ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 570 : ลุงชอบมันมาก
ตอนที่ 570 : ลุงชอบมันมาก
เมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของพรานจาง เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีความสุขในทันที เขากางมือออกและหยิบไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งขึ้นมาให้พรานจางดู
“ลุงจาง นี่ลุงกำลังพูดถึงสิ่งนี้ใช่ไหม ? อันนี้มันคือไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง ! ”
“ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งเหรอ ? หมายถึงแบบที่ใช้ได้แค่เพียงครั้งเดียวน่ะเหรอ ? ” พรานจางถาม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วยื่นไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งไปให้ “มันก็แค่มีชื่อว่าไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้ง แต่มันสามารถใช้ได้หลายครั้ง เอ้า นี่ผมให้ลุง ! ”
พรานจางถือไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งและมองมันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน หลังจากที่ได้ฟังวิธีใช้มาจากเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็จุดไฟอยู่หลายครั้งส่งเสียงดัง “กริ๊ก กริ๊ก” ด้วยความประหลาดใจ
“เสี่ยวไป๋ นายจะให้ของดีแบบนี้กับลุงจริง ๆ เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ลุงจาง ไฟแช็กนี้มันสามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าลุงชอบก็เอาไปได้เลย ! ”
“ชอบสิ ฉันชอบมันและชอบมันมากด้วย ! ”
พรานจางรู้สึกมีความสุขมาก แถมเขายังพูดซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
เขารู้สึกว่าเขาโชคดีจริง ๆ เพียงเพราะเขารู้สึกขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋ที่ช่วยเขาหาเงิน เขาจึงให้ไก่ฟ้าที่เขาจับได้ขณะล่าสัตว์ แต่กลับได้รับสิ่งดี ๆ นี้มา มันเป็นกำไรมหาศาลจริง ๆ
“เสี่ยวไป๋ ลุงขอบคุณมากสำหรับไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งอันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะไปล่าสัตว์และนำไปให้นะ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริง ๆ ! ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งนี้มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น”
พรานจางลูบเคราของเขาแล้วจ้องมอง เจ้าสิ่งนี้มันจะไม่มีค่าได้อย่างไร ?
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
“งั้นถ้ามันไม่มีค่าอะไร ลุงขอเพิ่มอีกอันได้ไหม ! ” พรานจางกล่าวออกมาอย่างที่ใจคิด
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ได้สิ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ลุงอีกนะ”
พรานจางเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก “ได้ ลุงจะรอนะ”
ในใจของเขาคิดว่าจะต้องไม่รับไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งของเจียงเสี่ยวไป๋มาเสียเปล่า ระยะนี้เขาต้องออกล่าสัตว์บ่อย ๆ แล้ว จะได้นำมาแลกกับไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งได้อย่างคุ้มค่า
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าพรานจางมีความคิดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะเถียงไปแล้ว
หลังจากคุยกันได้สักพัก พวกเขาทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน
พรานจางถือไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งกลับบ้านอย่างมีความสุข ราวกับว่าเขาได้พบสมบัติล้ำค่า
เจียงเสี่ยวไป๋ได้เอาไก่ฟ้าสีทองใส่ลงไปในตระกร้าแล้วเดินขึ้นภูเขาต่อ ไม่นานหลังจากที่เขาขึ้นไปถึงบนยอดเขา เขาก็เห็นลุงใหญ่ พ่อ และอาสามกำลังตัดไม้ทำฟืนกัน
ในตอนนี้ เจียงไห่เทียนกับเจียงไห่หยางกำลังเลื่อยใบมีดเข้าหากันเพื่อที่จะตัดลำต้นของต้นไม้ที่มีความหนามากและยาวมากถึงหนึ่งฟุต เจียงไห่โปที่กำลังสับฟืนด้วยขวาน ด้านข้างพวกเขามีควันลอยขึ้นมาจากเนินดินที่อยู่ข้าง ๆ มันเกิดจากเตาเผาที่ใช้เผาถ่าน
“เสี่ยวไป๋ มาที่นี่ทำไม ? ”
เจียงไห่โปที่กำลังสับฟืนอยู่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ จึงหยุดการกระทำที่ทำอยู่แล้วถามออกมา
“ลุงใหญ่ อาสาม พ่อ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายทั้งสามคน ก่อนที่จะพูดว่า “วันนี้ผมกลับมาเร็ว ผมได้ยินเจียอินบอกว่าพ่อกับพวกลุงขึ้นมาบนภูเขา ผมก็เลยตามมาดู”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋มา เจียงไห่เทียนและเจียงไห่หยางก็หยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่เหมือนกัน เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ก็หยิบบุหรี่ออกมาและยื่นให้กับพวกเขาทั้งสามคนคนละมวน
เขาเอาไฟแช็กให้พรานจางไปแล้ว และก็ไม่ได้เอาไม้ขีดไฟติดมาด้วย
เขาเลยไม่มีตัวเลือกอื่น นอกจากจะหันไปยืมอาสามของเขา
