ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 59 :ความจริงมันเป็นแบบนี้
ตอนที่ 59 :ความจริงมันเป็นแบบนี้
ถานชิงซานนั่งลง หลินเจียอินเทชาให้ ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋จุดบุหรี่ยื่นให้เขา
บุหรี่ยี่ห้อจงฮั๋ว
ถานชิงซานไม่เคยสูบบุหรี่ยี่ห้อนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะรับไว้และสูบมันอย่างมีความสุข
เขาถอนหายใจและพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อบอกนายว่าฉันจะขายมันฝรั่งลูกเล็กให้นาย ไม่ขายให้หลิวซือกั๋ว”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “แต่ราคารับซื้อของหลิวซือกั๋วสูงกว่าของผมตั้ง 5 เฟินเชียวนะ ทำไมพี่ชิงซานไม่ขายให้เขา แต่ขายให้ผมแทนล่ะ ? ”
ถานชิงซานชำเลืองมองที่เจียงเสี่ยวไป๋และพูดว่า “แม้ว่าก่อนหน้านี้นายจะเป็นพวกไม่เอาไหน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างเขินอาย
เขายังคงอายอยู่บ้างเมื่อมีคนพูดเช่นนั้นต่อหน้าเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่มีข้อแก้ตัวใด
เขาได้ยินเช่นนั้นและฟังถานชิงซานพูดต่อไปว่า “แต่ลุงถานและเสี่ยวฟางเล่าเรื่องราวของนายให้ฉันฟังแล้ว และฉันรู้ว่านายตั้งใจเดินตามทางที่ถูกที่ควรแล้วจริง ๆ ส่วนหลิวซือกั๋วเขาเป็นคนฉลาดอยู่บ้าง และเขามักจะชอบฉวยโอกาสในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนอื่นเสมอ”
“ฉันน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เขามารับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในคราวนี้ กลับมาพร้อมกับคนของนักเลงเฉินน่ะสิ”
“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องดี ไม่แน่ว่าตอนนั้นอาจจะมีลับลมคมในอะไรก็ได้”
เขาพยักหน้าและพูดเสริมว่า “ดังนั้นต่อให้ราคาที่นายรับซื้อจะต่ำกว่า 5 เฟิน แต่ฉันก็ยินดีขายมันฝรั่งลูกเล็กให้นาย”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ถานชิงซานด้วยความประหลาดใจ และพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ชิงซาน ขอบคุณที่พี่เชื่อผม”
“แต่ผมก็ยังคงแนะนำให้พี่ชิงซานขายมันฝรั่งลูกเล็กให้กับหลิวซือกั๋วอยู่ดี เพราะราคาที่มากกว่าชั่งละ 5 เฟินนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย”
ถานชิงซานขมวดคิ้ว มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างสงสัยและพูดว่า “อย่าบอกนะว่านายไม่รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กแล้ว ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “รับซื้อสิ แต่ราคาชั่งละหลายเหมาแบบนั้น ผมรับซื้อไม่ไหวหรอก”
ห๊ะ ?
