ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 545 : ไม่มากเท่ากับสองครั้งก่อนหน้านี้
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 545 : ไม่มากเท่ากับสองครั้งก่อนหน้านี้
ตอนที่ 545 : ไม่มากเท่ากับสองครั้งก่อนหน้านี้
หลังจากที่จวงปี้เฉิงออกไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็คุยกับหลู่จือเจี้ยนสองสามคำ จากนั้นก็ไปที่โรงน้ำชาในเหมียววาน
“พนักงานนวดได้รับการฝึกไปถึงไหนแล้วนะ ? ”
ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถ เขาก็พึมพำกับตัวเองว่าถ้าพวกเธอเรียนรู้ทักษะได้ดีพอ พวกเธออาจมาช่วยดูแลคณะผู้นำได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาคิดถึงปัญหาหนึ่งได้แล้ว
ถึงแม้พนักงานจะเรียนเทคนิคการนวดมา แต่ตอนนี้เข้าใจแค่เทคนิค ยังไม่เข้าใจการบริการ ถือเป็นข้อบกพร่อง
อีกอย่างพนักงานเหล่านี้ยังไม่มีชุดยูนิฟอร์ม ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่จะเปิดตัวตอนนี้
เมื่อลองคิดดูก็ลืมมันไปเถอะ รอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อม
เขาไม่อยากใช้สถานการณ์แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ เพราะมันจะส่งผลต่อประสบการณ์การบริการ
ดังนั้นเมื่อรถไปได้ครึ่งทาง เขาก็วกรถกลับมา
หลังจากกลับมาที่สำนักงานของโรงงานเครื่องปรุงรสแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็โทรหาพ่อตาของเขาก่อน
ปลายสายรับสายอย่างรวดเร็ว และเสียงของหลินเจียอินก็ดังขึ้น
“เมียจ๋า ผมเอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าหลินเจียอินอยู่ตรงหน้าเขา
เสียงของหลินเจียอินดูประหลาดใจ “สามี คุณกลับถึงชิงโจวแล้ว ! ”
“ใช่ ! เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี้เอง ! ”
“แล้วคุณจะมารับฉันเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้โทรหาหลินเจียอินหลายวัน เขาตัดสินใจแกล้งเธอ และพูดว่า “ทำไม คุณคิดถึงผมหรอ ? ”
“บ้า ! ” หลินเจียอินตะคอก “ใครคิดถึงคุณ ฉันอยู่ที่นี่ทำให้แม่ไปทำงานไม่สะดวก แม่บอกว่าเป็นห่วงที่ฉันอยู่บ้านคนเดียว ทุกวันนี้แม่ทำงานแค่ครึ่งวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “นั่นไม่ถูกต้องเหรอ ? แม่จะได้พักผ่อนเยอะ ๆ ไง”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ตอนที่ฉันไม่อยู่ แม่ก็สามารถพักผ่อนได้ ฉันอยู่ที่นี่ แม่จะพยายามดูแลฉัน แม่ต้องเหนื่อยมากกว่าทำงานเสียอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดว่า “หลายวันมานี้ลำบากแม่เขาจริง ๆ ผมซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าที่เจียงเฉิงมาฝากแม่ ถือเป็นการแสดงความเคารพต่อความรักของแม่ผู้ยิ่งใหญ่”
หลินเจียอินถอนหายใจอีกครั้ง “คุณแค่หาข้อแก้ตัวในการใช้เงิน ! ”
ราวกับว่าเธอรู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ดีอยู่แล้ว เธอพูดว่า “บอกฉันหน่อย รอบนี้คุณใช้เงินไปเท่าไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้ง เขาพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ครั้งนี้มันไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่มากเท่าสองครั้งก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ! ”
“เกือบไปแล้ว ! ” หลินเจียอินยิ้ม และคิดกับตัวเองว่าปกติคุณซื้อของเยอะแยะไม่ใช่หรือไง ?
แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่พูดว่ามากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้ หมายความว่าเงินที่ใช้ไปในครั้งนี้ไม่มากเท่ากับสองครั้งก่อนหน้านี้รวมกัน อันที่จริงเขาใช้มากกว่าครั้งเดียวไปเยอะมาก
“แล้ว…คุณซื้อกระเป๋าให้ฉันหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ใช้เงินไปมากมาย และเธอก็รู้สึกเสียใจกับเงินนั้น แต่หลังจากได้ยินเขาบอกว่าเขาไม่ได้ใช้เงินมากนัก เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาได้ซื้ออะไรให้เธอหรือเปล่า เธอจึงถามอย่างไม่มั่นใจ
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุข และพูดทันทีว่า “ผมกับลูกออกไปเที่ยวข้างนอก ทิ้งภรรยาให้อยู่บ้านคนเดียว ผมจะไม่ซื้อของมาฝากได้อย่างไร ? ”
“ต้องซื้อ ! ”
ประโยคหนึ่งทำให้หลินเจียอินมีความสุขอย่างมาก และเสียงหัวเราะก็มาจากอีกด้านของโทรศัพท์
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่ออีกว่า “ที่รัก ผมไม่ได้ซื้อแค่กระเป๋าใบใหม่ล่าสุดให้คุณเท่านั้น แต่ยังซื้อเสื้อกันหนาวให้คุณด้วย ทั้งหมดนี้เป็นยี่ห้อปิแอร์การ์แดง ผมซื้อมาหลายตัวเลย ลูกเป็นคนเลือกให้คุณ ! ”
หลินเจียอินมีความสุขมากยิ่งขึ้นหลังจากได้ยินแบบนี้ เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกได้ถึงความสุขของภรรยาของเขาจากปลายสายโทรศัพท์
เฝิงเยี่ยนหงที่อยู่ข้างเขารู้สึกอิจฉาและผิดหวังหลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋
เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง: เฮ้อ… ทำไมฉันไม่แบ่งเงินให้หวังผิงถือไว้บ้าง ? ไม่อย่างนั้นเขาคงมีเงินซื้อกระเป๋าให้ฉันสักใบแล้ว !
เจียงเสี่ยวไป๋คุยกับหลินเจียอินอยู่พักหนึ่ง หลินเจียอินก็พูดว่า “หยุดพูดเรื่องนี้ก่อน คุณจะมารับฉันเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “เมียจ๋า พรุ่งนี้ลุงรองมาชิงโจว คุณบอกพ่อกับแม่ให้พวกเขามาที่ชิงโจวพรุ่งนี้ คุณกลับมาพร้อมกับพ่อแม่เลย ผมจะได้ไม่ไปรับคุณแล้ว”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าหลินเจียอินตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดว่า “คุณบอกว่าลุงรองจะมาถึงชิงโจวพรุ่งนี้เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “คราวนี้ลุงรองบอกว่าเขาจะอยู่ที่เจียงวานสองวัน”
“จริงเหรอ ! ” เสียงของหลินเจียอินเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย “อย่าพึ่งวางสาย ฉันจะไปบอกแม่ให้มาคุยกับคุณ แม่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว”
เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋อยากจะบอกว่าฉันบอกคุณแล้ว คุณก็ไปบอกแม่ ไม่ต้องไปเรียกแม่มาคุยโทรศัพท์ !
แต่หลินเจียอินออกไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายโทรศัพท์ว่า “แม่ มารับโทรศัพท์จากเสี่ยวไป๋หน่อย เขาโทรมาบอกว่าลุงรองจะมาพรุ่งนี้……”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอ
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของหลิวอี้ถิงก็ดังขึ้น “เสี่ยวไป๋ แม่เอง ! ”
“สวัสดีครับแม่ ช่วงนี้แม่คงเหนื่อยที่ต้องดูแลเจียอิน ! ”
“เด็กคนนี้ เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว ! ” หลิวอี้ถิงแสร้งทำเป็นไม่พอใจ เธอเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: “เจียอินบอกว่าลุงรองจะมาถึงชิงโจวพรุ่งนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ? ”
“ครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ที่ผมโทรหาก็เพราะจะบอกแม่ว่าพรุ่งนี้ให้แม่และพ่อมาที่ชิงโจว ลุงรองบอกว่าครั้งนี้เขาจะอยู่ที่เจียงวานสองวัน”
“เยี่ยมมาก พ่อคงดีใจมากถ้ารู้เรื่องนี้ ! ” หลิวอี้ถิงพูด
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถามพี่เจียเหว่ยด้วย ถ้าพวกเขาอยากมา ก็จะได้มาด้วยกันทีเดียวเลย ! ”
“ไม่ต้องถาม บอกแล้วพวกเขาจะตามไปแน่นอน” หลิวอี้ถิงพูดด้วยรอยยิ้ม “คนเยอะเกินไป จะสร้างปัญหาให้กับพวกลูกหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “แม่ ไม่เป็นไร บ้านที่เจียงวานใหญ่พอที่จะรองรับทุกคนได้”
หลิวอี้ถิงพูดอย่างมีความสุขว่า “เอาล่ะ ฉันจะบอกพวกเขาทีหลัง งั้นแค่นี้ก่อนนะ แม่ต้มซุปไก่ไว้ กำลังเดือดอยู่บนเตาเลย”
“ครับแม่ เดินทางปลอดภัยนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ ! ”
“พรุ่งนี้เจอกัน ! ”
หลิวอี้ถิงวางสายโทรศัพท์ เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าหลิวอี้ถิงจะส่งโทรศัพท์ให้หลิวเจียอินต่อ แต่สุดท้ายแม่ก็ชิงวางสายไปแล้ว !
