ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 561 : ป่าป๊า ขอห้องทองซ่อนสาวงาม
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 561 : ป่าป๊า ขอห้องทองซ่อนสาวงาม
ตอนที่ 561 : ป่าป๊า ขอห้องทองซ่อนสาวงาม
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “นอกเหนือจากเรื่องเทคนิคที่พวกคุณต้องฟังเขาแล้ว เรื่องอื่นให้ฟังฉัน ! ”
เป็นคำพูดที่เขานั้นไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะเน้นย้ำมาเสมอว่าพวกเธอต้องให้การบริการสปาเท้าและการนวดมาเป็นอันดับแรก ทักษะมาเป็นอันดับสอง ส่วนคุณภาพการบริการอะไรต่าง ๆ ก็ปล่อยให้เป็นจุดแข็งของพนักงานแต่ละคนไป
และในแต่ละครั้งที่เขามารับบริการการนวดของจางหงหยูในแต่ละครั้ง เขาก็จะสังเกตเห็นได้ว่าในทุก ๆ ขั้นตอนการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการนวด เทคนิคในการนวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การสปาเท้า การนวดผ่อนคลายขากับเท้า ต่างก็มักจะมีเวลากำหนดอยู่เสมอ
และกระบวนการนี้จะถูกสืบทอดต่อมาในยุคสมัยหลัง
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทักษะในการนวดของคุณนั้นก็ดีจริง ๆ แต่ขั้นตอนก่อนหน้านี้มันออกจะผิดไปหน่อย จากนี้ไป พวกคุณทุกคนจะต้องฝึกฝนตามขั้นตอนที่ฉันแก้ไขให้”
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดกับจางหงหยูอย่างตรงไปตรงมา
จางหงหยูพยักหน้ารับ “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นจากนี้ไปเราจะฝึกฝนตามกระบวนการของวันนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่จะเดินไปยังห้อง 888 เพื่อขอให้หยวนหยวนทำสปาเท้าและแนะนำขั้นตอนก่อนหน้านี้ให้พวกเธอฟัง
หลังจากที่พนักงานนวดทั้งสองกลุ่มฝึกฝนกันไปคนละครั้งแล้ว เขาก็ได้เหลือบดูเวลาและเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เรียกจางหงหยูและหยวนหยวนมา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พวกคุณฝึกฝนตามที่ฉันสอนให้ก่อน ทำให้คุ้นเคย อีก 2-3 วัน ฉันจะให้ช่างมาตัดชุดทำงานให้พวกคุณ หลังจากชุดทำงานตัดเสร็จแล้ว ฉันจะมาประเมินทุกคนอีกรอบ คนที่ผ่านการประเมินจะได้บรรจุเป็นพนักงาน”
จางหงหยูและหยวนหยวนต่างก็ตอบตกลงในทันที
พวกเธอทุกคนต่างก็รอคอยที่จะได้บรรจุเป็นพนักงาน
เพราะถ้าไม่ได้บรรจุเป็นพนักงาน พวกเธอจะได้รับแค่เงินเดือนพื้นฐานในช่วงระยะเวลาการฝึกอบรมเท่านั้นแต่ถ้าได้บรรจุเข้าทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเธอก็จะสามารถรับค่าคอมมิชชั่น 3 หยวนทุกหนึ่งชั่วโมง
พวกเธอในตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาใหม่ ๆ แล้ว ตอนนั้นพวกเธอยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวไป๋เลย แต่ระยะหลังนี้หวังผิงได้เข้ามาที่นี่ในฐานะโค้ชและคู่ซ้อม ในทุก ๆ คืน ทุกคนต่างก็จะได้ยินเรื่องเล่าการกระทำต่าง ๆ ของเจียงเสี่ยวไป๋จากหวังผิงกันมาคร่าว ๆ
ที่พวกเธอได้รู้มานั้นคือ หวังผิงเคยเปิดร้านน้ำชาและมีรายได้เพียง 20-30 หยวนต่อเดือน แต่หลังจากที่ได้มาทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ ในตอนนี้เขานั้นมีรายได้หลายหมื่นหยวนต่อเดือนแล้ว
หวังผิงจึงได้กลายเป็นแบบอย่างของพนักงานนวดทุกคน พวกเธอต่างก็อยากจะมีชีวิตเหมือนหวังผิง
เจียงเสี่ยวไป๋เคยกล่าวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการที่จะเป็นพนักงานนวดได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น ในอนาคต ทุกคนต่างก็มีโอกาสที่จะได้เป็นผู้จัดการร้านสปาเท้าได้
เช่นเดียวกับหวังผิงที่ในตอนนี้เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋คุยงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากคลับเฮ้าส์สปาเท้าและกลับไปที่เจียงวานในทันที
ภายในห้องนั่งเล่น ตอนนี้ทั้งหลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิง เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ หลินเจียอิน และหลินเจียเหวย ต่างก็นั่งอยู่ด้านในกันหมด มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ได้มา
