ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 583 : เรื่องอื่น
ตอนที่ 583 : เรื่องอื่น
เมื่อดื่มแล้ว คุณจะไม่กลับจนกว่าจะเมา และนี่ก็เป็นธรรมเนียมของคนในถู่เฉิง
การดื่มครั้งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋เมามาก จนรู้สึกเวียนหัวเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น
“ป่าป๊าคะ ป่าป๊าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้ไม่ไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าล่ะ ! ” เจียงชานถามด้วยความกังวล
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “ชานชาน ป่าป๊าสบายดี ปะ ไปวิ่งตอนเช้าด้วยกันเถอะ”
เจียงชานกล่าวว่า “ได้ค่ะ ! ”
สองพ่อลูกออกไปวิ่งด้วยกันในตอนเช้า โดยยังคงไปตามเส้นทางเดิมที่เคยวิ่งเมื่อครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เช้านี้ถนนหนทางกลับว่างเปล่าและไม่มีคนสัญจรเลย
แม้ว่าหิมะในถู่เฉิงจะหยุดตกแล้ว แต่ลมก็ยังคงแรงและอากาศยังคงหนาวเหน็บ
ผู้คนจึงเลือกที่จะอยู่ในผ้าห่มผืนผืนหนา ๆ มากกว่าที่จะออกไปข้างนอก
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะที่วิ่งจ๊อกกิ้งไปด้วย “ชานชาน หนาวไหม ? ”
เจียงชานพูดว่า “หนาวค่ะ แต่การได้วิ่งกับป่าป๊า ก็ทำให้หนูรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “คนโบราณเมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน พวกเขาเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ พวกเขาฝึกฝนท่ามกลางความหนาวเย็นอันโหดร้ายของฤดูหนาวและความร้อนที่แผดจ้าของฤดูร้อน โดยไม่เคยถูกรบกวนด้วยสภาพอากาศ นี่เป็นระเบียบวินัยอย่างหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าเราจะฝึกฝนอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะวิ่งตอนเช้าหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เราควรทำตามตัวอย่างนี้”
เด็กน้อยพยักหน้า “หนูเข้าใจแล้วค่ะป่าป๊า ความพากเพียรคือกุญแจสู่ชัยชนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ชานชาน ความพากเพียรไม่ใช่กุญแจสู่ชัยชนะ การพากเพียรจนถึงที่สุดต่างหากคือกุญแจสู่ชัยชนะ หลายคนมักจะพากเพียรทำอะไรบางอย่างมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ไม่เคยยืนหยัดไปได้ตลอด”
เจียงชานยิ้มและพูดว่า “ค่ะป่าป๊า หนูจะมุ่งมั่นให้ถึงที่สุด”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพยักหน้า “มาอดทนจนถึงที่สุดด้วยกันเถอะ”
“ค่ะป่าป๊า รีบไปเร็ว ! ”
เจ้าตัวเล็กเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ท่ามกลางลมเหนือที่พัดแรง ร่างทั้งสองได้ออกวิ่งต้านลมหนาวท่ามกลางแสงตะวันยามเช้าที่ยังไม่สว่างมากนัก
หลังจากที่สองพ่อลูกวิ่งเสร็จแล้ว และกลับไปที่บ้านของหลัวฉางเซิง เซี่ยงหงจวี๋ก็เดินออกมาพอดี
“สองคนพ่อลูกคู่นี้ไม่กลัวหนาวกันเลยจริงๆ แม้อากาศจะหนาวขนาดนี้ก็ตาม ยังดึงดันออกไปวิ่งกันได้”
เจียงชานพูดว่า “คุณป้า ยิ่งเรากลัวความหนาวเท่าไหร่ก็ยิ่งหนาวเท่านั้นค่ะ หลังจากวิ่งไปสักพัก หนูก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว แต่แค่หิวนิดหน่อยเท่านั้น”
เซี่ยงหงจวี๋กล่าวว่า “งั้นป้าจะทำบะหมี่ที่หนูชอบกินให้ จำได้ว่าครั้งที่แล้วที่ป้าทำหนูชอบมาก และจะทำซุปให้ด้วย”
เจียงชานหัวเราะเบา ๆ “คุณป้าจำได้ด้วย ! ”
เซี่ยงหงจวี๋กล่าวว่า “ชานชานชอบกิน แน่นอนว่าป้าต้องจำมันได้ ไปล้างหน้าและแปรงฟันเร็ว ๆ ป้าจะไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า ! ”