เจียงไห่หยางหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วบ่นว่า “ถ้าไม่มีอะไรทำ ทำไมถึงไม่อยู่ที่บ้านกับเจียอินล่ะ จะวิ่งขึ้นมาบนภูเขาทำไม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วย ผมจะได้ช่วย”
เมื่อเจียงไห่หยางได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยความโกรธ “แกจะไปทำอะไรได้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อน เขาคิดว่าเขาถนัดเรื่องพละกำลังมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นการดึงเลื่อยหรือสับฟืน เขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไร
เมื่อเห็นแบบนั้น เจียงไห่โปก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ดูแบกตระกร้าขึ้นมาสิ เสื้อผ้าก็ไม่เปลี่ยน หลานน่าจะกลับไปที่บ้านและเปลี่ยนชุดก่อนนะ ไม่งั้นเสื้อผ้าของหลานจะเสียหายเอาได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นมาบนภูเขา เขาก็ยังไม่ทันที่จะได้คิดเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย
แม้แต่ในพื้นที่ชนบท เมื่อเกษตรกรขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืน พวกเขาจะถอดเสื้อผ้าดี ๆ ออก ตามปกติแล้วพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าที่ชำรุดก่อนจะขึ้นไปบนภูเขา เพราะการตัดฟืนบนภูเขาก็ไม่ต่างจากงานฟาร์มอื่น ๆกิ่งก้านและหนามบนภูเขาสามารถเกี่ยวเสื้อผ้าและทำให้เสื้อผ้าขาดได้ง่าย
ในตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋สวมเสื้อผ้าแบรนด์ปิแอร์การ์แดง ซึ่งแตกต่างกับเสื้อผ้าเนื้อหยาบที่เจียงไห่เทียนและและคนอื่นสวมใส่
มันเหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะมาทำงานเลย
“มันก็แค่เสื้อผ้า ไม่เป็นไรหรอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแหยและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เจียงไห่หยางพูดออกมาด้วยความรังเกียจ “เอาล่ะ ถ้ายืนกรานที่จะช่วย งั้นแค่เอาฟืนที่แม่ของแกสับไว้ตรงนั้นกลับไปวางไว้ที่บ้านก็พอแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปมองตามนิ้วของเจียงไห่หยางและเห็นว่ามีฟืนกองอยู่มากมายจริง ๆ มันถูกมัดด้วยหวายและมีมากถึงหลายสิบมัด
ฟืนเหล่านี้แห้งแล้ว
เวลาตัดฟืนในชนบท บางคนชอบสับก่อนแล้วปล่อยทิ้งไว้ที่เดิมเพื่อตากแดดให้แห้งสักพัก จึงค่อยรวบรวมเป็นฟ่อน จะได้เบาแรงตอนขนกลับบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ดูปริมาณฟืน มันไม่ได้ถูกสับในหนึ่งหรือสองวันอย่างแน่นอน คาดว่าพ่อแม่ของเขาน่าจะขึ้นมาบนภูเขาบ่อย ๆ
ตัวเขาไม่ทันสังเกตเลย
“เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวผมจะเอาฟืนกลับบ้านเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกผิด ก่อนที่จะเดินไปเอาฟืนแบกใส่ตระกร้า
เจียงไห่โปเองเขาก็ตามมาช่วยเอาฟืนใส่ลงตระกร้า แล้วพูดว่า “หลานแบกมันกลับไปเท่านี้ก่อนเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อาสาม ยังใส่มาได้อีก”
เจียงไห่โปรู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “ฟืนสองมัดนี้มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ หลานแบกมันไปไม่ได้หรอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ร่างกายผมแข็งแรงดี”
เจียงไห่โปได้ทำตามที่เขาบอกและยกฟืนขึ้นมาอีกหนึ่งมัดใส่ลงไป
ฟืนหนึ่งมัดหนักประมาณ 70-80 ชั่ง และฟืนสองมัดก็หนักถึง 150-160 ชั่ง น้ำหนักนี้ไม่เบาเลย ขนาดคนที่ทำฟาร์มบ่อยยังไม่สามารถที่จะทำได้เหมือนกัน
เดิมทีเจียงไห่โปกังวลว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่สามารถแบกมันได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่จะแบกมันไว้ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเดินออกไปได้อย่างมั่นคงอีกด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชมเขาออกมา
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เดินลงมาจากภูเขา เจียงไห่โปก็กลับไปเผาถ่านและพูดกับเจียงไห่หยางว่า “พี่รอง ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะแข็งแรงขนาดนั้น”
ในความเป็นจริงแล้ว เจียงไห่หยางก็ตกใจเช่นกันที่เจียงเสี่ยวไป๋สามารถแบกฟืนได้สองมัด แต่เขาก็ยังคงพูดว่า “เมื่อก่อนเขามีเรื่องชกต่อยเยอะ ไม่แปลกหรอกที่เขาจะแข็งแรง”
เมื่อเจียงไห่เทียนได้ฟังแบบนั้นก็พูดว่า “เจ้ารองอย่าพูดอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาก็แค่เปื้อนโคลนนิดหน่อย ดูสิตอนนี้เขาดีขึ้นแค่ไหนแล้ว”
เจียงไห่โปเองก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่ คนที่เคยทำผิดแล้วกลับตัวเป็นคนดีมีค่ายิ่งกว่าทองคำ”
เจียงไห่หยางยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องสนใจเขา เราไปทำงานต่อเถอะ”
“อืม ! ”
“ทำงานต่อ ! ”
เจียงไห่เทียนและเจียงไห่โป๋ตอบรับ ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาตัดไม้ทำฟืนต่อ