ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 571 : จำความดีของพวกเขา
ตอนที่ 571 : จำความดีของพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ถือฟืนสองมัดลงมาจากภูเขาในคราวเดียว เมื่อเขาเดินผ่านบ้านของชาวบ้านลงมา ชาวบ้านก็เห็นเขาและเริ่มพูดคุยซุบซิบกัน
“เจียงเสี่ยวไป๋สามารถแบกฟืนได้สองมัดจริง ๆ เขาแข็งแรงมาก ! ”
“ใช่ ฉันคิดว่าเขาทำงานไม่เป็น แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำงานที่ใช้แรงงานได้เก่งเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ว่าเขาทำงานหนักไม่เป็น แต่เขาแค่ไม่ต้องทำงานหนัก”
“ใช่แล้ว การทำงานต่ำต้อยเช่นนี้ทำให้พรสวรรค์ของเขาสูญเปล่า เขาเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ”
“คงจะดีไม่น้อยถ้าเขารวย และช่วยให้เราหาเงินได้แบบเขาบ้าง”
“พูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนจริง ๆ ! ”
“ไหนลองพูดมาสิ ? ”
“เมื่อก่อนครอบครัวของเขายากจนมาก จนแทบไม่มีข้าวกิน และเขาก็ไม่เคยไปทำงานช่วยที่บ้านเลย วัน ๆ ได้แต่เล่นพนันและสำมะเลเทเมา แต่ตอนนี้เขามีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังทำงานหนักพวกนี้ด้วย”
“ใช่แล้ว ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋แตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ ! ”
“ที่พูดมายังไม่หมดนะ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่ร่ำรวยเท่านั้น แต่เขายังมีความกตัญญู ที่เขาขึ้นไปเก็บฟืน ก็เพราะลุงเจียงและป้าหวังยืนกรานที่จะขึ้นไปสับฟืนบนภูเขา เจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องมาสับฟืนและแบกฟืนลงมาให้ เพราะเขาไม่อยากให้พ่อแม่ของเขาต้องมาเหนื่อย”
“อืม ก็ใช่ ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่ประตูบ้านของเขาพร้อมกับฟืนสองมัด แล้วตั้งใจจะเอาไปเรียงไว้ที่ข้างกำแพง
เขาวางฟืนไว้นอกรั้วก่อน
เมื่อเขาไปถึงกำแพง เขาก็ตกตะลึง
มุมผนังเต็มไปด้วยฟืน ที่จริงแล้วมีฟืนหลายสิบมัดถูกวางเรียงไว้ที่นี่ ซึ่งล้วนแต่เป็นฟืนคุณภาพดี
“พ่อกับแม่ตัดฟืนเยอะแบบนี้ไปทำไมกัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกอยู่ในความงุนงง แม้แต่ในปีก่อน ๆ เขาก็ไม่เคยเห็นฟืนมากมายขนาดนี้มาก่อน
นี่ก็เพียงพอที่จะใช้ได้ตลอดฤดูหนาวแล้ว
“คนแก่ก็คงจะขี้กังวลแบบนี้ล่ะมั้ง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกโกรธสองเฒ่าขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
หลังจากเทฟืนออกจากตะกร้า วางเรียงชิดผนังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
ตอนนี้เขาเจ็บไหล่มาก
เมื่อเขาถกเสื้อขึ้นก็เห็นว่าผิวขาวละเอียดอ่อนที่ไหล่ของเขากลายเป็นปื้นสีแดงทั้งสองข้างแล้ว
ฉันเพิ่งขนฟืนแค่ครั้งเดียวยังทุลักทุเลขนาดนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าพ่อแม่ต้องขนลงมาเหนื่อยและยากลำบากแค่ไหนถึงจะได้ฟืนมาเท่านี้ คิดแล้วตอนนี้เขาก็รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“ลืมมันไปซะ ฉันในฐานะลูกชายของพวกเขา ควรทำงานให้หนักมากกว่านี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจและวางตะกร้าไว้บนหลังของเขาอีกครั้ง โดยวางแผนที่จะขึ้นไปบนภูเขาและขนฟืนที่สับแล้วกลับลงมาให้หมด เพื่อที่พ่อแม่จะได้ไม่ต้องขึ้นไปแบกมันลงมาอีก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ออกเดินทางทันที แต่กลับเข้าไปในบ้านก่อน เพราะอยากจะกินน้ำก่อนขึ้นเขาไปอีกครั้ง
“เอ่อ คุณกลับมาแล้ว ! ”
หลังจากเดินผ่านประตูเข้ามาข้างในบ้าน หลินเจียอินกำลังเดินไปที่ลานหน้าบ้านพอดี เมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็พูดทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้ากินน้ำเสร็จผมว่าจะขึ้นไปขนฟืนต่อ พ่อกับแม่สับไว้เยอะมาก ต้องขึ้นไปขนอีกที”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ใช่สิ ไม่นานหลังจากที่คุณออกไป ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นมีหลายคนในหมู่บ้านมาที่บ้านของเราพร้อมกับเอาฟืนมาด้วย”
ฮะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงและพูดด้วยความตกใจ “พ่อแม่ไม่ได้เป็นคนเก็บฟืนมา แต่ชาวบ้านช่วยกันขนมาส่งให้งั้นเหรอ ? ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ใช่ ไม่นานมานี้เฉินหยวนชาง หูฉางจวิน หูฉางปิง…….”
