ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 56 :ผิดคาดไปมาก
ตอนที่ 56 :ผิดคาดไปมาก
เจิ้งต้าเป่าปั่นจักรยานกลับไปที่หมู่บ้านถังซานอย่างตื่นเต้นตลอดทางในความมืด
เขาได้ยินนักเลงเฉินสบถจากระยะไกล
“ใครกันที่มาขัดใจลูกพี่อีกแล้ว ? ”
เจิ้งต้าเป่ารู้สึกงงงวย เขาเปิดประตูและตะโกนเสียงดัง “ลูกพี่ ผมกลับมาแล้ว”
ศีรษะของนักเลงเฉินยังคงพันด้วยผ้าก๊อซ แขนและขาของเขายังคงถูกมัดด้วยกระดานไม้และเฝือกปูน วันนั้นเขาถูกเจียงเสี่ยวไป๋ทุบตีอย่างสาหัส
แต่เมื่อเขาเห็นเจิ้งต้าเป่า เขาพยายามลุกขึ้นและถามอย่างมีความหวัง “ทำไมถึงอารมณ์ดี วันนี้ขายของได้เงินมาเท่าไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มีรายได้หลายร้อยไปจนถึงหลักพันหยวนต่อวันจากการขายผัดมันฝรั่ง ตั้งแต่หลิวซือกั๋วเล่าให้เขาฟัง เขาก็คิดว่ามันเป็นธุรกิจที่ดีจึงส่งคนไปตรวจสอบ จากนั้นเขาจึงตกลงตามคำขอของหลิวซือกั๋ว โดยการจัดเตรียมซื้อของและตั้งแผงขายที่ทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร
แม้แต่ชามกระดาษที่ใช้แล้วทิ้ง เขาก็ยังจัดแจงซื้อมาให้จากโรงพิมพ์ของสำนักข่าวรายวัน
ไม่เช่นนั้น ด้วยความรู้ของหลิวซือกั๋วและภรรยาของเขา สองคนนั้นจะทำสิ่งต่าง ๆ มากมายในหนึ่งหรือสองวันได้อย่างไร
เมื่อวานนี้ เขาซื้อมันฝรั่งลูกเล็กมา 700 ชั่ง และให้หลิวซือกั๋วและภรรยาลองขายผัดมันฝรั่งในวันนี้
พูดตามตรง เขาได้ลองชิมผัดมันฝรั่งที่ทำโดยหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงแล้ว รสชาติของมันออกจะธรรมดา แต่เขาคิดว่าในเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋สามารถขายได้ บางทีหลิวซือกั๋วและก็สามารถขายได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เขาพบทำเลที่ดีกว่าของเจียงเสี่ยวไป๋
หลังจากส่งเจิ้งต้าเป่าออกไปพร้อมกับหลิวซือกั๋วและภรรยาในตอนเช้า เขาได้แต่ทนรอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อช่วงใกล้ค่ำ ข่าวของเจิ้งต้าเป่ายังมาไม่ถึง แต่กลับมีข่าวว่าเจียงเสี่ยวไป๋ได้รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคา 4 เหมาต่อหนึ่งชั่งแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ได้ข้อสรุปว่าผัดมันฝรั่งจากหลิวซือกั๋วและภรรยาน่าจะขายดี ขวางทางการหาเงินของเจียงเสี่ยวไป๋
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องการที่จะรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาสูง เพื่อที่เขาและหลิวซือกั๋วจะไม่สามารถหาซื้อมันฝรั่งลูกเล็กได้
ด้วยวิธีนี้ ย่อมไม่มีใครสามารถแข่งขันกับเจียงเสี่ยวไป๋ได้
“ลูกพี่ นี่เงิน 427 หยวน ผมแบ่งส่วนของหลิวซือกั๋วและภรรยาให้พวกเขาไปแล้ว”
เจิ้งต้าเป่ายื่นถุงเงินใบใหญ่ให้นักเลงเฉิน
“เท่าไหร่นะ ? 427 หยวน ? ”
นักเลงเฉินเกือบจะคิดว่าเขาได้ยินผิดจึงถามอย่างตื่นเต้น
หลังจากได้รับคำยืนยันจากเจิ้งต้าเป่า นักเลงเฉินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาลงทุนไปหลายสิบหยวนเพื่อซื้อของและได้เงินมาหลายร้อยหยวนต่อวัน กำไรมากกว่าที่เขาคิดไว้
“ลูกพี่ พรุ่งนี้เราต้องเอามันฝรั่งลูกเล็กเข้าไปในเมืองอีก ที่เอาไปวันนี้ขายหมดแล้ว”
เจิ้งต้าเป่ากล่าวอย่างตื่นเต้น
นักเลงเฉินได้ยินแบบนั้นจึงมีสีหน้าขมขื่น เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้จะขายผัดมันฝรั่งได้เท่าไร ดังนั้นในระหว่างวันจึงไม่ได้รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กเอาไว้เลย
พรุ่งนี้จะหามันฝรั่งลูกเล็กได้จากที่ไหน ?
