย่างพอใจ เจียงเสี่ยวไป๋ปิดประตู โบกมือให้เขาแล้วสตาร์ทรถขับออกไป
หลังจากที่รถของเจียงเสี่ยวไป๋ออกไป หลินเจียจวินก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าจงหนานเพื่อรับเสื้อกันหนาวของพนักงานกลับไปให้จางเฉินที่แผนกบริการ โดยขอให้เขาแจกชุดให้กับพนักงานแต่ละคนอีกคนละชุด
จางเฉินดีใจมาก เดิมทีเขาคิดว่ามีเสื้อผ้าใหม่เพียงชุดเดียว แต่เขาไม่คิดว่าแต่ละคนจะได้รับ 2 ชุด
“หัวหน้าเก่า ทำไมคุณถึงมอบเสื้อผ้าดี ๆ แบบนี้ให้เรา 2 ชุดล่ะ ? ”
หลินเจียจวินพูดว่า “นี่คือชุดทำงานที่ให้พวกนาย พวกนายต้องใส่ชุดนี้เมื่อไปทำงานนับจากนี้เป็นต้นไป นายเข้าใจเรื่องเครื่องแบบการแต่งกายใช่ไหม ? ”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ! ”
จางเฉินพยักหน้าทันทีและโค้งคำนับ “มันเหมือนกับตอนที่เราอยู่ในกองทัพใช่ไหม ? ”
หลินเจียจวินเหลือบมองจางเฉินราวกับว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้ แล้วพูดว่า “อย่าเข้าใจผิด ! ”
จางเฉินหัวเราะเบา ๆ “หัวหน้าเก่า คุณก็รู้ว่าครอบครัวของฉันยากจน พ่อของฉันไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าดี ๆ แบบนี้เลย ! ” เขาเหลือบมองหลินเจียจวินแล้วพูดเสียงแผ่ว “หรือฉันจะส่งชุดนี้กลับบ้านเกิดดี ? ”
หลินเจียจวินจ้องมองเขาด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “นายจะไม่ไว้สลับซักหรือไง ! ”
จางเฉินยืนขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “อย่ากังวลไปเลยหัวหน้า แม้ว่าฉันจะมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว แต่ฉันก็จะใส่ชุดทำงานไปทำงานทุกวัน”
อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจแล้วที่จะส่งชุดใหม่ดี ๆ กลับไปให้พ่อของเขาใส่
ส่วนตัวมีชุดทำงานเพียงชุดเดียวก็ควรถนอมไว้สักหน่อย ใส่เฉพาะเวลาไปทำงาน หลังเลิกงานก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง
ซักผ้าในวันหยุด ถ้าฝนตกผ้าไม่แห้ง เขาสามารถยืมชุดของเพื่อนร่วมงานใส่วันนั้นได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนตอนเป็นทหาร
ตอนนี้เขากลับมาสู่ธุรกิจเก่า และก็เป็นเส้นทางที่คุ้นเคยเช่นกัน
หลินเจียจวินเหลือบมองจางเฉินอย่างลึกซึ้ง และขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับเขา