ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 580 : เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ตอนที่ 580 : เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หลังจากบอกลาหลี่เกินและภรรยาของเขาออกมาแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานก็กลับไปที่ห้องทำงานของหลัวฉางเซิง
ในเวลานี้ หลัวฉางเซิงก็ได้กลับมาแล้วเช่นกัน
“ไปที่ไหนกันมา ? ”
เจียงชานพูดว่า “ป่าป๊ากับหนูไปที่ร้านเกาลัดคั่วของป้าหลัวมาค่ะ ลุงหลัวลองกินเกาลัดคั่วดูสิคะ มันอร่อยมาก ! ”
หลัวฉางเซิงยิ้มและหยิบเกาลัดคั่วขึ้นมาสองสามลูก แล้วพูดว่า “โอ้ ไปถึงที่นั่นทั้งที ทำไมไม่ชวนพวกเขามาทานอาหารเย็นที่บ้านของลุงล่ะ ? ”
เจียงชานพูดว่า “ป่าป๊าชวนแล้วค่ะ แต่ดูเหมือนว่าลุงหลี่จะกลัวมาก”
หลัวฉางเซิงหัวเราะออกมาเสียงดัง “เขาน่าจะกลัวที่ต้องมาดื่ม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายอำเภอหลัว ผมก็กลัวที่จะต้องได้ดื่มเหมือนกัน ถ้าผมดื่มแบบนี้ทุกครั้ง ผมคงไม่กล้าไปกินข้าวที่บ้านคุณอีกแล้ว ! ”
หลัวฉางเซิงหัวเราะ “คนที่กลัว แค่ครั้งเดียวก็กลัวแล้ว แต่คุณดื่มมาสองครั้งแล้ว ซึ่งครั้งที่สามและสี่คงไม่ทำให้คุณแย่ไปกว่านี้หรอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน ?
ดิ้นไม่หลุดซะแล้ว !
ในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังอยู่นอกออฟฟิศ เจียงเสี่ยวไป๋มองออกไปก็เห็นหม่าหลี่และหยินซื่อเดินจับมือกันเข้ามา
“เถ้าแก่เจียง ทันทีที่เหล่าหยินบอกว่าคุณมาที่นี่ ฉันรู้ว่าคืนนี้สุราคงได้ออกจากสต็อกอีกแล้ว ! ”
เมื่อหม่าหลี่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็พูดทักทายด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยความไม่เต็มใจว่า “สวัสดีรองนายอำเภอหม่า ! ”
แต่เขาก็ยังแอบพูดกับตัวเองในใจว่า “พ่อคนดี ถ้าฉันไม่มา สุราของคุณคงไม่พร่องลงสินะ ? ”
จากนั้น หยินซื่อก็พูดว่า “ชานชาน ครั้งล่าสุดฉันเห็นหนูชอบกินเนื้อสุนัขตากแห้ง หลังจากที่หนูกลับไป ฉันก็ซื้อสุนัขมาสองตัวและทำเนื้อสุนัขตากแห้งไว้ให้หนูกิน คืนนี้หนูกินเยอะ ๆ เลยนะ ! ”
“จริงเหรอคะ ! เยี่ยมมาก ! ”
ดวงตากลมโตของเจียงชานกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเมื่อเธอยิ้ม และปากเล็ก ๆ ของเธอก็ชื้นมากจนน้ำลายแทบจะไหลออกมา
หยินซื่อยิ้มพลางพูดว่า “ลุงหยินจะโกหกหนูไปทำไม ถ้าหนูไม่มา ลุงก็จะส่งมันไปให้หนูที่ชิงโจวก่อนปีใหม่ แต่ดีแล้วที่หนูมาพอดี ลุงจะได้ไม่ต้องให้คนเอาไปส่งให้”
“ขอบคุณนะคะลุงหยิน ! ” หนูน้อยพูดอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองหยินซื่อแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการหยิน คุณก็สุภาพเกินไปแล้ว ! ”
เขาไม่คาดคิดว่าหยินซื่อจะทำแบบนี้ และยังมีการหมักเนื้อสุนัขเตรียมไว้ให้ลูกสาวของเขาโดยเฉพาะด้วย
หยินซื่อหัวเราะ “ไม่เป็นไร ตราบใดที่ชานชานชอบ เนื้อสุนัขตากแห้งก็ไม่ใช่ของหายากอะไรในถู่เฉิง”
