ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 566 : เผชิญกับปัญหา
ตอนที่ 566 : เผชิญกับปัญหา
ตอนแรกที่ได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋เสนอขอแลกเปลี่ยนสร้างโรงงานให้ที่หมู่บ้านต้าชิ่งกับโรงงานเบียร์ซานเฉิง สีเจิ้งเหว่ยเป็นคนแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยมากที่สุด
แต่ในตอนนี้เขากลับเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นที่สุดในการก่อตั้งโรงงานไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง
แถมเขาก็ยังมีความคิดอยากจะเป็นผู้จัดการโรงงานผลิตไฟแช็กอีกด้วย
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา หลินต้าเหว่ยก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “รองนายอำเภอสี คุณพูดถูก ฉันก็ยังคิดว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นความหวังของหมู่บ้านต้าชิ่งเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของเจี้ยนหยางได้อีกด้วย ทั้งอำเภอจะต้องร่วมมือกัน มาทำโรงงานผลิตไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งกันเถอะ ! ”
หลี่กัง เฉิงสิงเจีย หราวชุ่นชิง พวกเขาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ที่ได้เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกมีความสุขมากที่ผู้นำของเจี้ยนหยางให้ความสนใจกับการพัฒนาไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง
ทันทีที่เห็นว่าในตอนนี้ได้มีผู้นำหลายคนอยู่ด้วยกันที่นี่ เขาก็รีบแสดงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโรงงานไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งออกมาทันที
“หากต้องการผลิตไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง เราไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานก็ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการจัดตั้งครัวเรือนอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมส่วนบุคคลเป็นรายครอบครัว”
หลินต้าเหว่ยและคนอื่นต่างก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ สีเจิ้งเหว่ยเลยถามออกไปว่า “คุณกำลังจะบอกว่าจะไม่ต้องสร้างโรงงานเหรอ ? ”
ทั้งที่เขาคิดไว้แล้วที่จะเป็นผู้จัดการโรงงานไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง !
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับมีความคิดไม่สร้างโรงงาน !
ในตอนนี้ ความคิดที่เขาได้วางแผนไว้มันได้สูญเปล่าไปในพริบตา !
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดต่ออีกว่า “ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ให้แต่ละครอบครัวผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ สุดท้ายให้ประกอบโดยทีมเฉพาะ แบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านที่ดิน การก่อสร้าง เครื่องจักร และค่าใช้จ่ายอื่นสำหรับการสร้างโรงงานเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าจ้างคนงานและค่าสวัสดิการต่าง ๆ อีกด้วย”
คำพูดนี้ไม่ได้มาจากตัวเขาเอง แต่เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังทำ
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งนี้มีประสิทธิภาพมาก
ที่เขาพูดมานั้น เขาก็แค่ดึงเอาประสบการณ์ของคนรุ่นหลังมาใช้
ดังนั้นเขาจึงอธิบายรายละเอียดแนวทางปฏิบัติ และประโยชน์ของครัวเรือนอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมส่วนบุคคล
ชิ้นส่วนไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งมีทั้งหมด 28 ชิ้น แต่ละชิ้นส่วนสามารถผลิตได้โดยหลายร้อยครัวเรือน และแต่ละครอบครัวให้ทำวัสดุใช้ทำชิ้นส่วนไฟแช็กแค่คนละชิ้น ฝึกฝนจนทำมันออกมาได้สมบูรณ์แบบ มันก็จะกลายเป็นทักษะหรือความสามารถติดตัว และยังช่วยประหยัดต้นทุนได้ด้วย
ธุรกิจส่วนบุคคลประเภทนี้ไม่ได้มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานที่ สภาพแวดล้อมและเวลาในการผลิต ตราบใดที่สินค้าชิ้นนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมและมีประสิทธิภาพก็สามารถขายได้
ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย ใครไม่ทำไม่ได้อะไรเลย
เพื่อที่จะผลิตสินค้าได้มากขึ้น ครอบครัวที่ได้รับหน้าที่ผลิตจะต้องมีความรับผิดชอบและความกระตือรือร้น
เพื่อที่จะผลิตสินค้าที่แข่งขันได้มากขึ้น เราจะควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างเข้มงวดและกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของการทำแบบนั้นก็คือตัดปัญหาชิ้นส่วนที่ไม่ได้คุณภาพออกไป เพราะถ้าหากเอาของพวกนั้นมาใช้ในการผลิตสินค้าก็อาจจะไม่ได้คุณภาพและทำให้ไม่มีคนมาซื้อสินค้า ซึ่งนั่นมันก็เหมือนกับว่าเป็นการทำลายตัวเองในอนาคตชัด ๆ
เรียกง่าย ๆ ว่านี่คือการตลาดแบบใช้ตลาดจัดการแทน
และหลังจากผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้เสร็จแล้ว พวกเขาก็จะสามารถนำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปประกอบเองได้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แน่นอนว่าไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งนั้นมันสามารถผลิตแบบนี้ได้ในหมู่บ้านต้าชิ่งเท่านั้น”
