ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 552 : ความเชื่อมั่นของชาวเจียงวาน
ตอนที่ 552 : ความเชื่อมั่นของชาวเจียงวาน
เมื่อพวกเขาออกมาจากเรือนกระจกของเหลียงซิ่วหยู หลินต้ากั๋วหันไปพูดกับหลิวเฟิ่นโต้วว่า “มีผักอะไรอีกบ้างที่ปลูกในเรือนกระจก ? ”
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “มีทั้งแตงกวา มะเขือยาว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี มะเขือเทศ กระเทียม มะระ น้ำเต้า ใยบวบ กระเทียม ต้นหอม รวมแล้วประมาณ 20 ชนิดได้ครับ”
หลินต้ากั๋วประหลาดใจ “เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าเนื่องจากเป็นโครงการตะกร้าผัก เราควรมีผักที่หลากหลาย”
หลินต้ากั๋วพูดว่า “เกษตรกรทุกคนที่ปลูกผักเรือนกระจก ปลูกผักชนิดเดียวเหมือนกับเหลียงซิ่วหยูไหม ? ”
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “ไม่ครับ เกษตรกรจำนวนมากปลูกผักหลายชนิด แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่เกิน 5 ชนิด เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าแต่ละครอบครัวไม่ควรปลูกหลายชนิดเกินไป เพื่อให้ปริมาณของผลผลิตแต่ละชนิดมีมาก”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเราไปดูเรือนกระจกอื่นกันดีกว่า”
“ตกลง ! ” หลิวเฟิ่นโต้วเห็นด้วย และนำหลินต้ากั๋วและคนอื่นไปที่เรือนกระจกในทุ่งถัดไป
นี่คือเรือนกระจกสำหรับปลูกกระเทียม เมื่อทุกคนเข้ามาก็เห็นว่าต้นกระเทียมใกล้จะโตแล้ว มีสีเขียว
“ใกล้จะพร้อมเก็บแล้ว ! ”
“ใช่แล้ว ใกล้จะได้กินแล้ว ! ”
“อ่า ทำไมเหมือนจะมีส่วนหายไปตรงนั้น ไม่มีกระเทียมงอก ! ”
“……”
เมื่อทุกคนเห็นก็อดไม่ได้ที่จะพูด
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “นี่คือต้นกระเทียมที่ครอบครัวของเฉินหยวนชางปลูกไว้ โตเต็มที่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้ตัดผักจำนวนหนึ่งออกไปขายในเมืองด้วย”
หลินต้ากั๋วพูดอย่างมีความสุขว่า “ราคาเท่าไหร่ ? ”
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “ผมได้คุยกับเฉินหยวนชาง เขาบอกว่าเขาขายในราคากำละ 3 เจี่ยว ซึ่งถูกกว่าที่เกษตรกรรายอื่นปลูกในสวนของพวกเขา เลยขายได้ง่าย”
เจิงเหลียงหยูพูดว่า “ถ้าคุณขายถูกกว่าคนอื่น แบบนี้จะไม่ขาดทุนหรือ ? ”
หลิวเฟิ่นโต้วพูดว่า “เฉินหยวนชางบอกว่าต้นกล้ากระเทียมของเขามีขนาดใหญ่และโตเร็ว แม้ว่าพวกเขาจะขายถูกกว่า แต่ก็ยังทำกำไรได้มาก”
หลินต้ากั๋วพยักหน้าแล้วพูดกับติงจวิ้นเจี๋ย “จวิ้นเจี๋ย ไปเรียกเฉินหยวนชางมา”
ติงจวิ้นเจี๋ยพยักหน้า และเดินออกจากเรือนกระจก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้ามาพร้อมกับเฉินหยวนชาง
เฉินหยวนชางไม่ได้ประหม่าเหมือนเหลียงซิ่วหยู เขาดูมีความสุขมาก
หลังจากทักทายแล้ว หลินต้ากั๋วก็ถามว่า “คุณขายต้นอ่อนกระเทียมชุดแรกได้เท่าไหร่ ? ”
เฉินหยวนชางพูดว่า “โดยทั่วไปแล้วต้นกระเทียมใช้เป็นเครื่องเคียง ผมไปขายเองที่ตลาดผัก ขายเป็นกำมือเล็ก ๆ แต่ละกำมือมีเพียงไม่กี่ก้าน แม้ว่าจะมีราคาเพียง 3 เจี่ยวต่อกำมือ แต่เมื่อคำนวณแล้ว 1 ชั่ง ผมจะได้ประมาณ 3 เหมา และผมขายได้ประมาณ 20-30 ชั่งทุกวัน จนตอนนี้ขายไปหลายร้อยชั่งแล้ว”
หลินต้ากั๋วยิ้ม แล้วพูดว่า “งั้นคุณก็ขายได้ 30 หยวนแล้วน่ะสิ ? ”
เฉินหยวนชางหัวเราะ ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข “ใช่ครับ เมื่อไม่กี่วันผมขายไปได้ 30 กว่าหยวน ทั้งที่ขายน้อยลงแล้วนะครับ”
“ถ้าขายกระเทียมทั้งหมดในเรือนกระจกนี้ ผมจะขายได้อย่างน้อย 200 หยวน”
หลินต้ากั๋วและคนอื่นมองดูเรือนกระจกขนาดกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 8 เมตร ซึ่งเท่ากับพื้นที่ครึ่งหมู่
พื้นที่ปลูกผักครึ่งหมู่สามารถสร้างรายได้มากกว่า 200 หยวน ซึ่งเป็นรายได้ที่เยอะมาก !