เจียงชานพูดอย่างมีความสุข ก่อนที่จะไปล้างหน้าแปรงฟัน
เซี่ยงหงจวี๋เก็บเนื้อสุนัขตากแห้งชามเล็กไว้ให้กับเจียงชานโดยเฉพาะ และยังมีเนื้อสุนัขตากแห้งเมื่อคืนนี้เหลืออยู่ในหม้อ ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋และหลัวฉางเซิงจึงกินมันเป็นอาหารเช้านี้
ซุปเนื้อสุนัขตากแห้งมัน ๆ ผสมกับน้ำซุปกะหล่ำปลี โรยด้วยต้นหอมสับเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าอร่อยแค่ไหน
เจ้าตัวเล็กกินถึงสองชามติดต่อกัน ก่อนที่เธอจะพอใจ
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หลัวฉางเซิงก็พูดว่า “คุณยังจำเรื่องที่ฉันบอกคุณเมื่อคืนนี้ได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายอำเภอหลัว ผมจะจำได้อย่างไร เมื่อคืนนี้คุณพูดเรื่องอะไร ? ”
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “เรื่องแรกเลยคือเหล่าหยินขอให้คุณไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์การขุดของเหมืองถ่านหินในหมู่บ้านบนภูเขาวันนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาจำเรื่องนี้ได้ เพราะหยินซื่อบอกเขาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตอนที่เจอกันครั้งที่ในโรงจอดรถของที่ว่าการอำเภอ
เมื่อเห็นเขาพยักหน้า หลัวฉางเฉิงจึงพูดต่อ “ดูเหมือนว่าคุณยังจำได้อยู่นะ ! งั้นก็แสดงว่าไม่เป็นไร คืนนี้เรามาต่อกัน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้งและพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ไม่ ผู้อำนวยการหยินบอกเรื่องนี้กับผมตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว แต่เรื่องที่พูดกันตอนดื่ม ผมจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ”
หลัวฉางเฉิงยิ้มและไม่ได้จริงจังกับมันและพูดต่อ “เรื่องที่สอง คุณบอกว่าไม่มีอะไรทำในระหว่างวัน ฉันจึงสั่งให้คนไปลากเหล็กหลอมมาให้แล้ว น่าจะมาถึงในตอนเย็น และยังมีช่างตีเหล็กฝีมือดีที่เราได้คัดเลือกมา แต่พรุ่งนี้พวกเขาคงจะยังมาไม่ถึง จึงยังไม่สามารถเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าแสดงว่าเขาเข้าใจ
หลัวฉางเซิงกล่าวต่อ “เรื่องที่สาม……”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น การดื่มเหล้าช่างสิ้นเปลืองจริง ๆ ทั้งที่เมื่อคืนเขาพูดหลายอย่างมาก แต่เขากลับจำมันไม่ได้เลย
หลังจากที่หลัวฉางเซิงพูดเรื่องที่สามเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบพูดว่า “ในเมื่องานยังไม่สามารถเริ่ม งั้นวันนี้ผมจะไปบ้านหลี่เกิน และจะนอนที่นั่นหนึ่งคืนนะครับ”
หลัวฉางเซิงเหลือบมองเขา พลางคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ พี่สะใภ้และฉันก็จะไปที่บ้านของเขาตอนเที่ยงด้วย ส่วนในเรื่องการไปบ้านตระกูลหยินนั้น วันนี้ไม่ได้ไปก็เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ ไว้คุยกันทีหลังได้”
จู่ ๆ ใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ขมขื่น เรื่องที่สามที่หลัวฉางเซิงพูดก็คือหยินซื่อชวนเขาไปดื่มที่บ้านคืนนี้ และเขายังบอกว่าเขาดื่มที่บ้านนายอำเภอหลัวไปหลายครั้งแล้ว งั้นคืนนี้เขาจะไปที่บ้านของหยินซื่อแทน
เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการปฏิเสธเพราะจะไปบ้านของหลี่เกิน แต่หลัวฉางเซิงไม่ได้ให้โอกาสเขาเลย
หากเป็นแบบนี้ จะกินวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไม่ต่างกัน ?