หม่าหลี่กล่าวว่า “เหล่าหยิน ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณบอกว่าจะเตรียมอาหารสำหรับคืนนี้ ที่แท้คุณก็เตรียมเนื้อสุนัขไว้นี่เอง”
หยินซื่อกล่าวว่า “คืนนี้ไม่เพียงแต่มีเนื้อสุนัขเท่านั้น แต่ยังมีปลาผึ้งด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจเมื่อได้ยินชื่อนี้
แน่นอนว่าเขารู้เกี่ยวกับปลาที่พูดถึงกัน มันมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ‘Liobagrus marginatus’ และมักเรียกกันว่า “ปลาผึ้ง” มันเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามแม่น้ำในประเทศจีน
ลำตัวมีลักษณะเรียบ ไม่มีเกล็ด ปากมีรอยหยักเล็ก ๆ หลังสีน้ำตาล มีเหล็กไนมีพิษสามอันอยู่ที่ครีบหลังและครีบอก มีหางเล็ก ๆ
เป็นเพราะมันมีเหล็กไนมีพิษ เวลาโดนมันต่อยจะคล้ายกับโดนผึ้งต่อย มันจึงถูกเรียกว่า ‘ปลาผึ้ง’
มันเป็นปลาน้ำเย็นที่มีขนาดเล็ก เติบโตช้า เฉลี่ยแล้วโตขึ้นเพียงปีละไม่กี่เซนติเมตร ที่พบบ่อยที่สุดคือยาวประมาณ 10 เซนติเมตร และตัวโตสุดยาวเพียง 20 เซนติเมตรเท่านั้น
ปลาผึ้งเป็นปลาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่เพียงแต่มีปริมาณน้อยและหายากเท่านั้น แต่ยังรสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ในอนาคตปลาชนิดนี้สามารถขายได้ในราคาชั่งละ 500 หยวน
แต่ถึงราคาจะสูง มันก็ยังหากินยากอยู่ดี
แต่ใครจะไปคิดว่าหยินซื่อกลับเอามันมาทำอาหารในวันนี้
หม่าหลี่ก็ดีใจเช่นกันและพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดังว่า “คืนนี้ฉันจะทำท้องให้ว่าง ฉันไม่ได้กินปลาผึ้งมานานแล้ว”
เจียงชานได้ยินแบบนั้นจึงถามด้วยความสงสัย “ป่าป๊าคะ ปลาผึ้งคืออะไรหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำปลาผึ้งให้เจียงชานได้รู้จัก โดยอธิบายรูปร่าง ลักษณะ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย วิธีการจับ และคุณค่าทางโภชนาการอย่างละเอียด
ดวงตาที่สวยงามของเจียงชานเป็นประกายหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “อ่า มีปลาแบบนี้อยู่ด้วย มันน่าสนใจมากเลยค่ะ”
หยินซื่อไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะรู้จักปลาผึ้งได้ดีขนาดนี้ เขาจึงพูดด้วยความชื่นชม “เสี่ยวเจียง ฉันไม่คิดว่าคุณจะรู้จักปลาสายพันธุ์หายากนี้ด้วย ฉันคิดว่าฉันจะทำให้คุณประหลาดใจได้เสียอีก ! ”
เขาถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ……แต่มันล้มเหลวเอาซะได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงรีบพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการหยิน คุณไม่ได้ล้มเหลว ผมไม่เพียงแต่แปลกใจเท่านั้น แต่ยังประหลาดใจด้วย ท้ายที่สุดแล้วปลาชนิดนี้ก็หายากมากจริง ๆ ”
จากนั้น หยินซื่อก็ยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่ว่าจะหายากหรือไม่ก็ตาม คุณมาที่ถู่เฉิงทั้งที ฉันก็ต้องทำให้คุณได้กินอาหารอร่อย ๆ แค่นั้นฉันก็มีความสุขแล้ว”
