ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 546 : ลูกสาวพูดได้ตรงจุด
ตอนที่ 546 : ลูกสาวพูดได้ตรงจุด
“คุณปู่ คุณย่า……”
“ป่าป๊ากลับมาพร้อมกับซื้อเสื้อผ้ามากมาย เขายกเองไม่ไหว คุณปู่กับคุณย่ามาช่วยทีค่ะ ! ”
เจียงชานตะโกนเสียงดังทันทีที่เธอวิ่งเข้าไปในประตู
เจียงเสี่ยวไป๋ที่เดินตามเกือบสะดุด ลูกสาวของเขาวิ่งเร็วมาก ตอนแรกเขากลัวว่าเธอจะล้มถ้าวิ่งเร็วเกินไป แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะรีบไปโยนความผิดให้เขาแบบนี้
ไหนตอนแรกเธอพูดว่า “หนูไม่กลัวคุณปู่ดุหรอก ! ”
เรื่องนี้เปลี่ยนไปในพริบตา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอไม่กลัวคุณปู่ดุ ความผิดอยู่ที่เขาแล้ว แล้วเธอจะกลัวอะไรอีก ?
เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ที่กำลังดูทีวีอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของหลานสาว พวกเขาก็ออกมาทันที
อย่างไรก็ตาม คนที่เร็วที่สุดคือเจียงซือ
เมื่อมันได้ยินเสียงของเจ้านายตัวน้อย มันก็ส่งเสียง “โฮ่ง” และกระโดดไปตรงหน้าเจียงชานอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เจียงชานเห็นมัน เธอก็โยนกระเป๋าของเจียงเสี่ยวไป๋ลงบนพื้นทันที เธอวิ่งไปกอดเจียงซือแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เจียงซือ แกมาทักทายฉันหรอ ! ”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นฉากนี้จากด้านหลัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก: นั่นกระเป๋าของพ่อนะ !
โชคดีที่เจียงถิงเป็นคนมีสติ เมื่อเธอเห็นเจียงชานโยนกระเป๋าลงบนพื้น เธอก็รีบหยิบมันขึ้นมา
เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ออกมาข้างหน้า และเห็นลูกชายของพวกเขาถือถุงเสื้อผ้ามาเต็มแขน พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมากนัก แค่พูดว่า “ซื้อเสื้อผ้าอีกแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่แล้ว ! ”
หวังซิ่วจวี๋พูดว่า งั้นเอามาให้ฉัน ! ”
เจียงชานตะโกนว่า “คุณย่า ในรถยังมีอีกนะคะ ! ”
หวังซิ่วจวี๋พูดว่า “โอ้” จากนั้นก็เดินไปที่โรงรถใต้ดินพร้อมกับเจียงไห่หยาง โดยไม่รับถุงเสื้อผ้าในมือของเจียงเสี่ยวไป๋
เมื่อผู้เฒ่าทั้งสองมาถึงรถจี๊ปก็เห็นว่าประตูท้ายรถเปิดอยู่ เมื่อเข้าไปใกล้ ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง รถจี๊ปเต็มไปด้วยข้าวของเสื้อผ้า ตอนนี้ไม่มีช่องว่างเลย
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่น่าแปลกใจที่หลานสาวบอกว่าพ่อซื้อเสื้อผ้ามากมาย !
“ไอ้เด็กคนนี้ ทำไมถึงซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ในคราวเดียว ! ” เจียงไห่หยางอดไม่ได้ที่จะบ่นอีกครั้ง
หวังซิ่วจวี๋พูดว่า “ลืมไปเถอะ คุณดุลูก แล้วลูกจะฟังไหม ? ”
เจียงไห่หยางอ้าปากอยากจะบอกว่าเขาไม่ฟังหรอก ! แต่เมื่อคิดดู… เฮ้อ…เขาฟังที่ไหนกันล่ะ !
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพ่อและแม่ที่จะควบคุมการเติบโตของลูก !
