ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 579 : มาหาหลี่เกินและภรรยา
ตอนที่ 579 : มาหาหลี่เกินและภรรยา
เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถไปบนถนนถู่ซือ ตรงไปทางทิศตะวันออกของถู่เฉิง
ตั้งแต่เกิดอะไรขึ้นกับเจียงชานครั้งที่แล้ว ธุรกิจเกาลัดคั่วของหลี่เกินและหลัวซิ่วลี่ก็ขายดิบขายดีมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ช่วงนี้เกาลัดคั่วกลับขายได้น้อยลงทุกวัน
สาเหตุหลักคือผู้คนไม่อยากออกไปข้างนอกเพราะอากาศที่หนาวเย็น
แต่หลี่เกินและหลัวซิ่วลี่หาเลี้ยงชีพด้วยการขายเกาลัดคั่วมานาน แม้ว่าลมจะแรงมากในฤดูหนาว แต่พวกเขาก็ยังคงตั้งแผงเปิดร้านทุกวัน
หาเงินได้น้อย ยังดีกว่าไม่ได้เงินเลย
เช่นเดียวกับทุกวัน หลี่เกินจะทำหน้าที่คั่วเกาลัด ส่วนหลัวซิ่วลี่ก็จะตักใส่ถุงและคิดเงินจากลูกค้า ทั้งคู่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะขมขื่นและหนาวเหน็บ แต่พวกเขาก็มีความสุขไม่น้อย
“ฉันเกรงว่าวันนี้ฉันจะต้องรีบทำงานให้เร็วขึ้นแล้วล่ะ ! ”
หลัวซิ่วลี่มองไปที่เกาลัดที่เธอนำมาวันนี้ ซึ่งมันยังขายได้ไม่ถึงครึ่งเลย เธอจึงได้แต่ส่ายหน้า
ทว่าหลี่เกินยิ้มอย่างจริงใจ “ไม่เป็นไร เกาลัดที่ยังไม่ได้คั่วเก็บไว้ได้นาน ถ้าถึงวันปีใหม่คงจะขายดีกว่านี้”
หลัวซิ่วลี่พยักหน้า “ฉันหวังว่ามันจะขายดีกว่านี้นะ ฉันว่าจะตัดเสื้อใหม่ให้พ่อ แม่ และลูกของเรา เฟิงเฟิงกับผิงผิง พวกเขาจะได้เอาไว้ใส่ในช่วงตรุษจีน”
หลี่เกินตอบว่า “ปีที่แล้วคุณเองก็ไม่ได้ตัดเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองเลย ทำไมปีนี้คุณถึงไม่ตัดให้ตัวเองด้วยล่ะ ? ”
หลัวซิ่วลี่ส่ายหัว “ตัดให้พ่อ แม่และลูก ๆ ก่อนเถอะ เสื้อผ้าตัวเก่าของฉันยังใส่ได้”
หลี่เกินมีสีหน้ารู้สึกผิด “ซิ่วหลี่ เพราะคุณเลือกที่จะมาอยู่กับผม คุณถึงต้องมาลำบากแบบนี้”
หลัวซิ่วลี่ส่ายหัว “คุณทำงานหนักกว่าฉันซะอีก คุณต้องคั่วเกาลัดในตอนกลางวันและแกะเกาลัดท่ามกลางตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกคืน ต้องนั่งและยืนหลายชั่วโมงติดต่อกัน”
หลี่เกินพูดว่า “คุณบอกว่าผมลำบาก แล้วคุณล่ะ ? คุณต้องช่วยผมขายของ ตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้คนในบ้านกิน ตอนเย็นกลับไปก็ต้องไปทำกับข้าวอีก ตกดึกก็ต้องออกไปซักผ้า……”
ขณะนี้ไม่มีลูกค้า ทั้งคู่จึงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัว และพูดถึงความลำบากที่ต้องเผชิญมาด้วยกัน แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
รถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋หยุดอยู่ไม่ไกลจากแผงขายเกาลัดคั่ว เสียงรถดังเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่
ในยุคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถู่เฉิง รถจี๊ปนั้นค่อนข้างหายาก และทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่รถจิ๊ปที่มาจอดอยู่ไม่ไกล