เจิวเหลียงหยูถาม “สหายเฉิน บ้านของคุณมีเรือนกระจกกี่หลัง ? ”
เฉินหยวนชางพูดด้วยรอยยิ้ม “พื้นที่เพาะปลูกของครอบครัวผมไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น มีพื้นที่แห้งเพียง 5 หมู่ ผมสร้างโรงเรือนกระจกได้ 8 หลังเท่านั้น ที่ดินหัวมุมที่เหลือไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว ดังนั้นผมจึงสร้างร่วมกับเพื่อนบ้านของผม ผมยังมีโรงเรือนอีกสี่หลังครึ่ง”
เจิงเหลียงหยูถามด้วยความประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณมีเรือนกระจก 10 หลัง เรือนกระจกแต่ละหลังสามารถสร้างรายได้ให้คุณ 200 หยวนต่อปี เท่ากับว่าคุณจะมีรายได้มากกว่า 2,000 หยวนต่อปีใช่ไหม ? ”
เฉินหยวนชางยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ท่านผู้นำ คุณคำนวณผิดแล้ว”
เจิงเหลียงหยูมองเขาอย่างงงงวย เฉินหยวนชางก็พูดต่ออีกว่า “ผมไม่เพียงแต่ปลูกต้นกล้ากระเทียมเท่านั้น แต่ยังปลูกพริกและมะเขือเทศอีกด้วย ผักต่าง ๆ มีราคาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ผักเรือนกระจกยังปลูกมากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี”
เขาชี้ไปที่ดินที่ดึงต้นกระเทียมออกมา แล้วพูดว่า “ดูเถิดท่านผู้นำ หลังจากที่ผมดึงต้นกระเทียมออกมาแล้ว ผมก็ปลูกใหม่”
หลินต้ากั๋วและคนอื่นเดินเข้ามาดู และแน่นอนว่ากระเทียมใหม่ก็ถูกปลูกลงไปแล้ว
เฉินหยวนชางพูดว่า “ผมคาดการณ์ว่าโรงเรือนกระจกเหล่านี้จะสามารถสร้างรายได้มากกว่าหนึ่งหมื่นหยวนต่อปี”
รายได้มากกว่าหนึ่งหมื่นหยวนต่อปี !
เจิงเหลียงหยู เกาเทียนเยว่ กานเว่ยหง และคนอื่นต่างสูดหายใจเข้า รายได้นี้ช่างน่าเหลือเชื่อ !
หลินต้ากั๋วก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถามว่า “ในเจียงวานมีกี่ครัวเรือนที่มีเรือนกระจก 10 หลังแบบคุณ ? ”
เฉินหยวนชางกล่าวว่า “ผมไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้นำลองถามลุงไห่เทียนดู เขาน่าจะรู้”
หลินต้ากั๋วหันความสนใจไปที่เจียงไห่เทียน
เจียงไห่เทียนเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของเจียงวาน เขานับจำนวนโรงเรือนแต่ละครัวเรือน และผักที่พวกเขาปลูก เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของหลินต้ากั๋ว เขาก็พูดทันที “เจียงวานมีทั้งหมด 116 ครัวเรือน ยกเว้นครอบครัวของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ไม่ได้สร้างโรงเรือนกระจก อีก 114 ครัวเรือนได้สร้างโรงเรือนแล้ว ในจำนวนนี้มีโรงเรือนที่น้อยที่สุดคือ 6 หลัง และมากที่สุดคือ 23 หลัง ส่วนใหญ่มีโรงเรือน 7-8 หลัง รวมทั้งหมด 1,011 หลังครับ”
เจิงเหลียงหยูและเกาเทียนเยว่มองหน้ากัน เมื่อคำนวณคนในเจียงวานโดยเฉลี่ยจะมีเรือนกระจก 8 หลังต่อครัวเรือน
ครอบครัวของเฉินหยวนชางมีโรงเรือน 10 หลัง หลังจากคำนวณแล้ว รายได้ของเกือบทุกครอบครัวไม่น้อยไปกว่าครอบครัวของเฉินหยวนชางมากนัก
เจิงเหลียงหยูพูดว่า “นั่นหมายความว่าในปีหน้า ประชาชนส่วนใหญ่ในเจียงวานจะกลายเป็นครัวเรือนที่มีรายได้หมื่นหยวนใช่ไหม ? ”
เฉินหยวนชางยิ้ม “ท่านผู้นำ คุณคิดผิดอีกแล้ว ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่ในปีหน้าทุกครัวเรือนในเจียงวานจะมีรายได้กว่าหมื่นหยวน ! ”
ซี๊ด……
ฮะ ?
