ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 574 : บอกความคิด
ตอนที่ 574 : บอกความคิด
หยางฉางฮุยและคนอื่นไม่ฟังหวังซิ่วจวี๋ พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการมัดฟืนและขนลงไป
ในความเป็นจริง ฟืนที่อยู่บนพื้นยังไม่เพียงพอต่อผู้คน บางคนก็ยังไม่ได้ฟืน ดังนั้นจึงมีคนเอามีดออกมาสับท่อนไม้ที่นอนอยู่บนพื้น รวบรวมฟืนแล้วมัด ก่อนจะขนมันลงจากภูเขา
บนยอดเขา เหลือเพียงเจียงไห่เทียน เจียงไห่โป และเจียงเสี่ยวไป๋เท่านั้น
“เฮ้อ ! ” เจียงไห่หยางถอนหายใจ “นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ”
เจียงไห่เทียนกล่าวว่า “เจ้ารอง อย่าถอนหายใจไปเลย ทุกคนในหมูบ้านกำลังตอบแทนความดีของเสี่ยวไป๋ ! ”
เจียงไห่โปยังกล่าวอีกว่า “ใช่ ผู้คนกลัวการเนรคุณมากที่สุด ผู้คนในหมู่บ้านทำเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่รู้บุญคุณคน ต่อไปหากว่าเรายังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เราก็จะไม่เดือดร้อนอะไรอีก ! ”
เจียงไห่หยางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิดอยู่ที่หลายคนต้องสละงานตัวเองเพื่อมาช่วยเขา
หวังซิ่วจวี๋จึงกล่าวว่า “มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
จากนั้น เธอก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เจ้ารอง หลังจากนี้ไปก็อย่าลืมผู้คนในหมู่บ้านนะ พวกเขาล้วนเป็นคนดี”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ครับแม่ ผมรู้”
เจียงไห่หยางมองมาที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้ง แล้วพูดว่า “ตราบใดที่แกรู้ บุญคุณเพียงหยดเดียว ควรจะตอบแทนเท่าน้ำพุ ในอนาคตหากแกเจริญรุ่งเรืองขึ้นไป แกต้องจำไว้ว่าโคตรเง้าของแกอยู่ที่เชิงเขาต้าชิงในเจียงวานแห่งนี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
ในชาติที่แล้ว เขาทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง
ในชีวิตนี้จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยทำให้ใครในเจียงวานต้องผิดหวังในตัวเขา ซึ่งเพียงพอที่จะชดเชยความเสียใจในชาติที่แล้วได้
เขายืนอยู่บนยอดเขาและมองลงไปที่เบื้องล่าง เขาเห็นแม่น้ำชิงเจียงที่อยู่ตีนเขาซึ่งคดเคี้ยวออกมาจากภูเขาและโค้งไปตามตีนเขา
เขาให้คำมั่นสัญญาว่าเจียงวานจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “พ่อ แม่ ตอนที่ผมกลับไปถึงบ้าน มีฟืนหลายสิบมัดกองอยู่นอกบ้าน เจียอินบอกว่ามีคนในหมู่บ้านเอามาให้”
“อะไรนะ ? ”
เจียงไห่หยางเริ่มกังวลอีกครั้ง
เป็นเรื่องปกติที่คนเหล่านี้จะขึ้นเขาเพื่อเก็บฟืนกลับลงไป แต่การขนฟืนไปไว้ที่บ้านของเขา แล้วคนอื่นจะเอาฟืนที่ไหนใช้ แบบนี้มันใช้ได้ที่่ไหนกัน ?