“ให้ตายเถอะ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังวางหลุมพรางหลอกฉัน”
นักเลงเฉินอดไม่ได้ที่จะด่าทอ
“ลูกพี่ เป็นอะไรไป ? ”
เจิ้งต้าเป่าเพิ่งกลับมา จึงไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาที่สูงลิ่ว ดังนั้นเขาจึงถามด้วยความประหลาดใจ
นักเลงเฉินเล่าให้เขาฟัง เจิ้งต้าเป่าก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“ลูกพี่ งั้นตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี ? ”
“ถ้าไม่ได้มันฝรั่งลูกเล็ก พรุ่งนี้จะขายไม่ได้”
นักเลงเฉินมองไปที่กองเงินในมือ หัวใจของเขากำลังลุกเป็นไฟ เขากัดฟันและพูดว่า “เราจะเพิ่มราคาและรับซื้อมันฝรั่งในคืนนี้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องจ่าย 4 เหมาต่อหนึ่งชั่งด้วยหรือ ? ” เจิ้งต้าเป่าพยายามถามด้วยความกลัว
“ไม่ ! ”
นักเลงเฉินพูดอย่างเด็ดขาด “เราจะรับซื้อในราคา 4.5 เหมาต่อหนึ่งชั่ง”
หา ?
เจิ้งต้าเป่าตกตะลึง รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคา 4.5 เหมาต่อหนึ่งชั่ง เขาอยากจะกลับบ้านไปปลูกมันฝรั่งเสียตอนนี้เลย
นักเลงเฉินแสดงสีหน้าดุร้ายและพูดด้วยความโกรธ “เจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อในราคา 4 เหมาต่อหนึ่งชั่ง เพื่อที่เขาจะได้มันฝรั่งลูกเล็กไปครอบครองคนเดียว จะได้ไม่มีใครสามารถแข่งขันกับเขาในการทำธุรกิจได้ ฉันแค่จ่ายมากกว่าเขา 5 เฟิน แค่นี้ก็สามารถริบมันฝรั่งเหล่านั้นมาได้ทั้งหมดแล้ว”
เจิ้งต้าเป่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ลูกพี่ เราจ่ายมันฝรั่งลูกเล็กในราคาสูงเช่นนี้ กำไรคงไม่มากแล้วล่ะ”
นักเลงเฉินเย้ยหยัน “แค่ขายชามละ 3.5 เหมา คำนวณแล้วเราสามารถขายมันฝรั่งลูกเล็กได้ประมาณ 7 เหมาต่อหนึ่งชั่ง แม้ว่าเราจะขึ้นราคารับซื้อเป็น 4.5 เหมาก็ตาม เราก็ยังคงได้กำไรประมาณ 2 เหมาต่อหนึ่งชั่ง ไม่มีธุรกิจใดในโลกที่ทำกำไรได้มากกว่านี้แล้ว”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้พูดต่ออีกว่า “เหตุผลที่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าเขาให้ราคาชั่งละ 4 เหมาเป็นเวลาสามวัน เพราะเขาต้องการทำให้พวกเราเจ๊งก่อนแล้วค่อยลดราคารับซื้อทีหลัง”
“ในทำนองเดียวกัน ถ้าฉันหยุดเขาได้ในเวลา 3 วัน ธุรกิจของเขาจะไปต่อไม่ได้ ถึงตอนนั้นเราจะกลายเป็นเจ้าเดียวที่ขายผัดมันฝรั่งในเมืองชิงโจว”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของนักเลงเฉินก็สว่างขึ้น ราวกับว่าเขาเห็นภาพของธุรกิจพิเศษของเขาในอนาคต ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ความกระตือรือร้นของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