ครู่ต่อมา พวกเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่าง ทั้งร่างใหญ่และร่างเล็ก
“นั่นเสี่ยวเจียงและชานชาน ! ”
หลัวซิ่วลี่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ เป็นพวกเขาจริง ๆ ! ”
หลี่เกินกล่าวออกมา
“ป้าหลัว ! ลุงหลี่ ! ”
หลังจากที่เจียงชานลงมาจากรถ เธอก็วิ่งไปหาพวกเขาทั้งสองโดยถือถุงสะดวกซื้อสองใบ และตะโกนขณะที่เธอวิ่งไปด้วย น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสุข
ไม่นาน เธอก็วิ่งไปหาทั้งสองคน
“ชานชาน หนูมาที่ถู่เฉิงเมื่อไหร่ ? ” หลัวซิ่วลี่ถามด้วยความดีใจ
“ป้าหลัว เรามาถึงตอนเที่ยงนี้เองค่ะ ! ” เจียงชานตอบด้วยรอยยิ้ม พลางยื่นถุงสะดวกซื้อในมือของเธอให้หลัวซิ่วลี่ และพูดว่า “ป้าหลัว ตอนที่ไปเจียงเฉิง หนูตั้งใจจะซื้อของมาฝากป้า และหนูก็เลือกเองกับมือเลยนะคะ ! ”
หลัวซิ่วลี่ไม่ได้หยิบมันขึ้นมา แต่แสร้งทำเป็นโกรธ “หนูยังเด็ก ทำไมถึงซื้อของที่แพงขนาดนี้มาให้ป้า”
เจียงชานยิ้มแล้วพูดว่า “ป้าหลัว หนูแค่เป็นคนเลือกของขวัญ ป่าป๊าเป็นคนจ่าย ตอนนี้หนูยังหาเงินไม่เป็น แต่เมื่อหนูโตขึ้นและหาเงินได้ในอนาคต หนูจะใช้เงินของหนูซื้อของขวัญให้ป้า โดยที่ไม่รบกวนป่าป๊าเลยค่ะ”
หลัวซิ่วลี่กล่าวว่า “ป้าไม่ได้ต้องการของขวัญจากหนู แค่ได้พบก็ดีใจมากแล้ว มา ป้าจะเลี้ยงเกาลัดคั่วหนูเอง”
“ดีเลยค่ะ หนูอยากกินเกาลัดคั่วของป้ามาตลอด ! ” หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ป้าหลัว เห็นไหมว่าหนูไม่เคยเกรงใจกับป้า ทำไมป้าถึงต้องเกรงใจกับหนูด้วย”
เมื่อได้ยินสาวน้อยพูดแบบนี้ หลัวซิ่วลี่ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
ในเวลานี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้ามา เขายิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ ชานชานพูดถูก ของขวัญที่เธอเลือกให้คุณคือความตั้งใจของเธอ ดังนั้นก็รับมันไปเถอะ ! ”
“ถ้าอย่างนั้น…… ป้าต้องขอบคุณชานชานด้วยนะ ! ” หลัวซิ่วลี่หยิบถุงสะดวกซื้อสองใบจากมือของเจียงชานอย่างเขินอาย ใบหนึ่งใหญ่ใบหนึ่งเล็ก
เจียงชานพูดอย่างมีความสุขว่า “ลุงหลี่ ป้าหลัว หนูซื้อของมาให้มากมาย แต่หนูเอามันลงมาให้ไม่ได้ และมันยากที่ลุงกับป้าจะเอามันกลับบ้าน ป่าป๊าบอกว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านป้า หนูจึงคิดว่าจะเอาไปให้ในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
หลี่เกินจึงรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเจียง เกรงใจแล้ว แค่ของสองอย่างที่อยู่ในมือของซิ่วลี่ก็มากพอแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “พี่หลี่ เราตกลงกันครั้งล่าสุดแล้วว่าผมจะไปบ้านพี่เมื่อผมมีโอกาสได้มาที่นี่อีกครั้ง แต่เย็นนี้เรามีนัดทานอาหารเย็นที่บ้านของนายอำเภอหลัวแล้ว ดังนั้นผมจึงตั้งใจว่าจะไปที่บ้านพี่วันพรุ่งนี้”