เว้นแต่ว่าเขาจะออกจากถู่เฉิงไปเสียก่อน !
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาต้องทำตัวอย่างโต๊ะผิงไฟให้เสร็จก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกจากถู่เฉิงในตอนนี้
เขายิ้มอย่างขมขื่น “นายอำเภอหลัว คุณบอกว่าหลังจากไปบ้านผู้อำนวยการหยินแล้ว คุณก็อยากไปบ้านของรองนายอำเภอหม่าด้วยไม่ใช่เหรอ ? ”
หลัวฉางเซิงพยักหน้าตามความจริง “เมื่อคืนนี้คุณตกลงที่จะไปทานอาหารเย็นที่บ้านของเหล่าหยิน และไปที่บ้านของเหล่าหม่าในคืนพรุ่งนี้ เหล่าหยินและเหล่าหม่าถึงกับโต้เถียงกันว่าจะให้คุณไปบ้านใครก่อน ในท้ายที่สุด หลังจากดื่มสุราไปอีกหนึ่งชาม ฉันก็ตัดสินใจบอกให้ไปที่บ้านของเหล่าหยินก่อน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ถามด้วยสีหน้าสงสัย “นี่คุณจำไม่ได้จริง ๆ เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่น เขาจำไม่ได้ !
หลัวฉางเซิงมองดูหน้าตาที่บูดบึ้งของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาน่า อย่าเพิ่งทำหน้าบูดไปเลย มันก็แค่ดื่มสุรา หากคุณดื่มอีกสองสามครั้ง คุณจะสามารถดื่มได้มากขึ้น”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออก และทำได้เพียงพยักหน้าแล้วถามว่า “แล้วมีเรื่องที่สี่ไหมครับ ? ”
หลัวฉางเซิงยิ้ม “ฉันยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ ไปทำงานกันเถอะ”
“ครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยและบอกให้เจียงชานขึ้นรถ
เจียงเสี่ยวไป๋พาลูกสาวออกไปด้วยกันเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมารับเธอ เพราะหลังจากเสร็จสิ้นการไปโอนกรรมสิทธิ์กับหยินซื่่อ เขาก็จะไปที่บ้านของหลี่เกินทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามก็มาถึงที่ว่าการอำเภอ
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “ไปนั่งข้างในออฟฟิศดีกว่า คงอีกนานกว่าเหล่าหยินจะมา”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลัวฉางเซิง
เช่นเดียวกับครั้งก่อน สิ่งแรกที่หลัวฉางเซิงทำเมื่อเขาเข้าไปในสำนักงานคือการจุดไฟในเตาถ่านหิน เขาเคยชินกับการทำแบบนี้ทุกวัน ใช้เวลาไม่นานไฟก็ติด จากนั้นห้องที่ดูกว้างขวางก็เริ่มอบอุ่นขึ้นมา
สักพัก ไฟในเตาก็เริ่มแรงขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรทำ เขายังคงถูมืออยู่ข้างเตาถ่านหินของหลัวฉางเฉิง และเขี่ยถ่านหินเพื่อให้ติดไฟอย่างทั่วถึง
หลังจากนั้นไม่นาน หยินซื่อก็มาถึงและพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเจียง เดี๋ยวเราไปโอนกรรมสิทธิ์กันก่อน จากนั้นก็ไปที่บ้านของฉันในตอนเย็น”