ถานชิงซานสงสัยจึงถามว่า “นายไม่ได้บอกว่าจะซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคา 4 เหมาต่อหนึ่งชั่งหรือไง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่หลินเจียอิน แล้วพูดกับถานชิงซานว่า “ใช่ ผมพูดเช่นนั้น แต่ผมบอกว่าจะรับซื้อตั้งแต่คืนพรุ่งนี้”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ “พี่ชิงซาน ด้วยความกดดันในการรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กของหลิวซือกั๋วในคืนนี้ พี่คิดว่าคืนพรุ่งนี้ผมยังจะรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กได้อยู่หรือ ? ”
ถานชิงซานยืนพรวดขึ้น เขาจ้องมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “งั้นนาย… นายจงใจกระจายข่าวเรื่องรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาสูงเพื่อกดดันหลิวซือกั๋ว ไม่สิ เพื่อทำให้นักเลงเฉินเพิ่มราคาสู้ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
“พี่ชิงซาน เชื่อใจผม ผมจะไม่ขอปิดบังแล้วกัน หลิวซือกั๋วเห็นว่าผมได้เงินจากการขายผัดมันฝรั่งก็เกิดความโลภ ดังนั้นเขาจึงไปร่วมมือกับนักเลงเฉินเปิดแผงขายผัดมันฝรั่งในเมืองแข่งกับผม”
เขาถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ผัดมันฝรั่งของพวกเขาไม่อร่อย และหากผ่านไปอีกสองสามวันคงขายไม่ได้ นักเลงเฉินมักจะนำหายนะมาให้กับหมู่บ้าน ผมจงใจปล่อยข่าวเท็จและให้เขาเพิ่มราคา ผมแค่ต้องการให้พวกเขาเสียเงินซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาที่แพง และถือว่านำผลประโยชน์มาให้คนในหมู่บ้านด้วย ”
จากนั้น หลินเจียอินก็ตระหนักได้ในทันที
ก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะบอกว่าจะให้ผลประโยชน์แก่ผู้คนในหมู่บ้าน เธอคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะจ่ายมันฝรั่งในราคาสูงเพื่อยอดได้กำไรน้อยลง
โดยไม่คาดคิดว่า เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินด้วยตัวเอง
เป็นแผนการเพื่อใช้ประโยชน์จากนักเลงเฉิน
ถานชิงซานจ้องมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ รู้สึกชื่นชมและขอบคุณเขาในใจ
เขาชื่นชมความคิดที่ยอดเยี่ยมของเจียงเสี่ยวไป๋และรู้สึกขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋ที่ไว้วางใจเขาและเล่าเรื่องที่เป็นความลับทั้งหมดให้เขาฟัง
ในความเป็นจริง ถานชิงซานหลงตัวเองมากเกินไป
เพราะแท้จริงแล้วเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการจะบอกให้กับภรรยาของเขาเป็นหลัก
เขากำลังจะบอกหลินเจียอินเกี่ยวกับแผนการของเขาก่อนหน้านี้ ทว่าถานชิงซานบังเอิญมาหาเขาพอดี ดังนั้นเขาจึงพูดให้อีกฝ่ายฟังด้วย
แน่นอน เขาเชื่อว่าแม้ว่าถานชิงซานจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถานชิงซานจะไม่พูดออกไปแน่นอน
ในฐานะที่เขาเป็นคนที่อยู่มาสองชีวิตแล้ว เขารู้ว่าถานชิงซานเป็นคนอย่างไร เขายังคงมั่นใจในสิ่งนี้มาก
“ดังนั้น พี่ชิงซาน พี่ควรขายมันฝรั่งลูกเล็กให้หลิวซือกั๋วโดยเร็วที่สุด”
“เงินสกปรกของนักเลงเฉิน ถ้าไม่ใช้ประโยชน์จากมันก็น่าเสียดายแย่น่ะสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถานชิงซานพยักหน้า แต่เขาก็ยังกังวลเล็กน้อยและพูดว่า “เกรงว่าถ้าเป็นอย่างที่นายพูด เกิดผัดมันฝรั่งของพวกเขาขายไม่ได้ แล้วพวกเขารับซื้อมันฝรั่งไปไว้ในมือเยอะขนาดนั้น พวกเขาอาจจะก่อเรื่องในภายหลังได้น่ะสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ชิงซานไม่ต้องกังวล นักเลงเฉินได้รับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กจากหลายหมู่บ้านเพื่อขวางเส้นทางทำเงินของผม ยิ่งคนขายมันฝรั่งลูกเล็กให้เขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรมากขึ้นเท่านั้น”
ถานชิงซานคิดอยู่พักหนึ่ง มันก็จริงอย่างที่เจียงเสี่ยวไป๋บอก