“ลูกพี่ ผมเกรงว่าเราจะไม่สามารถหยุดเจียงเสี่ยวไป๋ได้ เพราะนอกจากผัดมันฝรั่งแล้ว เขายังขายฟักเขียวตุ๋นน้ำแดงและฟักเขียวตุ๋นแบบหมูสามชั้นอีกด้วย” เจิ้งต้าเป่ากล่าว
นักเลงเฉินไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดว่า “ไอ้เมนูพวกนั้นน่ะมันไม่มีหมูและหมูสามชั้นอะไรหรอก เพราะสิ่งที่เขาขายคือฟักเขียว เขาตั้งชื่อแบบนี้ก็เพื่อหลอกคน”
เมื่อเห็นว่าเจิ้งต้าเป่ายังคงกังวลอยู่ นักเลงเฉินจึงพูดอีกครั้งว่า “ฟักเขียวเพิ่งทำออกมาขายได้ไม่กี่วัน ไม่เหมือนผัดมันฝรั่งลูกเล็กที่ทำขายมานานจนติดตลาดแล้ว ถ้าเราทำลายธุรกิจผัดมันฝรั่งของเขาได้ เขาคงเสียหลักและประคองธุรกิจไปได้ไม่กี่วัน”
”ไม่เป็นไร ผมเชื่อลูกพี่ ผมจะทำทุกอย่างที่ลูกพี่ต้องการ” เจิ้งต้าเป่ากล่าว
”เอาล่ะ เย็นนี้นายพาคนไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ และรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในคืนนี้เลย รับซื้อมาให้ได้มากที่สุด อย่าปล่อยให้เจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กได้ภายในสามวันนี้”
หลังจากทั้งสองเตรียมการแล้ว เจิ้งต้าเป่าก็พาชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในชั่วข้ามคืน โดยจ่ายเงินสดรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กที่ราคาชั่งละ 4.5 เหมา
มาทางฝั่งของหลิวซือกั๋วและภรรยา พวกเขากลับบ้านไปอย่างมีความสุข
จูเยี่ยนผิงกล่าวว่า “ฉันจะทำกับข้าว คุณไปบอกคนขายมันฝรั่งลูกเล็กเหล่านั้นเถอะว่าให้พวกเขาเก็บมันฝรั่งลูกเล็กไปส่งที่ถนนลูกรังในเช้าวันพรุ่งนี้”
“อืม”
ใบหน้าของหลิวซือกั๋วสดใส เขารู้สึกดีเมื่อนึกถึงภาพที่คนขายมันฝรั่งลูกเล็กพวกเขาต่างพากันประจบประแจงเขาทีละคน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากครอบครัวของเขายากจน เขาจึงไม่สามารถเชิดหน้าชูตาในหมู่บ้านได้ และในที่สุด วันนี้เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจได้เสียที
หลิวซือกั๋วเดินไปที่บ้านของถานชิงซาน และจงใจตะโกนเสียงดัง “ชิงซาน ชิงซาน แบกมันฝรั่งลูกเล็กไปที่ข้างถนนลูกรังพรุ่งนี้เช้านะ เดี๋ยวจะมีรถมาลากพวกมันไป”
หลังจากตะโกนติดต่อกันหลายครั้ง ถานชิงซานก็เดินออกมาจากในบ้าน
“นายจะตะโกนไปทำไม ใครบอกนายว่าฉันต้องการขายมันฝรั่งลูกเล็กให้ ? ”