ทุกคนรวมถึงหลินต้ากั๋วต่างสูดลมหายใจด้วยความตกตะลึง
เฉินหยวนชางพูดว่า “นอกจากผักเรือนกระจกแล้ว ชาวเจียงวานยังมีเกษตรกรมืออาชีพ เช่น ครอบครัวของไห่เทียนโป พี่เสี่ยวจีที่เป็นเกษตรกรเลี้ยงแกะ และเสี่ยวโจวเป็นเกษตรกรเลี้ยงปลา”
หลินต้ากั๋วมองไปที่เจียงไห่เทียน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงไห่เทียน เขาพยักหน้า: “หยวนชางพูดถูก ลูกชายสองคนของผมเป็นเกษตรกรมืออาชีพ ขณะนี้มีเกษตรกรมืออาชีพ 33 คนในเจียงวาน”
เรื่องนี้ทำให้หลินต้ากั๋วและคนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจกับเกษตรกรมืออาชีพจำนวนมาก
เจียงไห่เทียนพูดต่อว่า “เหตุผลที่หยวนชางพูดว่าทุกครัวเรือนในเจียงวานสามารถมีรายได้ในครัวเรือนหนึ่งหมื่นหยวนในปีหน้านั้น ไม่ใช่เพราะเกษตรกรเหล่านี้ แต่เป็นเพราะนอกจากการปลูกผักโรงเรือนกระจกแล้ว ชาวเจียงวานยังสามารถจับกุ้งเครย์ฟิชขายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีหน้า”
“ยังมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากจากเจียงวานที่ไปทำงานที่ร้านของเจียงเสี่ยวไป๋ หรือในโรงงาน และมีรายได้มากกว่าหนึ่งร้อยถึงหลายร้อยหยวนต่อเดือน”
“เมื่อคำนวณรายได้ทั้งหมดนี้แล้ว ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ทุกครัวเรือนที่จะมีรายได้หนึ่งหมื่นหยวน”
หลังจากฟังคำพูดของเจียงไห่เทียนแล้ว ทุกคนก็เงียบไป
เพราะทั้งที่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา แต่ทุกครัวเรือนมีรายได้หนึ่งหมื่นหยวน มันน่าตกใจมาก
หลังจากนั้นไม่นาน เจิงเหลียงหยูก็ถามว่า “ตอนนี้หมู่บ้านของคุณมีครัวเรือนที่มีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนแล้วหรือยัง ? ”
เจียงไห่เทียนหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ท่านผู้นำ ผมจะไม่พูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ ตอนนี้มีช่างไม้ถานเป็นผู้ที่มีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนแล้ว ! ”
หลินต้ากั๋วพูดว่า “ไปบ้านช่างไม้ถานที่คุณพูดถึงกันเถอะ”
เจียงไห่เทียนพยักหน้าเห็นด้วย แต่เฉินหยวนชางพูดว่า “ท่านผู้นำ เป็นเรื่องยากที่คุณจะมาที่เจียงวาน เดี๋ยวผมจะถอนต้นกล้ากระเทียมให้ท่านกลับไปด้วย”
หลินต้ากั๋วยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ พวกผมยังไม่เอาหรอก”
เฉินหยวนชางพูดว่า “ท่านผู้นำ ผมรู้ว่าพวกคุณทุกคนกินข้าวที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ คุณเอาไปกินที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ คุณจะได้ลิ้มรสผักในเรือนกระจกอีกด้วย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด หลิวต้ากั๋วและคนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ
“ตกลง เก็บให้เราสักหน่อย แล้วเราจะเอาไปชั่งทีหลังว่าเราต้องจ่ายเท่าไหร่”
เฉินหยวนชางพูดไม่ออก
เจิงเหลียงหยูพูดว่า “สหายเฉิน ถูกแล้วที่เราต้องจ่ายให้คุณ ได้กินกระเทียมจากโรงเรือนกระจก แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว”
เมื่อพูดอย่างนั้นเขา เกาเทียนเยว่และคนอื่นก็เริ่มถอนต้นกระเทียม
หลินต้ากั๋วก็นั่งยอง ๆ เขาหาต้นกระเทียมใหญ่สองสามต้นแล้วดึงมันขึ้นมา