ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 556 : ชิงโจวคือบ้านของผม
ตอนที่ 556 : ชิงโจวคือบ้านของผม
โครงการตึกชิงโจวสูง 33 ชั้นได้จุดประกายความคาดหวังของเจิงเหลียงหยูและคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อพวกเขาทราบว่ามีถนนขายอาหารสำหรับนักชิม มีสวนน้ำ สนามเด็กเล่น และโครงการอื่น ๆ ที่เชิงเขาภูเขาฉีเฟิง โดยมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบหลัก 6 ประการ ได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ที่พัก การเดินทาง การช็อปปิ้ง และความบันเทิง ธุรกิจดังกล่าวครอบคลุมห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงแรมระดับห้าดาว ร้านอาหาร สถานบันเทิงและการพักผ่อน พวกเขารู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นกับการทุ่มทุนสร้างแลนมาร์คของเมืองพร้อมกันหลายแห่งขนาดนี้
เจิงเหลียงหยูครุ่นคิดอยู่นาน แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เสี่ยวเจียง มันคงจะดีกว่ากว่าถ้าโครงการพวกนี้อยู่ที่เจียงเฉิง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ดูจากเงื่อนไขทุกด้าน การทำโครงการที่คล้ายกันในเจียงเฉิงย่อมเหมาะสมกว่าในชิงโจว”
เจิงเหลียงหยูมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ฉันขอแนะนำให้คุณพิจารณาย้ายโครงการนี้ไปที่เจียงเฉิง เพราะท้ายที่สุดแล้วโครงการขนาดใหญ่และก้าวหน้าเช่นนี้จะต้องการการสนับสนุนจากประชาชนและกำลังทางเศรษฐกิจ”
ฉีเย่ผิงกับจางอี้เต๋อรู้สึกกังวลเมื่อได้ยินสิ่งนี้
หากมณฑลแข่งขันกับพวกเขาในโครงการต่าง ๆ ก็ยากที่จะพูดอะไร
พวกเขาทั้งสองมองหน้ากัน และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความรู้สึกประหม่า
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดเพียงคำสั้น ๆ ว่า “ชิงโจวคือบ้านของผม ! ”
เจิงเหลียงหยูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “การสร้างที่บ้านเกิดถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ฉันแค่แนะนำเท่านั้น เสี่ยวเจียง คุณไม่จำเป็นต้องเก็บมันมาใส่ใจ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน ผมคำนึงถึงคำพูดของผู้นำ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากทำโปรเจ็กต์ที่ใหญ่กว่าในเจียงเฉิงด้วย”
เจิงเหลียงหยูมองเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันไปหาหลินต้ากั๋วแล้วพูดว่า “เด็กคนนี้พยายามจะตีงูแบบหว่าน เขากำลังวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากเจียงเฉิง ! ”
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น แต่เขาก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋อย่างชัดเจน
หลินต้ากั๋วยิ้มและไม่พูดอะไร
ฉีเย่ผิงกับจางอี้เต๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก คำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ว่าชิงโจวคือบ้านของผมแทบจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนหลั่งน้ำตา
หลังจากที่เยี่ยมชมภูเขาฉีเฟิงเสร็จ ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
ในที่สุดการตรวจสอบของวันนี้ก็จบลง
หลินต้ากั๋วพูดกับเจิงเหลียงหยูว่า “เหล่าเจิง คืนนี้ฉันจะพักที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ คุณกับเหล่าเกาไปพักที่นั่นกับผมได้ ส่วนคนอื่นไม่ต้องตามไป ให้ทางเมืองจัดที่พักให้”
เจิงเหลียงหยูยิ้มแล้วพูดว่า “อืม เราไม่สามารถให้คนมากมายไปรบกวนเสี่ยวเจียงได้”
เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะไปหรือไม่ ตราบใดที่เขาได้ไปก็พอแล้ว
กานเว่ยหงและคนอื่นอยากกลับไปที่เจียงวานอีกครั้งจริง ๆ การได้อยู่กับผู้นำระดับสูงถือเป็นเกียรติในตัวเอง ยิ่งกว่านั้นอาหารที่ปรุงโดยเจียงเสี่ยวไป๋นั้นอร่อยมากจนพวกเขาอยากกินอีกสักมื้อ