“ไม่ ฉันต้องเอามันไปคืนพวกเขา ! ”
เจียงไห่หยางกล่าวอย่างเด็ดขาด
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น “ทำไมต้องเอาไปคืนด้วย ฟืนแต่ละบ้านก็เหมือนกันหมด จะรู้ได้ยังไงว่าฟืนมัดไหนเป็นของครอบครัวไหน ? ”
เจียงไห่หยางพูดไม่ออกทันที
เจียงไห่เทียนกล่าวว่า “เจ้ารอง แกลืมไปเถอะ คนอื่นช่วยขนลงไปให้แล้ว ถ้าแกยังขืนเอามันไปคืนให้พวกเขาอีก นั่นไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาเหรอ ? ”
เจียงไห่โปยังแนะนำอีกว่า “ใช่ มันเป็นแค่ฟืนไม่กี่มัด ตอนนี้ใครในหมู่บ้านยังขาดแคลนอยู่บ้าง ? ”
เจียงไห่หยางคิดอยู่พักหนึ่งและไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมแพ้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พ่อ แม่ ผมจะขอบคุณผู้คนในหมู่บ้านโดยที่จะสนับสนุนอาชีพของพวกเขา เพราะผมจะตั้งบริษัทขายผักในหมู่บ้านของเรา”
“ผมวางแผนที่จะให้ทุกคนในหมู่บ้านได้ลงทุนในบริษัทนี้ เมื่อบริษัทผักทำเงินได้ในอนาคต พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งด้วย”
ทันทีที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ เจียงไห่เทียน เจียงไห่หยาง เจียงไห่โป และหวังซิ่วจวี๋ต่างก็มองมาที่เขาด้วยความโล่งใจ เจียงไห่หยางถึงกับพยักหน้าและพูดว่า “อืม ถ้าแกคิดอย่างนั้น ฉันก็คิดว่ามันดี”
เจียงไห่เทียนกล่าวว่า “แม้ว่าความคิดของหลานจะดี แต่ถ้ามีคนจำนวนมากในหมู่บ้านร่วมลงทุนด้วย แล้วเรื่องส่วนแบ่งจะจัดการอย่างไร ? ”
เจียงไห่โปกล่าวว่า “ในหมู่บ้านของเรามีมากกว่าร้อยครัวเรือน หากทุกครอบครัวลงทุนถือหุ้น แต่ละครอบครัวก็จะมีหุ้นในบริษัทน้อยกว่า 1% แบบนี้พวกเขาจะยอมเหรอ ? ”
เฉินหยวนชางและคนอื่นเคยถามคำถามเหล่านี้มาก่อน ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงได้ตอบพวกเขาไปเหมือนที่เคยตอบเฉินหยวนชางและคนอื่น
หลังจากที่เจียงไห่เทียนและคนอื่นฟังแล้ว พวกเขาก็ดูมีความสุข
เจียงไห่หยางรู้สึกยินดีมากที่ลูกชายของเขานึกถึงคนในหมู่บ้านขนาดนี้ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสำหรับพวกเขาที่จะช่วยตอบแทนชาวบ้านที่มาช่วยกันขนฟืนได้ นอกจากเรื่องนี้อีกแล้ว
เขารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
มันก็แค่… เฮ้อ… คราวหน้าคงไม่ได้ขึ้นมาหาฟืนบนภูเขาอีก ไม่อย่างนั้นเฉินหยวนชางและหูฉางจวินคงจะพาพวกมาช่วยอีก
เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น ฉันต้องมาหาฟืนให้น้อยลง
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกขาดแรงบันดาลใจเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงใหญ่ เรารีบทำงานที่เหลือให้เสร็จและกลับบ้านกันเถอะครับ ! ”
