ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 584 : ฉันก็เป็นเจ้าของเหมืองเช่นกัน
ตอนที่ 584 : ฉันก็เป็นเจ้าของเหมืองเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋บอกให้เจียงชานไปยืนอยู่ข้างกองไฟในห้องทำงานของหลัวฉางเซิง จากนั้นเขาก็เดินตามไปที่ห้องทำงานของหยินซื่อ
สำนักงานเหมืองถ่านหินและหน่วยงานปกครองประจำอำเภออยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ไม่ใช่ในอาคารเดียวกัน จะต้องเดินผ่านลานด้านนอกไปก่อน
ขณะที่พวกเขากำลังเดินออกไป เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผู้อำนวยการหยิน หากผมไปที่บ้านของคุณคืนนี้ คุณช่วยหยุดดื่มเหล้าที่แรงเหมือนเมื่อคืนได้ไหม เมื่อคืนผมดื่มมากเกินไปจนจำอะไรไม่ได้”
ก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาบอกหลัวฉางเซิงว่าจะไปที่บ้านของหลี่เกิ่นก่อนคืนนี้ เพื่อที่เขาจะได้ปฏิเสธคำเชิญของหยินซื่อ แต่หลังจากที่เขารู้ว่าไม่เพียงแต่หยินซื่อเท่านั้นที่เตรียมต้อนรับ แต่ยังรวมถึงหม่าหลี่ด้วย เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธทั้งสองคนได้จริง ๆ……
หยินซื่อหัวเราะ “ไม่มีปัญหา คืนนี้มาดื่มเหล้าเบา ๆ กันดีกว่า”
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ข้างนอกหนาวและมีลมแรง ทั้งสองจึงเดินอย่างรวดเร็วและมาถึงในไม่ช้า
แผนผังห้องทำงานของหยินซื่อคล้ายกับของหลัวฉางเซิง ภายในมีโต๊ะ ตู้หนังสือ และเตาถ่านที่ขาดไม่ได้
ในเวลานี้ ไฟในเตาถ่านหินกำลังลุกโชนอยู่ และน้ำในหม้อต้มด้านบนกำลังเดือดพอดี
“ถู่เฉิงก็เป็นแบบนี้ เชิญนั่งได้ตามสบาย”
หยินซื่อกล่าวอย่างสุภาพ แล้วลากเก้าอี้ไปให้ เขาเชิญเจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงข้างเตาถ่านหิน และหยิบแก้วเคลือบสองใบมาชงชาให้
หลังจากทำเช่นนี้ เขาก็หยิบเอกสารออกมาสองสามฉบับ และให้เจียงเสี่ยวไป๋กรอกแบบฟอร์มเหล่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋อ่านแล้วรีบกรอกข้อมูลลงไปทันที
หยินซื่อหยิบมันขึ้นมาอ่านแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตัวหนังสือของคุณสวยมาก เสียดายที่ไม่ได้มาเป็นครู”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม
หยินซื่อกล่าวว่า “แบบฟอร์มเหล่านี้ใช้สำหรับดำเนินการออกใบขออนุญาต ต้องใช้เวลาสักพักกว่าใบรับรองจะออก”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่รีบ”
เขารู้ว่าในอนาคต จะต้องยื่นขอใบอนุญาตจำนวนมากเพื่อดำเนินการเหมืองถ่านหิน ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตการทำเหมือง, ใบอนุญาตการผลิตที่ปลอดภัย, ใบอนุญาตการผลิตถ่านหิน, ใบรับรองคุณสมบัติผู้จัดการเหมือง, ใบรับรองคุณสมบัติความปลอดภัยของผู้ประกอบการเหมือง และใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าต้องใช้ใบรับรองประเภทใด ดังนั้นเขาจึงขอคำแนะนำจากหยินซื่อทันที