ผู้เฒ่าทั้งสองเอาถุงเสื้อผ้าออกจากรถอย่างเงียบ ๆ ยกเข้าไปในบ้าน
พวกเขาทั้งสามช่วยกันขนคนละเป็นสิบถุง ในที่สุดเสื้อผ้าและกระเป๋าก็ถูกขนเข้าบ้านหมด เมื่อกองรวมกันก็เหมือนเนินเขาขนาดย่อม
เจียงไห่หยางอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมแกถึงซื้อเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้”
เจียงชานพูดว่า “ยิ่งมีคนเยอะเท่าไหร่ก็ต้องซื้อมากเท่านั้น” จากนั้น เธอก็เลือกเสื้อผ้าในกองนั้นให้เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ และเจียงถิง
แต่ละคนได้รับเสื้อผ้าคนละ 2-3 ชุด รวมทั้งรองเท้าด้วย
ในบรรดาพวกเขา หวังซิ่วจวี๋ก็ได้กระเป๋าใบใหม่ด้วย
หวังซิ่วจวี๋มีความสุขขณะถือกระเป๋า เธอพูดว่า “ทำไมหนูถึงซื้อกระเป๋าให้ย่าล่ะ”
เจียงชานพูดว่า “คุณย่า คุณย่าจะได้เอาไว้ใส่อั่งเปาและขนมในช่วงตรุษจีนได้ ! ”
หวังซิ่วจูยิ้มอย่างร่าเริงและพูดว่า “หนูยังเป็นเด็ก แต่เริ่มคิดถึงอั่งเปาของย่าแล้ว ! ”
เจียงชานหัวเราะคิกคัก และพูดกับเจียงถิงว่า “ถิงถิง เธอคิดว่าเสื้อผ้าที่ฉันเลือกให้สวยไหม ? ”
เจียงถิงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา เธอชอบจนไม่อยากวางลง “สวยมาก ฉันไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่สวยแบบนี้มาก่อนเลย”
“พรุ่งนี้เราทุกคนจะใส่เสื้อผ้าใหม่ ! ” เจียงชานพูดด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว ว้าว ! ” เจียงถิงตะโกน และปรบมืออย่างมีความสุข
หวังซิ่วจวี๋ได้ยินสิ่งนี้จึงพูดว่า “ไม่ใช่ว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่เสียหน่อย เก็บเสื้อผ้าดี ๆ ไว้ใส่ตอนตรุษจีนก็ได้ ! ”
ในชนบทสมัยก่อนไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้าใหม่กัน ปกติพวกเขาจะใส่เสื้อผ้าใหม่ไปเยี่ยมญาติเฉพาะช่วงตรุษจีนเท่านั้น
เมื่อหวังซิ่วจวี๋เห็นเสื้อผ้าดี ๆ เช่นนี้ เธอก็จะรอจนถึงช่วงตรุษจีนถึงจะใส่เสื้อผ้าใหม่
แต่จู่ ๆ เด็กทั้งสองก็เริ่มไม่มีความสุขแล้ว
เจียงถิงไม่กล้าพูดอะไร เธอทำได้เพียงหน้ามุ่ย เจียงชานไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เธอพูดว่า “คุณย่า เราซื้อเสื้อผ้าใหม่มาใส่ ทำไมต้องรอถึงตรุษจีนถึงจะใส่ได้คะ”
จู่ ๆ หวังซิ่วจวี๋ก็พูดไม่ออก
เจียงชานไม่ยอมแพ้ เธอยังพูดต่ออีกว่า “พรุ่งนี้เราจะมีแขกมาที่บ้าน เราทุกคนจะต้องใส่เสื้อผ้าใหม่ นั่นถือเป็นการแสดงความเคารพต่อแขกด้วย ! ”
หลังจากที่เจียงไห่หยานกับหวังซิ่วจวี๋ได้ยินแบบนี้ ทั้งคู่ก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เจียงไห่หยางก็ถามว่า “เสี่ยวไป๋ พรุ่งนี้แขกคนไหนจะมา ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เก็บเสื้อผ้าของเขาแล้วพูดว่า “ลุงรองครับ คราวนี้เขาว่าจะมาอยู่บ้านเรา 2 วัน”
ฮะ ?
เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อหลินต้ากั๋วมาครั้งแรก พวกเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้นำระดับสูงในมณฑลจีนตอนกลาง พวกเขาเพิ่งมารู้ในภายหลัง
เมื่อเขาได้ยินว่าหลินต้ากั๋วจะมาอีกครั้ง พวกเขาไม่กล้าไม่ระมัดระวังตัวเหมือนครั้งที่แล้ว
“ลุงรองมาจริงเหรอ ? ”
เจียงไห่หยางรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน เขาเลยรีบถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ไม่ใช่แค่ลุงรองนะครับ อาจมีผู้นำใหญ่หลายท่านมาด้วย”
ซี๊ด……
เจียงไห่หยางสูดลมหายใจแล้วพูดตะกุกตะกัก: “มี…….มี…… ผู้นำใหญ่ท่านอื่นด้วย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าผู้นำคนไหนจะมาบ้าง และก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พวกเขามา เราก็ต้อนรับ”
เจียงไห่หยางพูดกับหวังซิ่วจวี๋ทันทีว่า “พรุ่งนี้ทำความสะอาดบ้านแต่เช้ากันเถอะ”
หวังซิ่วจวี๋พยักหน้าซ้ำ ๆ “ตกลง พรุ่งนี้เช้าเราจะทำความสะอาดบ้านกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “แม่กับพ่อช่วยกันทำความสะอาดบ้านนะครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะไปในเมืองเพื่อซื้อของ พวกเขามาพักที่บ้านเราสองวัน อีกทั้งคนเยอะมาก ดังนั้นเราจะต้องเตรียมการให้พร้อม”
“อืม ไปทำงานของแกเถอะ” เจียงไห่หยางพูด “เดี๋ยวฉันกับแม่แกจะทำความสะอาดบ้านเอง”
จู่ ๆ หวังซิ่วจวี๋ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอพูดว่า “ยังไงก็ตาม ลุงรองกำลังจะมา แต่เจียอินยังไม่กลับมา แกจะไปรับเธอกลับมาไหม ? ”
ในความคิดของเธอ หลินต้ากั๋วเป็นลุงของหลินเจียอิน ถ้ามีหลินเจียอินอยู่ด้วยน่าจะดีกว่า
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แม่ ผมโทรหาเจียอินแล้ว เธอจะมาพร้อมกับครอบครัวพรุ่งนี้”
เจียงไห่หยางยิ้ม “ครอบครัวของเธอมาด้วย ดีเลย ! ”
เดิมที ตัวตนของหลินต้าเหว่ยสร้างความกดดันให้กับเขาอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินต้ากั๋ว ความกดดันนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
ท้ายที่สุด หลินต้าเหว่ยก็เป็นพ่อตาของลูกชายเขา เมื่อหลินต้ากั๋วมาเที่ยวที่บ้าน หากมีหลินต้าเหว่ยอยู่ด้วย เขาจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“คุณย่า ดูสิ พรุ่งนี้แขกมาเยอะมาก เราต้องใส่เสื้อผ้าใหม่ใช่ไหม ? ”
ในเวลานี้ เจียงชานถามด้วยรอยยิ้ม
หวังซิ่วจวี๋กลอกตาแล้วพูดว่า “ใช่ ใช่ พรุ่งนี้พวกเราทุกคนจะใส่เสื้อผ้าใหม่ ! ”
“เยี่ยมมาก พรุ่งนี้ใส่เสื้อผ้าใหม่ได้ ! ”
เจียงถิงหัวเราะอย่างมีความสุขหลังจากได้ยินแบบนี้
เจียงชานพูดอย่างภาคภูมิใจ “ถิงถิง เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าพรุ่งนี้จะใส่เสื้อผ้าใหม่ พรุ่งนี้เราจะใส่เสื้อผ้าใหม่”
เจียงถิงพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว: พี่สาวสุดยอดมาก
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็น เขาก็ยิ้มแล้วพูดกับหวังซิ่วจวี๋ว่า “แม่ แม่สามารถใส่เสื้อผ้าใหม่ได้เลย ไม่ต้องเก็บจนถึงวันตรุษจีน”
หวังซิ่วจวี๋รู้ว่าสิ่งที่ลูกชายของเธอพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่เธอก็ยังพูดอย่างแข็งกร้าว “ถ้าอย่างนั้น เราควรใส่อย่างประหยัด ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แม่ ถ้าชานชานกับถิงถิงสูงขึ้น เสื้อผ้าที่ผมซื้อมามีแต่ของดีทั้งนั้น หากพวกเธอไม่ได้ใส่ เสื้อผ้าก็จะเล็กเกิน และพวกเธอจะใส่ได้เพียงไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นก็ต้องเอาให้เด็กคนอื่น”
ในพื้นที่ชนบทเมื่อหลายปีก่อน เสื้อผ้าทั้งหมดจะทำให้ผู้ใหญ่และเด็กคนโตใส่ เมื่อเด็กคนโตใส่ไม่ได้ก็ส่งต่อให้ลูกคนที่สอง พอลูกคนที่สองใส่ไม่ได้ก็ส่งให้ลูกคนที่สาม ส่งต่อกันจนกว่าจะไม่มีใครใส่ตัวนั้นได้
แต่อย่าคิดว่าภารกิจของเสื้อผ้าชิ้นนั้นจะจบลงเท่านั้น
เสื้อผ้าที่ไม่มีใครใส่ได้สามารถนำตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วทำเป็นพื้นรองเท้าได้
แน่นอนว่านั่นหมายถึงเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเหล่านั้น
ถ้าหากเสื้อผ้าค่อนข้างดี ก็มักจะถูกส่งต่อให้ญาติที่ยากจน
เสื้อผ้าดี ๆ เหล่านี้ราคาหนึ่งหรือสองร้อยหยวนต่อชิ้น ดังนั้นหวังซิ่วจวี๋เลยเสียดายที่จะส่งต่อให้คนอื่น