เจียงไห่เทียนกล่าวว่า “หลานกลับไปก่อนเลย เราจะกลับหลังจากงานเสร็จหมดแล้วนู่นแหละ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พอดีลุงจางให้ไก่ฟ้าสีทองผมมาหนึ่งตัว งั้นผมขอตัวกลับไปตุ๋นไก่ก่อน ลุงและอาสาม เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านของผมนะครับ ผมจะได้เล่ารายละเอียดเรื่องการก่อตั้งบริษัทขายผักให้ฟัง เพราะไม่นานหลังจากนี้ บริษัทนี้อาจให้ลุงใหญ่เป็นคนดำเนินการ”
เขาเอาไก่ฟ้าสีทองที่พรานจางให้เขามาใส่ไว้ในตระกร้าสะพายหลังก่อนหน้านี้ เจียงไห่เทียน เจียงไห่หยาง และเจียงไห่โปจึงไม่เห็นมัน
เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เจียงไห่เทียนและเจียงไห่โปก็เห็นด้วยทันที “ตกลง เสร็จตรงนี้แล้วลุงจะไปทานอาหารเย็นที่บ้านของหลาน”
หวังซิ่วจวี๋ไม่มีอะไรทำแล้ว สองแม่ลูกจึงลงจากเขาด้วยกัน ทั้งคู่เดินลงมาพร้อมตระกร้าเปล่า
เมื่อทั้งสองมาถึงตีนเขา เฉินหยวนชางและคนอื่นก็กลับมาแล้ว และกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน
“ขอบคุณทุกคนนะ ! ”
“ดูสิ พวกนายทุกคนจริงจังเกินไป ฉันเลยกลับมามือเปล่าแบบนี้ ! ”
“ขอบคุณที่มาช่วยนะ ! ”
“……”
เมื่อหวังซิ่วจวี๋เห็นเฉินหยวนชาง หูฉางจวินและคนอื่นระหว่างทาง เธอก็กล่าวคำขอบคุณ ส่วนเฉินหยวนชางและคนอื่นก็ตอบรับอย่างสุภาพเช่นกัน
หลังจากกลับถึงบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปที่ห้องครัวเพื่อฆ่าไก่ฟ้าและนำไปทำอาหาร
เวลาผ่านไปจนตะวันเริ่มตกดินแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น เจียงไห่หยางและอีกสองคนก็กลับมาที่บ้านแล้วเหมือนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ก็เตรียมอาหารด้วย หลังจากที่ทั้งสามคนล้างหน้าล้างมือเสร็จแล้ว พวกเขาก็มาที่หลังบ้าน
“ไห่โปมาดื่มกันหน่อย”
หลังจากนั่งลงแล้ว เจียงไห่หยางก็พูดขึ้น
เจียงไห่เทียนมองดูไก่ฟ้าที่ถูกตุ๋นในหม้อแล้วพูดว่า “เมนูหายากอย่างนี้ ฉันคงต้องดื่มแล้ว”
เจียงไห่หยางหันไปหาเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เจ้ารอง แกจะดื่มเหล้าอะไร ? ”
ตั้งแต่ที่เขาได้ยินว่าเหล้าเก่าที่บ่มไว้นานสามารถขายได้ในราคาหลายแสน แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ได้ล็อคประตูห้องเก็บเหล้าไว้ แต่เจียงไห่หยางก็ไม่กล้าที่จะเอาเหล้าออกมากินมั่วซั่ว เพราะกลัวว่าจะเป็นเหล้าบ่มราคาแพง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและหยิบเหล้าออกมาสองขวดจากในตู้
“ในเมื่อเราดื่มกันในครอบครัว ก็คงต้องดื่มเหมาไถ ! ”
วันนี้เขาก็มีความสุขมาก จึงนำเหมาไถที่มีอายุมากกว่า 6 ปีออกมา 2 ขวด
ต่อหน้าเจียงไห่เทียนและเจียงไห่โป เจียงไห่หยางไม่สามารถถามได้ว่าเหล้าสองขวดนี้เป็นเหมาไถปีไหน แต่เขาคิดว่าเมื่อลูกชายของเขาเอามันออกมาเอง ก็คงไม่เป็นไร เขาจึงหยิบขวดขึ้นมาเปิดทันที
หลายคนเทสุราลงในแก้วและเริ่มกินไปด้วย
“โฮ่ง ๆ ๆ ! ”
เจียงซือที่นอนอยู่ข้างเก้าอี้ของเจียงชาน เมื่อมันเห็นว่าทุกคนมีของกินหมด ยกเว้นตัวมัน มันก็อดไม่ได้ที่จะเห่าเรียกร้อง