หยินซื่ออธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจน และพูดว่า “ถ้าคุณต้องการผู้จัดการเหมือง ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำคุณให้รู้จัก”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าตกลง
ในขณะนี้ เขาไม่มีใครที่เหมาะสมจะมาเป็นผู้จัดการเหมืองจริง ๆ หลังจากสังเกตหยินซื่อแล้ว เขารู้สึกว่าชายคนนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ และคนที่เขาแนะนำน่าจะเป็นคนดีทำงานได้ เขาแค่รอดูหลังจากนี้ก็เท่านั้น
ในที่สุด ทั้งสองก็ตกลงกันเรื่องค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิ์การขุดและค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิ์การสำรวจ ซึ่งต้องจ่ายปีต่อปีตามขนาดของเหมือง สำนักงานเหมืองถ่านหินมีมาตรการที่เกี่ยวข้อง เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต่อรองและเต็มใจจ่าย 100,000 หยวนก่อน
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับใบอนุญาต แต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องได้แน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมยินดี เขาได้เป็นเจ้าของเหมืองแล้ว
หลังจากไปถอนเงินจากธนาคารและจ่ายเงินเสร็จ ก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ออกจากห้องทำงานของหยินซื่อและกลับไปที่ห้องทำงานของหลัวฉางเซิง ก่อนจะกล่าวว่า “นายอำเภอหลัว ผู้อำนวยการหยินได้ตกลงเรื่องของเราแล้ว ดังนั้นผมจึงจะออกไปบ้านของหลี่เกินก่อน”
หลัวฉางเซิงพยักหน้า “คุณไปเถอะ ฉันมีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะ พี่สะใภ้ของคุณและฉันจะตามไปตอนเที่ยง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและออกไปพร้อมกับเจียงชาน
“อ่า ในที่สุดเราก็ไปบ้านป้าหลัวได้แล้ว ! ”
หลังจากขึ้นรถแล้ว เจ้าตัวเล็กก็ดูมีความสุขมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและขับรถไปทางทิสตะวันออกของเมือง
บ้านของหลี่เกินอยู่ในเขตชานเมืองทางทิศตะวันออกของถู่เฉิง ในที่ดินเล็ก ๆ ที่เรียกว่าปันหลีผิง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร มีเพียงถนนลูกรังเส้นเดียวที่ทอดไป จึงไม่จำเป็นต้องถามเส้นทาง
ถนนไม่ค่อยเรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง รถจี๊ปเซไปมาตลอดทาง ประมาณ 10 นาทีต่อมา พวกเขาก็ถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีต้นเกาลัดขึ้นเต็มไปหมด แต่ละต้นสูงเกือบ 20 เมตร แม้แต่ต้นเล็กที่สุดก็ยังสูงมากกว่าสิบเมตร
บังเอิญมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมถนน เจียงเสี่ยวไป๋จึงจอดรถเพื่อจะเข้าไปถามทางไปบ้านของหลี่เกิน
“มีใครอยู่ข้างในบ้านไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่หน้าบ้าน แล้วตะโกนถามเสียงดังที่หน้าประตู
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราในวัยหกสิบเศษก็ออกมาจากห้อง เมื่อเห็นว่าเขาไม่รู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ เขาจึงถามว่า “คุณมาหาใคร ? ”
“สวัสดีครับคุณลุง ผมขอถามได้ไหมว่าบ้านของหลี่เกินไปทางไหน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้ แล้วถามขึ้นมา
