ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 568 : ไปแบบไม่บอกกล่าว
ตอนที่ 568 : ไปแบบไม่บอกกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋ได้อธิบายความคิดของเขา และยังบอกถึงเรื่องที่เขากำลังสร้างโรงเรียนประถมในชิงโจว หราวชุ่นชิงจึงตกลงที่จะจัดการให้เขาในทันที
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขมากในขณะที่กำลังพูดถึงสิ่งนี้
ทางเจี้ยนหยางตกลงที่จะอนุมัติให้เขาตั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลในนิคมอุตสาหกรรม หลังจากที่กลับไปชิงโจวแล้ว เขาจะมอบหมายหน้าที่ในการออกแบบให้กับลู่จื่อเจี้ยน
หลังจากที่กินอาหารเย็นเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋และหลินต้าเหว่ยต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน
และหลังจากค่ำคืนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันอีกเลย
วันรุ่งขึ้น ฉินหงซิงได้พาเจียงเสี่ยวไป๋ไปดำเนินขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์โรงเบียร์ซานเฉิง ก่อนที่จะพาเขาไปที่โรงเบียร์ซานเฉิง
ทั้งสองต่างก็ได้เจอกับเสวียหัวที่อยู่ในสำนักงานผู้จัดการโรงงาน
หลังจากที่ฉินหงซิงล่าเรื่องนี้ให้เสวียหัวฟัง เขาก็ดูสับสนเล็กน้อย โรงเบียร์นี้กำลังเปลี่ยนเจ้าของงั้นเหรอ ?
“ผู้อำนวยการฉิน แล้วคนงานในโรงงานล่ะ ? ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสวียหัวก็รีบดึงฉินหงซิงออกไปเพื่อถามเป็นการส่วนตัว
ฉินหงซิงบอกว่า “เราจะดำเนินการแบบเดิมไปก่อน หลังจากที่ผ่านไปแล้วครึ่งปี คนงานจะมีอิสระในการเลือก ถ้าหากว่าพวกเขาไม่อยากอยู่ต่อ ทางอำเภอก็จะส่งพวกเขาไปรัฐวิสาหกิจอื่นต่อ”
สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเงื่อนไขที่เจียงเสี่ยวไป๋และอำเภอเจี้ยนหยางตกลงกันไว้เมื่อวานนี้ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้อย่างราบรื่น
เสวียหัวกล่าวว่า “ใครมันจะไปยอมทิ้งชามข้าวเหล็กของพวกเขาทิ้งกันล่ะ ? เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าโรงเบียร์จะไม่เหลือคนงานเอาน่ะสิ”
ฉินหงซิงหลือบมองเขาแล้วยิ้ม “คุณรู้จักโรงงานฟิล์มพลาสติกในชิงโจวใช่ไหม ? ”
เสวียหัวส่ายหัว
ฉินหงซิงพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเถ้าแก่เจียง ให้จัดเวลาให้คุณไปดูงานที่โรงงานฟิล์มพลาสติกชิงโจวเสียหน่อย”
เสวียหัวชีกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก ทำไมผมต้องไปดูด้วย ? ”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โรงงานฟิล์มพลาสติกในชิงโจวกำลังจะปิดตัวลงเพราะในตอนนั้นโรงงานไม่สามารถจ่ายค่าจ้างคนงานได้ แต่แล้วรัฐบาลเมืองชิงโจวและเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ทำสัญญากับโรงงานฟิล์มพลาสติก และตอนนี้โรงงานฟิล์มพลาสติกได้ทำกำไรเกือบ 8 ล้านหยวนต่อเดือนแล้ว ! ”
เสวียหัวมองไปที่ฉินหงซิงด้วยท่าทีเหลือเชื่อและพูดว่า “นี่ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะครับ ! ”
ฉินหงซิงยิ้ม “นี่ฉันกำลังดูเหมือนกำลังพูดล้อเล่นกับคุณอยู่เหรอ ? ”
เสวียหัวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริงแล้วฉินหงซิงเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ล้อเล่นเลยอะไรเลย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้นผู้จัดการฉิน เพียงแต่สิ่งที่คุณพูดมันน่าเหลือเชื่อเกินไป โรงงานที่ใกล้จะปิดตัวลงในตอนนี้ กลับใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปี ทำกำไรได้มากมายเพียงนั้นได้อย่างไรกัน ? ”
ฉินหงซิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ว่านั่นมันคือความจริง”
เสวียหัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “แล้วคนงานที่เคยอยู่ในโรงงานฟิล์มพลาสติกล่ะ ? ตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “ตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำของคนงานในโรงงานฟิล์มพลาสติกอยู่ที่ 300 หยวนต่อเดือนหรืออาจมากกว่านั้น ซึ่งคนที่ไดัมากที่สุดมีรายได้หลายหมื่นหยวน คุณว่าอย่างไรล่ะ ? ”
เสวียหัวตกตะลึงอยู่นาน คนที่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำในโรงงานฟิล์มพลาสติกมีเงินเดือนสูงกว่าเขาที่เป็นผู้จัดการโรงเบียร์เสียอีก ไม่ต้องพูดถึงรายได้หลักหมื่นหยวนต่อเดือนเลย
ผ่านไปเป็นสิบปี เขาก็ยังเก็บเงินได้ไม่ถึงหมื่นหยวน !
ฉินหงซิงมองไปที่เสวียหัวและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ผู้จัดการเสวีย ครึ่งปีนี้นับว่าเป็นโอกาสของคุณเลยจริง ๆ คุณเป็นผู้จัดการโรงงานที่ดีจริง ๆ เพียงแต่เจ้านายคนใหม่ของคุณไม่ใช่คนของรัฐบาล แต่เป็นเจียงเสี่ยวไป๋ สงสัยบางทีอาจจะต้องทำตามเขาบ้างแล้ว บางทีมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ! ”
เสวียหัวพยักหน้า “ผู้อำนวยการฉิน ผมพอจะเข้าใจแล้ว ! ”
เมื่อทั้งสองกลับมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองไปที่เสวียหัวแล้วพูดว่า “ผู้จัดการเสวีย ผู้อำนวยการฉิน อธิบายทุกอย่างให้คุณหมดแล้วหรือยัง ? ”
เสวียหัวกล่าวว่า “พูดชัดเจนแล้ว ต้องการให้ผมทำอะไร ? เถ้าแก่เจียงสามารถบอกผมได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า ดูเหมือนว่าเสวียหัวก็พอที่จะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เช่นกัน เขาจึงพูดออกมาว่า “ฉันจะส่งคนมาช่วยผู้จัดการเสวียในการปฏิรูปการบริหารจัดการโรงงาน นอกจากนี้โรงเบียร์แห่งใหม่จะถูกสร้างขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม ในเวลานั้น อุปกรณ์การผลิตที่ทันสมัยที่สุดทั้งหมดจะถูกสั่งซื้อจากต่างประเทศ นอกเหนือจากการจัดการการผลิตในปัจจุบันของโรงงานแล้ว ผู้จัดการเสวียยังต้องรับผิดชอบในการก่อสร้างโรงงานใหม่และการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่อีกด้วย”
ทันทีที่เขาพูดจบ ไม่ใช่แค่เสวียหัวเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่ยังรวมไปถึงฉินหงซิงด้วย
ตอนที่เขาเซ็นสัญญาเมื่อวานนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บอกว่าจะสร้างโรงเบียร์ใหม่หรือซื้ออุปกรณ์ใหม่
การทำเช่นนี้มันก็เหมือนกับว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะเปิดโรงเบียร์ขึ้นมาใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องขอโรงเบียร์ซานเฉิงจากอำเภอเจี้ยนหยางก่อน !
เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างงงงวย
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ตอบ แต่ถามเสวียหัวว่า “ผู้จัดการเสวีย คุณมีปัญหาอะไรไหม ? ”
“ไม่… ไม่มีปัญหา ! ” เสวียหัวกลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเร่งรีบ
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่ออีกว่า “เอาล่ะ จนกว่าฉันจะจัดหาของมาให้ได้ ทุกอย่างในโรงงานก็จะยังคงเหมือนเดิม”
หลังจากนั้น เขาก็ได้ชวนฉินหงซิงออกไปด้วยกัน
เสวียหัวพาทั้งสองคนไปที่ประตู ก่อนที่จะยืนดูรถจี๊ปที่กำลังขับออกไป ที่จริงแล้วเขาก็ยังคงมึนงงและยังไม่รู้เลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋นั้นคิดจะทำอะไร ?
บนรถจี๊ป ฉินหงซิงได้ถามออกมาว่า “เสี่ยวเจียง ทำไมคุณถึงอยากแลกโรงเบียร์ซานเฉิง ในเมื่อคุณสามารถเปิดโรงเบียร์เองได้”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างใจเย็น “ในโรงเบียร์ซานเฉิงมีทั้งคนงาน ที่ตั้ง และชื่อเสียงอยู่แล้ว ทำไมผมถึงไม่ต้องการมันล่ะ ? ”
ฉินหงซิงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะเข้าใจจุดประสงค์ของเจียงเสี่ยวไป๋ในทันที
ในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาได้แค่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋นั้นฉลาดมากจริง ๆ
รถจี๊ปได้เดินทางกลับไปยังที่ว่าการอำเภออย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลงจากรถ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้พูดว่า “ผู้อำนวยการฉิน ผมขอไม่ขึ้นไปนะ ผมจะต้องรีบกลับไปที่ชิงโจวเพื่อเตรียมอุปกรณ์และวัสดุสำหรับผลิตไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง ในอีกไม่กี่วัน ผมจะพาคนพร้อมกับอุปกรณ์และวัสดุมาที่นี่”
ฉินหงซิงพยักหน้า “เอาล่ะ งั้นไปทำงานของคุณเถอะ เราต้องเตรียมตัวเช่นกัน”
รัฐบาลได้ทำข้อตกลงกับเจียงเสี่ยวไป๋ แต่พวกเขายังคงต้องส่งคณะทำงานไปที่หมู่บ้านต้าชิ่งเพื่อทำงานให้กับชาวบ้านและเตรียมความพร้อมพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการฉิน บอกพ่อตาของผมด้วยนะ ว่าเดี๋ยวผมจะส่งคนไปขนเหล้าข้าวโพดที่โรงกลั่นสุรา”
ฉินหงซิงตกตะลึงและถามออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณกำลังจะขนเหล้าอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “บอกพ่อตาของผมเลย เขารู้อยู่แล้ว”
หลังจากกล่าวคำอำลากับฉินหงซิงเสร็จแล้ว เขาก็รีบขับรถออกไป
ฉินหงซิงยืนดูรถของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ค่อย ๆ หายไป ก่อนที่จะหันหลังและเดินไปที่ห้องทำงานของหลินต้าเหว่ย
“นายอำเภอหลิน ฉันกลับมาแล้ว ! ”
ฉินหงซิงเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินต้าเหว่ยและพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินต้าเหว่ยเห็นว่าเขามาคนเดียว จึงถามว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้มาด้วยเหรอ ? ”
ฉินหงซิงกล่าวว่า “หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว ฉันก็พาเขาไปที่โรงเบียร์ซานเฉิงและพบกับเสวียหัว หลังจากที่เขามาส่งฉัน เขาก็กลับไปที่ชิงโจวแล้ว”
หลินต้าเหว่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะแอบบ่นว่าเขาว่าลูกเขยตัวดี ไม่คิดจะเข้ามาทักทายอะไรเลย ทั้งที่มาถึงขนาดนี้แล้ว แต่กลับรีบกลับไปเนี่ยนะ
ฉินหงซิงกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามเจียงเสี่ยวไป๋เขาขอให้ฉันบอกคุณก่อนที่เขาจะจากไป ว่าเขาจะส่งคนไปที่โรงกลั่นสุราเพื่อขนเหล้าข้าวโพด……”