“ของที่ซื้อมาล่ะ ? ”
ทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา หลินต้าเหว่ยก็เห็นว่ามือของเขานั้นว่างเปล่า จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูท่าทางกระตือรือร้นของพ่อตาแล้วหัวเราะ “พ่อ ผมออกไปซื้อของทำผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ใช่หรือ ? ถ้าไม่เห็นว่าผมหิ้วกลับมา นั่นหมายความผมได้เอามันไปใช้แล้ว ! ”
หลิยต้าเหว่ยรู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ลูกสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาแล้วหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ ผมให้คนทำมันออกมาแล้ว ! ”
“งั้นพ่อขอดูหน่อย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมไม่ได้นำมันกลับมาด้วย มันอยู่ในเมืองชิงโจว เดี๋ยวผมจะเข้าไปเอามันกลับมาในวันพรุ่งนี้”
หลินต้าเหว่ยมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้สร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา แต่ไม่ได้นำกลับมา เห็นได้ชัดว่ายังไม่อยากให้เขาเห็นในตอนนี้
ความคาดหวังที่ได้เข้ามาเติมเต็มหัวใจของฉันภายในเวลาไม่กี่วินาที ในตอนนี้ได้กลายเป็นความสิ้นหวังแล้ว
แต่คราวนี้เหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิด สำหรับเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว ถ้าหากว่าไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งพร้อม เจียงเสี่ยวไป๋ก็คงจะเอามาให้ดูเอง
แต่หวังชิ่งซีที่คอยช่วยทำสิ่งต่าง ๆ บอกว่าให้เข้าไปรับตอนเช้าของพรุ่งนี้ ตอนนี้จะเอาที่ไหนมาให้เขาดูกันล่ะ ?
“เอาล่ะ อย่าเพิ่งท้อใจไป เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะได้เห็นกันแน่นอน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปหาหลินต้าเหว่ยแล้วยื่นบุหรี่ให้ พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อีกเดี๋ยวเราไปดื่มเหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางปี 1980 ด้วยกันสักแก้วสองแก้วเถอะ ! ”
มุมปากของหลินต้าเหว่ยกระตุกอย่างรุนแรง “ให้ตายเถอะ ! เหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางปี 1980 หรือ ? พ่ออยากดื่มเหมาไถปี 1951นั่นมากกว่า ! ”
“ครับ ๆ งั้นเราไปดื่มเหมาไถปี 1951 กัน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีเหมาไถปี 1951 มากกว่าหนึ่งขวดอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังไม่เคยได้ดื่มมันเลยนับตั้งแต่ที่เขากลับมาเกิดใหม่ พ่อตาของเขาไม่ใช่คนนอกอะไร ดังนั้นมาชวนกันดื่มสักหน่อยแล้วกัน
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด สีหน้าของหลินต้าเหว่ยก็ดูจะผ่อนลงในทันที
เขายกบุหรี่ในมือขึ้นแล้วฮัมเพลง “ไม่ดูอะไรเลยนะ ให้บุหรี่คนอื่นแล้วยังไม่รู้จักจุดบุหรี่ให้เขาอีก ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงเสี่ยวไป๋จึงรีบหยิบไม้ขีดออกมาอย่างรวดเร็วและจุดบุหรี่ให้กับพ่อตาของเขา
หลินต้าเหว่ยนั่งสูบบุหรี่อยู่สักพัก ก่อนที่จะเหลือบไปมองลูกเขยของเขาแล้วพูดว่า “ลุงรองบอกว่าลูกพาเจียจวินทำธุรกิจอย่างนั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยักหน้ารับในทันที “พี่จวินเขาปลดประจำการแล้วจึงยังไม่มีงานทำ เขาอยากทำธุรกิจ เพราะงั้นเขาเลยมาทำงานกับผมแทน”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “ที่จริงเจียจวินเขาค่อนข้างที่จะฉลาด เขาทำงานกับลูกแบบนี้ พ่อเชื่อว่าเขาจะได้ดีแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “จริงครับ ผมให้เขาเป็นคนจัดการทุกอย่างที่เจียงเฉิง เขาทำได้เรียบร้อยดีมาก”