เจียงชานจินตนาการถึงความอร่อยของปลาผึ้ง แล้วพูดว่า “ป่าป๊า คืนนี้ป่าป๊าทำอาหารได้ไหม หนูอยากกินปลาผึ้งฝีมือป่าป๊าค่ะ ! ”
เธอรู้ว่าฝีมือของป่าป๊าของอร่อยกว่าใคร
เธอไม่อยากให้ปลาหายากนี้ต้องสูญเปล่าเพราะคนทำฝีมือไม่ถึง
หลัวฉางเซิง หม่าหลี่ และหยินซื่อเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะการทำอาหารที่ไม่มีใครเทียบได้ของเจียงเสี่ยวไป๋มานานแล้ว มันยากสำหรับพวกเขาที่จะขอให้เจียงเสี่ยวไป๋ทำอาหารให้กิน แต่ลูกสาวของเขาเป็นคนเสนอ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะสนับสนุนเธอด้วย
หยินซื่อพูดด้วยความไร้ยางอายทันที “เสี่ยวเจียง ในเมื่อลูกสาวของคุณอยากกินฝีมือของคุณ งั้นฉันจะยอมให้คุณทำ ! ”
หม่าหลี่เบ้ปากแล้วพูดว่า “ดูพูดสิ คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงจะเป็นคนทำปลาผึ้ง ไม่กลัวเสียเปล่าเหรอ ดูสิ ขนาดชานชานยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เธอขอให้ป่าป๊าของเธอทำ เพราะไม่อยากให้ของหายากต้องสูญเปล่า ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง สองคนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย สุดท้ายก็หลอกลวงให้เขาทำอาหารจนได้
แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรออกมา เพราะของหายากอย่างปลาผึ้งแบบนี้ เขาอยากปรุงมันด้วยมือของเขาเอง เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ ผมจะเป็นคนทำอาหารเย็นเอง ! ”
เมื่อได้ยินว่าเขาตกลง หยินซื่อและหม่าหลี่ก็ยิ้มออกมาทันที โดยมีความคาดหวังปรากฏบนใบหน้าพวกเขา
“ป่าป๊าคะ หนูอยากกินห้องทองซ่อนสาวงาม ! ” จู่ ๆ เจียงชานก็พูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หลัวฉางเฉิง หม่าหลี่ และหยินซื่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คำพูดนี้มาจากปากของเจียงชานและยังมีคำว่า “อยากกิน” อีกด้วย แน่นอนว่าทั้งสามคนคงเข้าใจไม่ผิดแน่ แค่ได้ยินชื่อเมนู ก็น่าจะเป็นอาหารอันโอชะแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กน้อยที่รักในการกินอย่างเจียงชานคงไม่มีทางพูดชื่อเมนูไปเรื่อยแน่นอน
มันคงจะเป็นอาหารจานอร่อย และทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอคอย
หม่าหลี่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ชานชาน ห้องทองซ่อนสาวงามคือเมนูอะไร ? ”
เจียงชานชานยิ้ม “เป็นเมนูพิเศษของป่าป๊าหนู ลุงหยินใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงอย่างปลาผึ้งมาให้พวกเราได้ลิ้มรสแบบนี้ ป่าป๊าของหนูก็อยากแสดงความขอบคุณเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ! ”
ประโยคนี้ทำให้หลัวฉางเซิงและคนอื่นหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาเลิกงาน หลัวฉางเซิงจึงพูดว่า “กลับบ้านเถอะ วันนี้เราจะทานอาหารเย็นมื้อใหญ่ที่บ้านของฉันกัน”
หม่าหลี่และหยินซื่อปรบมืออย่างมีความสุข
ทุกคนออกจากสำนักงานด้วยกันและขึ้นรถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่บ้านของหลัวฉางเซิง