แต่หลินต้ากั๋วพูดแล้ว และไม่ว่าพวกเขาจะอยากไปมากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งและกลับไปที่เกสต์เฮาส์อย่างเชื่อฟัง
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก
การทำอาหารให้คนหลายคนมันเหนื่อยจริง ๆ
เดิมทีเขาคิดว่าจะต้องหมดแรงไปกับการเตรียมอาหารต้อนรับเหล่าผู้นำ แต่เขาไม่คิดว่าหลินต้ากั๋วจะพูดช่วยเขาแบบนี้
สมแล้วที่เป็นลุงรอง เขารู้จักเห็นใจเราด้วย
ในท้ายที่สุด นอกจากหลินต้ากั๋ว เจิงเหลียงหยู และเกาเทียนเยว่แล้ว มีเพียงฉีเย่ผิง จางอี้เต๋อ และติงจวิ้นเจี๋ยเท่านั้นที่ขึ้นรถมินิบัสไปเจียงวาน รอบนี้ ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือนักข่าวตามไปด้วย
แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องอยู่ในรถ
ส่วนคนอื่น ๆ ถังจิงเทียนจะเป็นคนมารับพวกเขา
ทั้งเจ็ดคนและคนขับหนึ่งคนกลับไปที่เจียงวาน พวกเขาไปถึงก็ 6 โมงเย็นแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ให้หลินต้ากั๋วและคนอื่นพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น ในขณะที่เขาไปเตรียมอาหารเย็น
หลินต้ากั๋วพูดว่า “วันนี้มีคนน้อย ทำหม้อไฟเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
ผักที่เขาซื้อเมื่อวานนี้ยังเหลืออีกมาก และการทำหม้อไฟก็เป็นเรื่องง่าย เจียงเสี่ยวไป๋ปรุงเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง หลินต้ากั๋วและคนอื่นก็เปิดโต๊ะใหญ่สองโต๊ะด้วยกัน
มีทั้งโต๊ะคนดื่มและโต๊ะคนไม่ดื่ม
นี่เป็นครั้งแรกที่เจิงเหลียงหยูกับเกาเทียนเยว่ได้กินหม้อไฟ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสนใจหลังจากลองชิมแล้ว
“เสี่ยวเจียง วิธีการกินร้อน ๆ แบบนี้น่าสนใจมาก ทำไมไม่เปิดร้านหม้อไฟล่ะ ? ” เจิงเหลียงหยูถาม
เกาเทียนเยว่ยังพูดอีกว่า “ในเมื่อคุณเปิดร้านซีฟู๊ดในเจียงเฉิง คุณก็สามารถเปิดร้านหม้อไฟที่นั่นได้เช่นกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ร้านหม้อไฟที่ชิงโจวอยู่ระหว่างการปรับปรุงร้าน ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว พร้อมเปิดในเดือนธันวาคม” หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ “สำหรับที่เจียงเฉิง ผมก็เช่าร้านค้าหลายแห่งด้วย ต้นปีหน้าเราถึงจะเปิดร้านหม้อไฟได้”
เจิงเหลียงหยูมีความสุขมาก “เยี่ยมมาก ในอนาคตเราจะมีหม้อไฟที่เจียงเฉิงด้วย”
เกาเทียนเยว่พูดอย่างมีความสุข “ฉันหวังว่าร้านหม้อไฟของคุณจะเปิดที่เจียงเฉิงโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าอยากกินหม้อไฟอีกครั้ง ดูท่าว่าเราจะต้องมาที่ชิงโจวแล้ว”
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชิงโจวอยู่ไกลเกินไป และการเดินทางก็ไม่สะดวก นั่งรถทีใช้เวลามากกว่า 20 ชั่วโมง”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนี้ ใจของเขาก็สั่นไหว เขามองไปที่หลินต้ากั๋วแล้วพูดว่า “ตอนนี้การเดินทางมาชิงโจวไม่สะดวกจริง ๆ ผมมีข้อเสนอแนะ ……”
หลินต้ากั๋วเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย “มีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลย ไม่ต้องลังเล”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ชิงโจวเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของรัฐบาลแห่งชาติ ในเวลานั้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม จึงมีการสร้างสนามบินพร้อมรบ และโครงการหลักทั้งหมดอยู่ใน……”
หลินต้ากั๋วเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขารู้ดีว่าสนามบินชิงโจวสร้างขึ้นในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น และอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารในปี 1949 ในเดือนมิถุนายน ปี 1958 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งกวางตุ้งได้ก่อตั้งสถานีอากาศในชิงโจว ต่อมาในเดือนสิงหาคม การบริหารการบินพลเรือนของมณฑลจีนตอนกลางประสบความสำเร็จในการบินทดลองจากเจียงเฉิงไปยังชิงโจว หลังจากนั้นสนามบินก็ได้รับการปรับปรุง และขยายสนามบินใหม่ 3 ครั้ง แต่ต่อมาก็ถูกระงับ
เขาจ้องมองที่เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “นายหมายถึงใช้สนามบินเดิมในชิงโจวเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า ตามความทรงจำในชีวิตก่อนของเขา สนามบินเก่าในชิงโจวถูกย้ายและสร้างใหม่ในภายหลัง และสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการ โดยเปิดให้บินในปี 1993 และเกรดสนามบินคือ 3C
ข้อเสนอปัจจุบันของเขาเป็นเพียงความก้าวหน้าของกระบวนการประวัติศาสตร์เท่านั้น
เจิงเหลียงหยูเหลือบมองหลินต้ากั๋วแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าข้อเสนอของเจียงเสี่ยวไป๋สามารถพิจารณาได้”
เกาเทียนเยว่ก็เห็นด้วย เขาพูดว่า “ใช่ ชิงโจวกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในตอนนี้ และในอนาคตจะมีลูกค้าจำนวนมากมาใช้บริการอย่างแน่นอน ฉันสนับสนุนการฟื้นฟูสนามบินด้วย”
หลินต้ากั๋วพูดว่า “ที่นี่ยังมีปัญหาอื่น”
เจิงเหลียงหยูรีบถามว่า “มีปัญหาอะไร ? ”
หลินต้ากั๋วพูดว่า “ปัจจุบันการก่อสร้างในเมืองในชิงโจวดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก และสนามบินชิงโจวก็เกือบจะอยู่ในเมืองแล้ว เมื่อตึกชิงโจวของเจียงเสี่ยวไป่สร้างเสร็จ อาคารสูงพิเศษ 33 ชั้นแห่งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการขนส่ง และก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
เจิงเหลียงหยูคิดอยู่พักหนึ่ง มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาจึงพูดว่า “จากสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันคิดว่าเราสามารถปรับปรุงสนามบินให้กลับมามีสภาพการจราจรได้ หลังจากนั้นค่อยสร้างสนามบินใหม่ในสถานที่ที่เหมาะสมในเมืองชิงโจว”
คำพูดของเขาเกิดขึ้น พร้อมกับการปรับปรุงสนามบินชิงโจวในเวลาต่อมา
ต้องบอกว่าประวัติศาสตร์มีความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัดเสมอ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร เรื่องที่สำคัญเช่นนี้ไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะมีส่วนร่วม แค่เสนอแนวคิดนี้ก็เพียงพอแล้ว การตัดสินใจยังคงเป็นหน้าที่ของผู้นำ
หลินต้ากั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “หลังจากที่ฉันกลับเจียงเฉิง ฉันจะจัดการประชุมกับสำนักงานการบินพลเรือนเพื่อสอบถามความคิดเห็นของพวกเขา”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แม้ว่าหลินต้ากั๋วจะไม่แสดงจุดยืนของเขาในทันที
ฉีเย่ผิงกับจางอี้เต๋อรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้นที่สนามบินชิงโจวจะเปิดให้สัญจรทางอากาศ ซึ่งจะทำให้การเดินทางของพวกเขาสะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต
จางอี้เต๋อพูดว่า “การคมนาคมเป็นข้อบกพร่องที่จำกัดการพัฒนาเศรษฐกิจของชิงโจว เส้นทางถนนยาวเกินไป และการสร้างทางรถไฟถือว่าเป็นไปไม่ได้ หากเราต้องการแก้ปัญหาความสะดวกในการขนส่งในระยะสั้น ง่ายที่สุดคือการการปรับปรุงสนามบินให้กลับมาใช้งานได้ หากทางมณฑลสนับสนุน เราก็จะให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง”
ฉีเย่ผิงพูดว่า “หากสนามบินถูกสร้างขึ้นใหม่ แม้ว่าชิงโจวจะใช้ความแข็งแกร่งของคนทั้งเมือง แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”