หลินต้าเหว่ยถอนหายใจ “จะว่าไป พอพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว พ่อก็ไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พ่อเห็นเขาก็เป็นตอนที่เขาลาพักร้อนกับกองทัพเพื่อกลับมาเยี่ยมครอบครัว ตอนนั้นพ่อบังเอิญอยู่ที่เจียงเฉิงพอดี”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพ่อก็จะได้เจอกับเขาในเร็ว ๆ นี้แล้ว”
หลินต้าเหว่ยชะงักไปเล็กน้อย “เขากำลังจะมาที่ชิงโจวหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “วันที่ 12 เดือนหน้าเป็นวันเปิดเจียงเจียกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ผมให้เขามาเข้าร่วมงานด้วย”
หลินต้าเหว่ยมีความสุขมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ยอดไปเลย”
หลินเจียอินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วพี่เจียจวินจะมาเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เขาไม่ได้บอกเวลาที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะมาถึงภายในสองหรือสามวันนี้”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “พอเขามาถึงแล้ว เสี่ยวไป๋ก็พาเขาไปพักอยู่ที่เจี้ยนหยางสักสองวันสิ พ่อไม่ได้เจอเขามานานแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ช่วงนี้ผมไม่น่าจะว่างพาเขาไปที่เจี้ยนหยางนะ แล้วแต่เขาละกัน”
หลินต้าเหว่ยใช้ความคิดอยู่สักพัก ช่วงวันก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ป เจียงเสี่ยวไป๋เขาก็น่าจะยุ่งพอสมควร ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาว่า “งั้นถ้าเขามาถึงก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะมารับเขาเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
หลิวอี้ถิงพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ไปเจียงเฉิงครั้งนี้เจอลี่ลี่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่อว่า “ผมไปเจอเธอมาแล้ว ชานชานพักอยู่กับเธอที่มหาวิทยาลัยหนึ่งคืน”
หลิวอี้ถิงยิ้ม “ดูเหมือนว่าชานชานและน้าของเธอจะเข้ากันได้ดีมาก” หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และถามอย่างกังวล “ตอนนี้เธอไม่ใจร้ายกับลูกแล้วใช่ไหม ? ”
ไม่มีใครรู้จักนิสัยลูกได้ดีเท่าผู้เป็นแม่ นิสัยลูกสาวคนเล็กของเธอทำให้เธอปวดหัวอยู่เหมือนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ครับ เธอยังชวนผมไปกินข้าวในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ”
หลังจากได้ยินแบบนี้ หลิวอี้ถิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “แล้วไป ! ที่มันผ่านไปได้ด้วยดี ! ”
เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ถามเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวชิงด้วย และเจียงเสี่ยวไป๋ก็ตอบพวกเขาทีละคน
การพูดคุยกันเป็นครอบครัวใหญ่ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกผ่อนคลายมาก
หลังจากพูดคุยแบบนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เขาก็ลุกขึ้นและเตรียมเข้าครัวไปทำอาหาร
“ป่าป๊า วันนี้ป่าป๊าจะทำของอร่อยอะไรคะ ? ”
ในขณะนี้เจียงชานกลับมาพร้อมกับเจียงถิง หลินจื้อเสียน และหลินจื้อหลิน เธอก็ถามเสียงดัง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แล้วชานชานอยากกินอะไรล่ะ ? ”
เจียงชานพูดว่า “ป่าป๊า หนูอยากกินห้องทองซ่อนสาวงาม ! ”
ทันทีที่คำพูดจบลง อากาศในห้องนั่งเล่นก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง และทุกสายตาก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเหล่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกตื่นเต้นและรีบหันกลับไปเพื่ออธิบาย “มันคือชื่ออาหาร ! ชื่ออาหารน่ะ ! ห้องทองซ่อนสาวงามคือชื่อของอาหาร ! ”
เจียงชานยังสังเกตเห็นการจ้องมองที่เฉียบคมของทุกคนด้วยสีหน้างุนงงบนใบหน้าของเธอ “ใช่ มันเป็นแค่ชื่ออาหาร ทำไมทุกคนถึงดูแปลก ๆ ขนาดนี้ล่ะ ? ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าตัวน้อยพูด หลินต้าเหว่ยและคนอื่นก็โล่งใจ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น