ไม่จำเป็นต้องคุยกันแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋วางโทรศัพท์ด้วยความโกรธ และเรียกเจียงชานกลับเจียงวาน
เมื่อมาถึงทางออกถนนเจียงวานก็เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดรถ และมองไปทางบ้านหลังเก่า ในเวลานี้ท้องฟ้าพลบค่ำ บนยอดเขาหลายแห่งในเจียงวานมองเห็นได้เพียงโครงร่างของบ้านและต้นไม้ เหมือนภาพเงาขาวดำ คล้ายแสงสลัวที่มาจากภาพวาด
“ป่าป๊า ทำไมถึงหยุดรถที่นี่คะ ? ”
“ป่าป๊ากำลังมองอะไรหรอ ? ”
เจียงชานยื่นหัวของเธอออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วถามด้วยความสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋มองกลับมาที่ลูกสาวของเขา จากนั้นหันไปชี้ไปที่ยอดเขาแล้วพูดว่า “เราไปที่เจี้ยนหยางแล้วก็ตรงดิ่งไปที่เจียงเฉิงต่อ เราไม่ได้อยู่เจียงวานมาหลายวันแล้ว ขอพ่อดูการเปลี่ยนแปลงในเจียงวานหน่อย”
เจียงชานยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจียงวานเปลี่ยนไปมาก แถมยังเปลี่ยนไปทุกวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ใช่ หนูเห็นไหม ตอนนี้มีการสร้างโรงเรือนในทุ่งและมีบ้านมากกว่าสิบหลังที่สร้างขึ้นใหม่ และกำลังจะต่อเติมชั้นหนึ่งแล้ว”
ดวงตาของเจียงชานกะพริบ “ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว หนูมองเห็นไม่ค่อยเห็น”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “พ่อก็มองไม่ค่อยชัด แต่ก็ไม่เป็นไร พ่อค่อยไปถามปู่เมื่อกลับถึงบ้าน เราจะได้คำตอบที่ชัดเจน”
เจียงชานยิ้มแล้วพูดว่า “คุณปู่และคุณย่าคงจะตกใจมาก ถ้าพวกเขาเห็นเราซื้อเสื้อผ้ามาเยอะขนาดนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดัง “ถ้าคุณปู่บอกว่าพ่อใช้เงินฟุ่มเฟือย พ่อจะบอกว่าชานชานเป็นคนซื้อนะ”
“โอเค หนูไม่กลัวคุณปู่จะดุหนูหรอก ! ” เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ขึ้นรถอีกครั้ง และสตาร์ทรถ
ไม่นาน รถจี๊ปก็มาถึงโรงจอดรถใต้ดิน
หลังจากจอดรถแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “ชานชานเอากระเป๋าของพ่อก่อน เดี๋ยวพ่อจะขนเสื้อผ้าเข้าบ้าน”
“ค่ะ ! ” ร่างเล็กยิ้มแล้วหยิบกระเป๋าจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋ เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดออกจากโรงรถไป
เธอดูกระตือรือร้นที่จะเข้าไปในบ้าน
“วิ่งช้า ๆ ระวังล้ม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นแล้วอดเตือนไม่ได้