หลี่เกินพูดว่า “ได้สิ ฉันยินดีต้อนรับคุณเสมอ แต่……”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “พี่หลี่ ไม่ต้องกังวล ในอนาคตเราจะต้องเจอกันไปอีกนาน”
หลี่เกินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพูดว่า “เอาล่ะ งั้นพรุ่งนี้พวกคุณก็มาที่บ้านของฉันได้ตามสบาย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้อากาศหนาวมาก ผู้คนเริ่มอยู่แต่ในบ้าน ของขายได้น้อยหรือเปล่าครับ ? ”
มีความขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เกิน เขาตอบว่า “ใช่ เกาลัดคั่วขายได้น้อยลงทุกวัน”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ เจียงชานก็พูดว่า “ลุงหลี่ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เมื่อป่าป๊าสร้างโรงงานเกาลัดคั่วเสร็จ คุณลุงและคุณป้าจะได้ไม่ต้องมาตั้งแผงลอยริมถนนแบบนี้ทุกวันอีก”
หลี่เกินและหลัวซิ่วลี่รู้สึกอบอุ่นหัวใจหลังจากได้ยินประโยคนี้ของเจียงชาน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อากาศหนาวมาก ดังนั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องออกมาขายของข้างนอกแล้วนะครับ หยุดอยู่บ้านสักวันหนึ่ง ชานชานและผมจะไปทานอาหารกลางวันที่บ้านของพวกพี่”
“ได้สิ ! ”
หลี่เกินตอบตกลงทันที
ถ้าเป็นเรื่องอื่น เขาคงไม่ทำ แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋และชานชานมาเป็นแขกที่บ้าน เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร
แค่ไม่ออกไปข้างนอกสักวันหนึ่ง มันจะสำคัญอะไร
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หลัวซิ่วลี่ก็เอาเกาลัดคั่วถุงใหญ่ส่งให้เจียงชานแล้วพูดว่า “ชานชาน มานี่มา เอาไปกินนะ”
“ขอบคุณค่ะป้าหลัว ! ”
เจียงชานรับมันด้วยรอยยิ้ม
“เด็กคนนี้เกรงใจป้าอีกแล้ว ! ” หลัวซิ่วลี่พูดพร้อมเอามือลูบหัวหนูน้อย
เจียงชานกล่าวว่า “ป้าหลัว ป่าป๊าบอกว่าการกระทำที่สุภาพและความเกรงใจไม่เหมือนกัน”
หลัวซิ่วลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะ ไม่เป็นไร ของแค่หนูสุภาพและน่ารักก็พอแล้ว ! ”
เจียงชานพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสีหน้าสนุกสนาน และยื่นถุงเกาลัดคั่วให้เจียงเสี่ยวไป๋ “นี่ค่ะป่าป๊า ! ” เธอหยิบออกมาสองสามลูก เอาเปลือกออกแล้วกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
“อ่า หนูชอบรสชาตินี้จังเลย ! ”
ขณะที่กิน เธอก็ชมออกมาไม่หยุดปาก ซึ่งทำให้หลี่เกินและหลัวซิ่วลี่หัวเราะออกมา
แม้ว่าลูกสาวของฉันจะเป็นเด็กที่น่ารักเหมือนกัน แต่ชานชานก็น่ารักมาก
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดคุยกับทั้งสองได้สักพักแล้ว เขาก็พูดว่า “พวกเราจะไปทานอาหารเย็นที่บ้านนายอำเภอหลัว ถ้าพวกพี่ว่างก็ไปด้วยกันได้”
หลี่เกินโบกมือปฏิเสธอย่างร้อนใจ “ฉันไม่ไป ครั้งล่าสุดที่ฉันไปกินข้าวที่นั่น ฉันไม่ได้ตั้งแผงขายของไปถึงสองวันติดกันเลย”
แค่นึกถึงตอนดื่มที่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว