ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 582 : เจียงเสี่ยวไป๋มืออ่อนแล้ว
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 582 : เจียงเสี่ยวไป๋มืออ่อนแล้ว
ตอนที่ 582 : เจียงเสี่ยวไป๋มืออ่อนแล้ว
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำ ‘ห้องทองซ่อนสาวงาม’ เซี่ยงหงจวี๋ที่กำลังก่อไฟที่ประตูห้องครัวก็อุทานออกมาว่า “คุณต้องทำเมนูที่ยุ่งยากถึงสองเมนูเชียวนะ”
แต่เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำเมนูอื่นอีก เซี่ยงหงจวี๋ก็ตกตะลึง แม้จะมีวัตถุดิบที่เหมือนกัน แต่เมนูเหล่านั้นก็มีรสชาติแตกต่างไปตามรสมือของเจียงเสี่ยวไป๋
“เสี่ยวเจียง ทักษะการทำอาหารของคุณสุดยอดมาก ! ”
“เสี่ยวเจียง ทำไมคุณถึงใส่น้ำตาลลงไปด้วย ? ”
“ไอ้หยา เห็นได้ชัดว่าคุณใส่น้ำตาลลงไป แต่ทำไมจานนี้ถึงไม่มีรสหวานเลย ? ”
“โอ้โห มันฝรั่งทอดนี่สีเหลืองทองสวยจัง”
“ซุปปลานี้มีสีขาวเหมือนน้ำนม คุณทำได้อย่างไร ? ”
“ว้าว เสี่ยวเจียง ดูเนื้อสุนัขตากแห้งที่คุณทำสิ มันต่างจากครั้งที่แล้วที่ฉันทำมาก คุณทำออกมาดูน่ากินกว่าเยอะเลย”
“……”
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำอาหารอยู่นั้น เซี่ยงหงจวี๋ดูเหมือนจะกลายเป็นนกกระจอกไปในทันที เธอมักจะส่งเสียงจอแจอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งมันทำให้เขารำคาญมาก
หลังจากทนทุกข์ทรมานมานานกว่าสองชั่วโมง ในที่สุดก็ทำอาหารเสร็จเสียที
แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ถือจานอาหารออกมา เขาก็เห็นชามดินเผากองอยู่บนพื้น มันทำให้เขามีอาการปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกเหมือนเขาเพิ่งก้าวออกจากถ้ำเสือและกำลังเข้าถ้ำหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น
แต่เขายังต้องกัดฟันทนต่อไป
หยินซื่อวางชามดินเผาลงตรงหน้าทุกคน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเจียง คุณต้องดื่มด้วยกันวันนี้ เพราะฉันไปหาซื้อเหล้าต้นตำรับที่เหล่าจางมาโดยเฉพาะ”
หม่าหลี่ประหลาดใจและพูดว่า “คุณถึงขั้นไปซื้อเหล้าของเหล่าจางมาเลยเหรอ”
หยินซื่อหัวเราะเบา ๆ “ถูกต้อง ไม่ว่าเขาจะตระหนี่แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมขายเหล้าต้นตำรับของเขาให้ฉันด้วยความเต็มใจ”
หลัวฉางเซิงหัวเราะเสียงดัง “เหล่าจางคงโชคร้ายไม่เบาที่มีลูกเขยแบบคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะถาม “ผู้อำนวยการหยิน มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเหล้านี้หรือไม่?”
หยินซื่อโบกมือ “ไม่สำคัญหรอก ชื่อของเหล้านี้คือป้าหวังจุ้ย ดีกรีสูงถึง 68 %”
เจียงเสี่ยวไป๋แทบจะกรีดร้องออกมา เขาไม่เคยดื่มเหล้าดีกรีสูงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็บอกให้เขาดื่มเยอะหน่อย ทำให้เขารู้สึกขยาดจริง ๆ
เขาพูดด้วยความเร่งรีบ “ผมดื่มเหล้าดีกรีสูงขนาดนี้ไม่ได้หรอก ! ”
หยินซื่อยิ้มและพูดว่า “ในฐานะลูกผู้ชาย คุณต้องขี่ม้าที่เร็วที่สุด ดื่มเหล้าที่แรงที่สุด และเล่น…”
อืม… ที่เหลือพูดไม่ได้
หยินซื่อหยุดอย่างรวดเร็ว เขาเปิดฝาเครื่องปั้นดินเผาออก และเทเหล้าลงในชามต่อหน้าทุกคน
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนขึ้นจมูก
นี่มันเป็นกลิ่นของเหล้าจริง ๆ ใช่ไหม ทำไมมันแรงแบบนี้ !