เธอกล่าวถึงรายชื่อมากมาย รวมถึงหลิวซือกั๋วกับภรรยา และหลิวซือหมิงที่ช่วยขนฟืนลงมาให้
“ตอนแรกฉันกำลังดูอยู่ข้างนอก แต่แล้วก็มีคนมาเรื่อย ๆ ฉันก็เลยหยุดดู เมื่อกี้ฉันได้ยินว่ามีคนเข้ามา จึงคิดว่ามีคนเอาฟืนมาให้อีก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคุณที่กลับมา”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ผู้คนในหมู่บ้านเห็นเขาขึ้นไปบนภูเขาเพื่อขนฟืน แต่มีผู้คนจำนวนมากขนฟืนลงมาให้แล้ว
ถึงอย่างนั้น เขาก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
หลังจากทำเพื่อผู้คนในหมู่บ้านมามากมาย เขาไม่เคยคิดที่จะให้ใครมาตอบแทนเขาเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนในหมู่บ้านทำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทุกคนไม่เคยลืมบุญคุณของเขา
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว !
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ช่างเถอะ แค่พวกเขาเต็มใจทำก็ดีแล้ว เราแค่จดจำบุญคุณของพวกเขาไว้ก็พอ”
“อืม ! ”
หลินเจียอินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณใจดีต่อพวกเขา ใจของผู้คนเปลี่ยนไปได้เพราะความเมตตาของคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า หลินเจียอินเดินออกมาพร้อมแก้วน้ำแล้วยื่นให้เขา ก่อนจะพูดเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มน้ำให้หายเหนื่อยก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋รับน้ำจากภรรยาของเขามาแล้วดื่มมันจนหมดแก้ว ความอบอุ่นจากความรักของภรรยาทำให้เขามีแรงขึ้นมาในทันที
“เมียจ๋า คุณพักผ่อนที่บ้านเถอะ ผมจะไปเอาฟืนก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋ดื่มน้ำเสร็จแล้วก็ยื่นแก้วน้ำให้หลินเจียอิน
หลินเจียอินพยักหน้า “ค่อย ๆ ไป คุณไม่ต้องรีบ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้น เขาก็จำอะไรบางอย่างได้และหยุดอีกครั้ง
“สามี มีอะไรหรือเปล่า ? ”
หลินเจียอินถาม เพราะคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ลืมอะไรบางอย่าง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาหยิบตะกร้าจากไหล่ของเขาวางลงบนพื้น จากนั้นก็อุ้มไก่ฟ้าสีทองออกมา
เมื่อหลินเจียอินเห็นดังนั้น เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ที่คุณไปเก็บฟืนก็เพราะจะล่าไก่ฟ้านี้ด้วยใช่ไหม ? ”
เมื่อมองย้อนกลับไปในวันที่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนที่ดีขึ้น เขาต้องไปล่าสัตว์บนภูเขาและเอาไปขายในเมือง เพื่อที่เธอและชานชานจะได้มีเนื้อสัตว์กิน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็มีชีวิตที่ดีขึ้น
ดังนั้นทักษะการล่าสัตว์ของเจียงเสี่ยวไป๋ยังดีอยู่ในความทรงจำของเธอ และเธอคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ขึ้นไปบนภูเขาครั้งนี้ก็เพื่อไปล่าไก่ฟ้าสีทองตัวนี้ด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมไม่ได้เอาธนูหรือปืนไปเลย จะล่าสัตว์ได้อย่างไร พอดีผมไปเจอกับลุงจางตอนที่ขึ้นไปบนภูเขา เขาเลยเอาให้ผมมา”
หลินเจียอินฟังแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เราจะกินมันคืนนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “คุณต้องเก็บมันออกไปก่อน ไม่งั้นมันอาจจะไปเป็นอาหารของคนอื่น”
หลินเจียอินยิ้มและรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเจียงซือ
จมูกสุนัขตัวนั้นดีมากจนสามารถได้กลิ่นมาแต่ไกล หากไม่รีบเก็บ มันมาได้กลิ่นเข้า ก็อาจจะเสร็จมันแน่นอน
“ไอ้หยา ฉันต้องรีบเอาไปเก็บแล้ว ฉันจะเก็บมันไว้ในครัวแล้วปิดประตู”
ขณะที่หลินเจียอินกำลังพูด ก็มีเสียงเห่าหลายครั้งดังมาจากประตูหลัง
“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ …..”
“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ……”
ทันทีที่เสียงเห่าดังขึ้น เจียงซือก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันเห็นไก่ฟ้าสีทองในมือของเจียงเสี่ยวไป๋ ก็ได้กระโจนเข้าใส่ทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจียงซือคาบไก่ไปกินได้ และพูดด้วยความโกรธ “นี่ไม่ใช่ของกินของแก ! ”
“โฮ่ง ๆ ๆ ……”
เจียงซือกระโจนหันกลับมา และวิ่งวนไปรอบ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ หน้าของมันจะเงยขึ้นอยู่เสมอและดวงตาของมันก็จับจ้องไปที่ไก่ฟ้าสีทองตัวนั้น
“เจียงซือ ทำไมแกถึงวิ่งเร็วขนาดนี้ ? ”
ในเวลานี้ เจียงชานก็เดินตามเข้ามา โดยยังคงบ่นว่าเจียงซือวิ่งเร็ว แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นไก่ฟ้าสีทองในมือของเจียงเสี่ยวไป๋แล้วอุทานออกมาว่า “ป่าป๊า นี่คือนกอะไรคะ ? มันสวยจัง”