ชายชราโบกมือปฏิเสธ เขาไม่คุ้นเคยกับการสูบบุหรี่ จึงพูดว่า “อ้อ นึกว่าอะไร บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลเลย หากเดินไปอีกครึ่งกิโลจะเจอต้นเกาลัดใหญ่อยู่ทางขวามือ คุณเดินเข้าซอยที่อยู่ข้างต้นเกาลัด เดินไปประมาณสี่สิบถึงห้าสิบเมตร บ้านหลังที่สองคือบ้านของเขา”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณชายชราและขับรถออกมา
เมื่อขับตามเส้นทางที่ชายชราชี้ไปก็พบต้นเกาลัดสูงต้นหนึ่งอยู่ข้างหน้าไม่ไกล ในเวลานี้ ใบไม้บนต้นเกาลัดได้ร่วงหล่นไปหมด เหลือเพียงลำต้นและกิ่งก้านเปลือย เปลือกลำต้นมีสีเทาเข้ม มีความลึกตามยาวไม่สม่ำเสมอ มีรอยแตกสีน้ำตาลเทา กิ่งก้านไหวตามสายลม
หลังต้นเกาลัดใหญ่มีเนินเขาเล็ก ๆ บนเนินเขามีพื้นที่เพาะปลูก บางแปลงปลูกหัวไชเท้าและกะหล่ำปลี แต่แปลงส่วนใหญ่ว่างเปล่า
ในเส้นทางทุ่งนาระหว่างสันเขา มีทางเดินที่เป็นโคลนลัดเลาะขึ้นมาจากใต้ต้นเกาลัดใหญ่
แม้ว่าสวนเกาลัดจะมีตัวอักษร “坪” ผิง อยู่ในชื่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานที่แห่งนี้จะราบเรียบอย่างแท้จริง เพียงแต่มีที่ราบสูงใหญ่อยู่ระหว่างเนินเขาไม่กี่ลูก
เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถ จากนั้นเขาและเจียงชานก็หยิบของมากมายลงมาจากท้ายรถแล้วเดินไปตามทาง
บนเนินมีบ้านสี่ถึงห้าหลัง ทั้งหมดเป็นบ้านชั้นเดียวมุงด้วยหลังคาซึ่งดูเก่าแก่ บางหลังมุงหลังคามุงจาก และมีควันพวยพุ่งออกมาจากหลังคาของบ้านทุกหลัง
เวลานี้ไม่ใช่เวลาในการทำอาหาร เห็นได้ชัดว่าเป็นควันที่มาจากเตาถ่านหิน
ฉากแบบนี้ พบเห็นได้ทั่วไปในเจียงวานตอนฤดูหนาว จึงไม่น่าแปลกใจ
เมื่อเขาผ่านบ้านหลังแรก ก็ไม่เห็นเจ้าของบ้านแม้แต่คนเดียว
ในฤดูหนาว ผู้คนจะอยู่บ้าน เว้นแต่จะมีใครมาเรียก ดังนั้นแม้ว่าประตูจะเปิดอยู่ โดยทั่วไปจะไม่มีใครโผล่หน้าออกมา
ในไม่ช้า สองพ่อลูกก็มาถึงบ้านหลังที่สอง ซึ่งเป็นบ้านของหลี่เกิน
บ้านสร้างจากดินมุงกระเบื้อง มีห้องหลัก 3 ห้อง มีชายคาด้านหลัง และห้องด้านข้างทางด้านซ้าย มีรูปร่างเหมือนเลข ‘7’ มีประตูอยู่ที่จัตุรัสหลักและห้องด้านข้าง
ประตูเปิดอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่หน้าบ้านเลย
“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ……”
ทันทีที่เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานก้าวเข้ามาบริเวณบ้าน สุนัขพื้นเมืองสีเหลืองตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนขั้นบันไดก็ยืนขึ้นและเห่าใส่พวกเขา
“อย่าเห่านะเจ้าหมา ฉันมาหาป้าหลัว ! ”
เมื่อเจียงชานไปที่บ้านของเฉินหยวนชางก่อนหน้านี้ เธอกลัวสุนัขมาก แต่เนื่องจากเธอเลี้ยงสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ เธอจึงไม่กลัวสุนัขแล้ว สุนัขสีเหลืองแค่เห่า แต่ไม่ขยับ เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม
เธอคิดว่าสุนัขตัวนี้ก็เหมือนกับเจียงซือของเธอ ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่เธอพูดได้