เหล้าที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล 68 % จะมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่รุนแรง ซึ่งทำให้กลิ่นหอมของเหล้าอ่อนลง
“กฎเก่าคือดื่มก่อนแล้วขว้างจาน แล้วค่อยกินอาหารตามเป็นลำดับสุดท้าย ! ”
เมื่อเห็นว่าเทเหล้าแล้ว หลัวฉางเซิงก็หยิบชามดินเผาขึ้นมาแล้วพูดเสียงดัง
“ได้เลย ! ”
“เอาน่า เสี่ยวเจียง ดื่ม ๆ ไปเถอะ ! ”
“ฉันดื่มแล้ว ! ”
หม่าหลี่, หยินซื่อ และเซี่ยงหงจวี๋ต่างหยิบชามดินของพวกเขาขึ้นมาด้วยสีหน้าสะใจ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหยิบชามดินเผาของเขาขึ้นมา กลิ่นแอลกอฮอล์แรงและฉุนมาก เขาทำได้แต่เบือนหน้าหลบกลิ่นของมัน
หลัวฉางเฉิงเป็นคนแรกที่ดื่มจนหมดในอึกเดียว เขาเช็ดปากแล้วตะโกนออกมาว่า “ตามที่คาดไว้ ป้าหวังจุ้ย ของเหล่าจางนั้นแรงจริง ๆ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ! ”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ขว้างชามดินลงบนพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “เพล้ง” จากนั้นชามก็แตกเป็นชิ้น ๆ
จากนั้นหม่าหลี่ หยินซื่อ และเซี่ยงหงจวี๋ก็ขว้างชามลงบนพื้นตามมาติด ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกคอขึ้นดื่มให้หมดในอึกเดียว ทันทีที่เหล้าลงคอ มันก็เหมือนกับการกลืนลูกบอลไฟ ที่เผาคอของเขายิ่งกว่ามีดบาด
“ดี ! ”
“ดี ! ”
“……”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ดื่มจนหมด หลัวฉางเซิงและคนอื่นก็ปรบมือ
เจียงเสี่ยวไป๋โยนชามดินลงบนพื้นอย่างแรง แต่เกิดเรื่องไม่คาดคิด ก้นของชามตกลงไปด้านข้าง ชามดินกลิ้งไปมาบนพื้นสองสามครั้ง จากนั้นก็หยุดลง โดยไม่แตกแม้แต่น้อย
นี่……
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง กำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม เครื่องดื่มเข้มข้นขนาดนี้ยังต้องมีการลงโทษอยู่อีกเหรอ !