หลินต้าเหว่ยและคนอื่นอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับว่าวิธีการผลิตและการจัดการนี้ มันช่างแตกต่างจากการบริหารโรงงานแบบดั้งเดิมและแถมยังได้เปรียบมากกว่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็คำนึงได้ถึงปัญหาหนึ่งในเวลาเดียวกัน
สีเจิ้งเหว่ยพูดว่า “เนื่องจากไม่ได้ลงทุนสร้างโรงงาน นั่นมันก็เหมือนว่าเรามอบโรงเบียร์ซานเฉิงให้คุณฟรี ๆ ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดออกมาว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนสร้างโรงงาน แต่หลังจากที่เราขายไฟแช็กแล้ว เราอาจจะได้ยอดขายนับหมื่นล้านเลยก็ได้ พวกคุณลองคิดดูว่าเจี้ยนหยางจะสามารถทำกำไรจากการขายนี้ได้มากขนาดไหน ? ”
“หลายหมื่นล้าน ! ”
หลินต้าเหว่ย หลี่กัง และคนอื่นต่างก็ตกใจกับตัวเลขนี้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างเฉยเมย “คุณสามารถนำไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งเอาไปก่อไฟหรือปรุงอาหารก็ได้ แถมยังสามารถใช้ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งในการจุดบุหรี่ได้ด้วย ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งทั้งสะดวกและราคาถูกกว่าการใช้ไม้ขีดไฟอีก มีผู้คนมากกว่า 800 ล้านคนในประเทศจีน แน่นอนว่าแต่ละคนจะต้องใช้ไฟแช็กไม่ต่ำกว่าปีละ 10 อัน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นราคานับหมื่นล้าน และไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งนั้นไม่เพียงแต่เป็นที่ต้องการของชาวจีนเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งขายไปได้ทั่วโลกอีกด้วย”
“หมื่นล้านแค่มูลค่ารับประกันในประเทศเท่านั้น ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “แน่นอนว่าถ้าพวกคุณไม่อยากแลกเปลี่ยน ผมก็จะไปทำไว้ที่เจียงวาน”
สีเจิ้งเหว่ยรีบพูดออกมาในทันทีว่า “แลกเปลี่ยนสิ ! เราตกลงกันแล้ว จะไม่แลกเปลี่ยนได้อย่างไร ! ”
เขาจะไม่ยอมเสียโอกาสผลิตสินค้าดี ๆ แบบนี้ไปแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
หลินต้าเหว่ย หลี่กัง และคนอื่นต่างก็มองหน้ากันและตอบตกลงที่จะยอมแลกเปลี่ยน
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่ออีกว่า “ถ้าทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งอะไรแล้ว เรามาร่างสัญญากันดีกว่า หลังจากที่ผมได้รับกรรมสิทธิ์ของโรงเบียร์ซานเฉิงแล้ว ผมจะมอบวิธีการผลิตไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งไปให้กับรัฐบาลอำเภอเจี้ยนหยาง และผมก็จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาฝึกอบรมวิธีทำให้พวกคุณด้วย”
หลินต้าเหว่ยมองไปที่ฉินหงซิน และพูดขึ้นทันที “เอาสัญญามาให้ฉัน ฉันจะร่างมันขึ้นมาในวันนี้แหละ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาล่ะชอบที่ได้เห็นความกระตือรือร้นแบบนี้จริง ๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร จะต้องมีการอธิบายล่วงหน้าด้วย เขาจึงพูดออกมาอีกครั้งว่า “เราจะเริ่มดำเนินโครงการนำร่องในหมู่บ้านต้าชิ่งก่อน เพื่อที่ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านต้าชิ่งนั้นสามารถผลิตชิ้นส่วนไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งระดับมืออาชีพได้ พวกเขาต้องการอุปกรณ์ เครื่องจักรกล และวัสดุในการผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้”
สีเจิ้งเหว่ยถามว่า “ต้องใช้ประมาณเท่าไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งมีชิ้นส่วนทั้งหมด 28 ชิ้นส่วน โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละชิ้นส่วนจะต้องมีผู้ผลิตมืออาชีพมากกว่า 100 ราย แต่ละบริษัทจะมีอุปกรณ์หนึ่งชุดหรือแม้แต่อุปกรณ์หลายชุด รวมแล้วน่าจะหลายหมื่นชุด ! ”
ซี๊ด……
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีเจิ้งเหว่ยก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง ชุดอุปกรณ์หลายหมื่นชุด ! ไม่ว่าชุดอุปกรณ์จะถูกแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นเงินจำนวนมหาศาลมากเลยทีเดียว
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่หลินต้าเหว่ย
หลินต้าเหว่ยไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้ ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของเจี้ยนหยางยังไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนมากในตอนนี้ได้
เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสำหรับหมู่บ้านเกษตรกรอย่างต้าชิ่งที่ต้องจัดสรรเงินทุนมาจ่ายค่าอุปกรณ์ด้วยตนเองมากมายขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากอุปกรณ์แล้ว ยังจะต้องซื้อวัสดุอีกด้วย
สำหรับการผลิตขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้นทุนวัสดุก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเช่นกัน
หลินต้าเหว่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ช่วยทำในระดับเล็ก ๆ ก่อนได้ไหม เราจะทำโครงการนำร่องในหมู่บ้านต้าชิ่ง ฉะนั้นเบื้องต้นเราลองเลือกมาสักสองครอบครัวเพื่อลองสร้างชิ้นส่วนแต่ละส่วนก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “ถ้าเราทำแบบนั้น เราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการเปิดตัวไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งในตลาด หากมีใครเลียนแบบมันในไม่ช้า ข้อได้เปรียบของเราก็คือการที่จะต้องรีบผลิตมันก่อน”