หลิวซือกั๋วผงะและพูดด้วยความประหลาดใจ “เมื่อเช้าไม่ได้ตกลงกันไว้แล้วหรือ ? ฉันจะซื้อมันฝรั่งลูกเล็กของนายในราคาชั่งละ 6 หลี ซึ่งสูงกว่าราคาที่เจียงเสี่ยวไป๋เสนอให้เป็นเท่าตัวเลยนะ”
ถานชิงซานหัวเราะเบา ๆ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ให้ราคาชั่งละ 6 หลี แต่คิดอยากจะซื้อมันฝรั่งของฉันงั้นหรือ ฝันไปเถอะ ! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวซือกั๋วแข็งทื่อทันที เขาพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ถานชิงซาน นายหมายความว่าอะไร ? ”
ถานชิงซานพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่จะไม่ขายมันฝรั่งลูกเล็กให้นายเท่านั้นเอง”
หลิวซือกั๋วรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ในตอนเช้าเขายังพูดดีอยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงเปลี่ยนใจง่ายจัง ?
เขาโกรธและพูดว่า “ถานชิงซาน ถ้านายไม่ขายมันฝรั่งลูกเล็กให้ฉัน งั้นนายก็รอให้เจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อมันในราคา 3 หลีต่อหนึ่งชั่งไปเถอะ”
เขาพูดแล้วก็เดินจากไปด้วยความโกรธ
ระหว่างทาง เขาเดินจ้ำไปด้วยความโมโห เดิมทีเขานึกว่าถ้าเขาบอกให้อีกฝ่ายเอามันฝรั่งไปส่งที่ริมถนนลูกรังในวันพรุ่งนี้ ถานชิงซานจะต้องมาประจบเขาอย่างแน่นอน แต่ทำไมมันถึงผิดคาดไปหมดเลยล่ะ
เขาไม่รู้ว่าถานชิงซานเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้เปลี่ยนใจไปง่าย ๆ แบบนี้
เมื่อมองกลับไปที่บ้านของช่างไม้ถาน เขาคิดว่าบางทีช่างไม้ถานอาจบอกถานชิงซานว่าอย่าขายมันฝรั่งลูกเล็กให้เขา
“ถานเสวี่ยเฉา อย่าให้ถึงทีฉันนะ แล้วฉันจะทำให้แกเห็นดีกัน”
หลิวซือกั๋วเกลียดช่างตัดไม้ถานเข้าไส้
เขาหันหลังกลับและเดินไปที่บ้านของเฉินหยวนชาง พลางตะโกนว่า “พี่หยวนชาง พรุ่งนี้ขนมันฝรั่งลูกเล็กไปที่ถนนลูกรังแต่เช้านะ เดี๋ยวจะมีรถมาลากพวกมันไป จะมีการชั่งน้ำหนักและชำระเงินที่นั่นเลย ราคาชั่งละ 6 หลีเหมือนเดิม”
เขาจงใจตะโกนเสียงดังโดยคิดว่า ถานชิงซานได้ยินแล้วจะเสียใจทีหลัง
เฉินหยวนชางอาศัยอยู่ใกล้กับหลิวซือกั๋ว และทั้งสองมักจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ฉะนั้นเขาจึงไว้หน้าหลิวซือกั๋วอยู่บ้าง
หยวนชางเดินออกจากประตูและพูดว่า “ซือกั๋ว ฉันขอโทษ แต่ฉันขายมันฝรั่งลูกเล็กให้นายไม่ได้”
หลิวซือกั๋วตกตะลึงและเริ่มคิดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาถามอย่างกระวนกระวายว่า “พี่หยวนชาง เกิดอะไรขึ้น ? ”