“เสี่ยวเจียง คุณเริ่มต้นได้ดีเลยทีเดียว ! ” หลัวฉางเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มุมปากของเจียงเสี่ยวไป๋กระตุกอย่างรุนแรง เขาแทบจะสำลักมันออกมา
หยินซื่อหัวเราะเสียงดัง “เสี่ยวเจียง ดูเหมือนว่าคุณจะชอบดื่มป้าหวังจุ้ยนะ ฉันไม่เคยเห็นคุณล้มเหลวแบบนี้มาก่อน หรือรอบนี้คุณจงใจโยนให้ไม่แตก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กลอกตามองมาที่เขา
หม่าหลี่หยิบชามดินเผาด้วยรอยยิ้มและเทเหล้าป้าหวังจุ้ยให้เขาเต็มชาม “เสี่ยวเจียง ดื่มต่อ ! ”
เซี่ยงหงจวี๋เองก็ไม่ลืมที่จะเตือนออกมาว่า “ถ้าครั้งที่สองไม่แตกอีก ก็ต้องดื่มชามที่สามต่อนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋จะยอมดื่มป้าหวังจุ้ยในคราวเดียวสามชามเหมือนที่พวกเขาต้องการได้อย่างไร เขายกชามดินขึ้นมาแล้วทุบมันลงบนพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียง “เพล้ง” จากนั้นเศษเครื่องปั้นดินเผาที่แตกออกก็ปลิวกระจัดกระจายไปทุกที่
เขาหยิบชามดินที่ไม่แตกขึ้นมา แล้วขว้างมันลงบนพื้นอย่างแรง ครั้งนี้มันจะรอดไปได้อย่างไร
“เอาน่า มาเถอะ หลังจากดื่มเหล้าแล้ว เรามากินข้าวกันก่อน ! ”
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว หลัวฉางเซิงก็พูดขึ้น
หยินซื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้ลิ้มรสฝีมือของเถ้าแก่เจียงแล้ว” ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เขาก็คีบห้องทองซ่อนสาวงามลงในชามของเขา
เซี่ยงหงจวี๋แทบรอไม่ไหวที่จะคีบขึ้นมา ตอนที่เธออยู่ในครัว เธอเองก็อยากจะลองชิมมันดูก่อน แต่ก็กลัวว่าจะดูไม่ดี ในที่สุดเธอก็ได้กินมันสักที
หลัวฉางเซิงและคนอื่น ๆ เองก็สนใจไม่น้อย “ห้องทองซ่อนสาวงาม” น่ากินมาก แต่เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานกลับอยากกินปลาผึ้งมากกว่า
“ป่าป๊าค่ะ ซุปปลาอันนี้อร่อยมาก ! ”
“เนื้อปลาละเอียดและอร่อยที่สุดเลย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างประจบประแจงว่า “กินเยอะ ๆ นะ ครั้งหน้าอาจไม่ได้กินแล้ว”
เจ้าตัวน้อยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ใช่แล้ว ป่าป๊าบอกให้คว้าโอกาสนี้ไว้ ! ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ตักกินแต่ซุปปลา หยินซื่อจึงพูดว่า “เสี่ยวเจียง ซุปปลาจะไปมีประโยชน์อะไร ? มานี่ มาดื่มกันเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการดื่มซุปเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ผู้อำนวยการหยิน คุณดื่มเคารพนายอำเภอหลัวก่อน ส่วนผมจะดื่มซุปก่อน ! ”
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “เราดื่มด้วยกันมาบ่อยแล้ว จะต้องเคารพกันอีกทำไม ? คุณดื่มก่อนสิ ฉันขอกินห้องทองซ่อนสาวงามก่อน”
หม่าหลี่พูดว่า “เหล่าหยิน คุณดื่มก่อนฉันเลยนะ ฉันจะดื่มเป็นรายต่อไป”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่าหลบไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดื่มเหล้าในชามดินเผาจนหมด
หลังจากดื่มกับหยินซื่อเสร็จ หม่าหลี่ก็ดื่มต่อ หลังจากหม่าหลี่ดื่มแล้ว เซี่ยงหงจวี๋ก็ดื่มต่อ และหลัวฉางเซิงก็ดื่มเป็นคนสุดท้าย
หลังจากผ่านไปหนึ่งรอบ เขารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
เหล้านี้มีชื่อที่แปลว่า แม้แต่จอมราชายังเมามาย นับประสาอะไรกับคนธรรมดา
โชคดีที่หยินซื่อและคนอื่นไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เขา ในรอบที่สอง หลัวฉางเซิงกลายเป็นตัวเอก เจียงเสี่ยวไป๋ใช้โอกาสนี้กินซุปปลาอีกสองสามชามอย่างรวดเร็ว
ช่วยไม่ได้ เพราะซุปปลารสชาติดีกว่า
หลังจากดื่มเหล้าไปสามรอบและกินข้าวหมดไปห้าจาน ความเร็วในการดื่มก็ช้าลง ท้ายที่สุด แม้แต่หลัวฉางเซิงก็ต้องใช้เวลานานกับการดื่มเหล้าที่มีดีกรีสูงเช่นนี้
ทุกคนเริ่มพูดคุยกันมากขึ้นขณะรับประทานอาหารไปด้วย