ไม่ว่านักเลงเฉินจะมีพรรคพวกมากแค่ไหน แต่อย่างมากก็มีเพียงสิบหรือยี่สิบคนเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับจำนวนชาวบ้านในหลายหมู่บ้าน จำนวนคนเท่านี้ยังไม่เพียงพอ
แม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจ อย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะสร้างความโกรธแค้นต่อสาธารณชน
“ตกลง ฉันจะเชื่อนาย”
“แม้ว่าจะโมโหแค่ไหน แต่ยังไงฉันจะขายมันฝรั่งทั้งหมดให้กับหลิวซือกั๋ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและกล่าว “ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่รั้งพี่ไว้ แล้ววันหลังผมจะเชิญพี่มาดื่มเหล้าด้วยกัน”
“ตกลง”
ถานชิงซานตกลงและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากปิดประตู
ภายในบ้านเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่ง
หลินเจียอินจ้องมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างตั้งใจ ดวงตาที่สวยงามของเธอเปล่งประกายด้วยความสดใส ชายผู้นี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง เวลาทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะใช้ความฉลาดของตนเองได้เป็นอย่างดี ไม่ถนัดแค่ใช้หมัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เธอชอบเขาที่เป็นแบบนี้มาก
“ฉันไม่คิดว่าคุณมีแผนการที่คาดไม่ถึงเช่นนี้”
หลินเจียอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันไม่ดีหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถามกลับ
“ไม่เพียงแต่มันไม่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องชั่วร้ายด้วย อย่างแรกเลยแม้แต่พ่อและฉันยังถูกหลอก” หลินเจียอินกล่าวเสียงตำหนิ
“ถ้าคุณคิดว่าผมเป็นคนไม่ดี งั้นผมจะแสดงความป่าเถื่อนของผมให้คุณดูได้นะ…….”
เจียงเสี่ยวไป๋ใช้โอกาสนี้คว้าข้อมือของหลินเจียอิน
“อ๊า……”
หลินเจียอินกรี๊ดและหลบเจียงเสี่ยวไป๋โดยไม่รู้ตัว
โอกาสนั้นหายาก ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ยอมพลาดมันไปง่าย ๆ
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มวิ่งไล่ต้อนเธออยู่ในห้องโถงหลัก
บังเอิญมากที่ชานชานกำลังอยู่ที่บ้านพ่อของเขา ในบ้านจึงเหลือแค่เขาและภรรยาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
ถ้าเขาจับตัวเธอได้ คืนนี้เขาก็จะได้บรรเลงเพลงรักกับเธอเสียที
แต่ถ้าจับไม่ได้……
ก็ต้องจับให้ได้ !
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงสดใสดังขึ้นที่ด้านนอกประตู
“ป่าป๊า หนูกลับมาแล้ว…”
เอ่อ……
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดกึก ยืนคอตกเหมือนไก่หงอย
หลินเจียอินรีบสงบอารมณ์ลง หญิงสาวหายใจเข้ายาว ๆ แล้วเปิดประตู
“ป่าป๊า ขอกอดหน่อย”
เด็กหญิงตัวเล็กกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเจียงเสี่ยวไป๋ทันทีที่เธอเข้าประตูมา
เจียงเสี่ยวไป๋อุ้มลูกสาวของเขาขึ้นมา เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอแล้วถามว่า “ชานชาน ทำไมไม่อยู่บ้านปู่สักพักล่ะ”
“หนูคิดถึงป่าป๊าแล้ว”
เด็กหญิงตัวเล็กตอบด้วยเสียงออดอ้อน
เอ่อ……
ชื่นใจ
‘หนูช่างเป็นเด็กดีของพ่อจริง ๆ ’ เขาจัดการหอมแก้มของลูกสาวไปทีหนึ่ง
เมื่อหันไปมองที่หลินเจียอิน เธอเห็นใบหน้าของหม่าม๊าดูแดงก่ำและเธอดูเขินอายมาก
“หม่าม๊า หม่าม๊าทำอะไรผิดมาหรือ ? ทำไมหน้าแดงจัง”
เด็กหญิงตัวเล็กหันตามจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่หม่าม๊า และถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ใบหน้าของหลินเจียอินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำมากยิ่งขึ้น
เธอมองค้อนไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างเขินอาย ต้องโทษคุณเลย
เจียงเสี่ยวไป๋คลี่ยิ้มเก้อ เขาหลบสายตาภรรยาอย่างรวดเร็วและแสร้งทำเป็นแกล้งลูกสาวของเขาต่อ