ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 593 : เหล้าเวินโหรวเซียง
ตอนที่ 593 : เหล้าเวินโหรวเซียง
เจียงเสี่ยวไป๋ทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินว่าหลัวฉางเซิงมีความคิดที่จะเอาโต๊ะผิงไฟตัวอย่างกลับบ้าน
แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เป็นนายอำเภอ และนายอำเภอก็ได้ป่าวประกาศออกไปแล้ว เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร ? ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะทำตัวอย่างเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเขา เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
แน่นอนว่าหยินซื่อก็พูดขึ้นทันที “จะทำเพิ่มอีกตัว ? งั้นฉันก็อยากได้เหมือนกัน!”
“ใครเห็นก็อยากได้ทั้งนั้น ! ”
หม่าหลี่พูดอย่างตรงไปตรงมา
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่พยักหน้า และพูดอะไรไม่ออก ใครบอกให้เขาพูดอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ ? สิ่งที่เขาพูดออกไป เปิดโอกาสให้ผู้คนเอาเปรียบเขา
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดิ้นรนแม้วาระสุดท้าย
เขาพูดออกมาว่า “พรุ่งนี้เราต้องทดสอบตัวอย่างก่อน งั้นคืนนี้ก็อย่าทำให้ผมเมามากนะครับ ไม่งั้นงานพรุ่งนี้ก็จะได้เลื่อนออกไป”
หม่าหลี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เรากินข้าวเย็นเร็ว กว่าจะถึงพรุ่งนี้ยังอีกไกล ได้เวลาดื่มแล้ว ดื่มแล้วไปนอน พรุ่งนี้เช้าคุณก็จะรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดเต็มที่”
จางหงเซี่ยเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “ถ้าพรุ่งนี้คุณมีธุระ ก็อย่าดื่มเหล้าที่แรง เดี๋ยวฉันจะไปเอาเหล้าเวินโหรวเซียงมาให้”
หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องด้านหลัง
เจียงเสี่ยวไป๋ผงะเล็กน้อยเมื่อมองดูรูปร่างสูงของเธอ ราวกับว่าภาพลักษณ์ของเธอดูสูงขึ้นในสายตาของเขา
อะไรที่เรียกว่าในความหยาบแฝงด้วยความละเอียดอ่อน !
ก็เหมือนกับผู้หญิงอย่างจางหงเซี่ยอย่างไรเล่า !
ภายนอกเธอดูเป็นคนหยาบกระด้าง ทว่าภายในกลับเป็นคนละเอียด ใส่ใจผู้อื่น !
ไม่นานหลังจากนั้น จางหงเซี่ยก็ออกมาพร้อมกับเหล้าสองขวด เมื่อเห็นเธอ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกทันทีว่าความคิดก่อนหน้านี้ของเขาผิดไป !
แบบนี้เขาเรียกว่าอ่อนโยนงั้นหรือ ?
นี่มันสองขวดเลยนะ !
จางหงเซี่ยนั่งลง เธอยื่นขวดโหลแก้วในมือให้เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “ขวดหนึ่งคือเหล้าดอกท้อที่ฉันหมักขึ้นมา และอีกขวดเป็นเหล้าพลัมเขียว คุณชอบดื่มขวดไหน ? ”
หลังจากได้ยินว่าเหล้าแต่ละขวดทำมาจากอะไร เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิด
เมื่อมองดูโหลแก้วทั้งสองขวดอย่างตั้งใจ ก็เห็นว่าขวดหนึ่งมีสีชมพูราวกับดอกท้อ ส่วนอีกขวดมีสีเขียวอ่อนราวกับลูกพลัมสุก เหล้าทั้งสองขวดนั้นสดใสและสวยงาม
มันดูดี สิ่งสำคัญคือปริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้าทั้งสองชนิดนี้อยู่ในระดับต่ำ
โดยทั่วไป ปริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้าดอกท้อจะอยู่ที่ 8 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้าพลัมเขียวจะอยู่ที่ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ไม่ต่างจากเบียร์มากนัก
เมื่อต้องพูดถึงเหล้าสองขวดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่กลัวอีกต่อไป
“พี่สะใภ้ นี่คือเหล้าที่คุณหมักเองใช่ไหม ! ”
ในใจของเจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักและถามด้วยรอยยิ้ม
จางหงเซี่ยอมยิ้มเล็กน้อย “ฉันพยายามเอาดอกท้อและลูกพลัมสีเขียวมาลองหมักดู ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูง แต่กลิ่นหอมมาก”
พูดจบ เธอก็เปิดจุกขวดโหลแก้วที่บรรจุเหล้าดอกท้อข้างใน กลิ่นหอมของดอกท้อก็อบอวลไปทั่วทั้งห้อง ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าตนเองไปยืนอยู่ท่ามกลางป่าท้อ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวชมออกมา “พี่สะใภ้ คุณน่าทึ่งมาก เหล้านี้ไม่เพียงแต่ดูสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย”
จางหงเซี่ยมีความสุขมากหลังจากได้ยินคำชมนี้ เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนแรกที่ฉันได้ลองกลั่นมันขึ้นมาแล้ว ฉันก็รู้สึกค่อนข้างดีกับมัน ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะผลิตเหล้าประเภทเหล้าเวินโหรวเซียงนี้ออกมา ! ”
เหล้าเวินโหรวเซียง !
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นประกาย เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและกล่าวชมเชย “ชื่อของเหล้าชุดนี้ไพเราะดีจริง ๆ ! ”
แม้แต่เจียงชานที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังจ้องมองเหล้าดอกท้อด้วยดวงตากลมโต และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “ป่าป๊า นี่เป็นเหล้าจริง ๆ ใช่ไหม ? มันทั้งมีสีสวยและมีกลิ่นหอมมาก ! ”
คำพูดของเด็ก ๆ มักจะจริงใจเสมอ จางหงเซี่ยยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันไม่คาดหวังว่าแม้แต่ชานชานก็ยังชอบกลิ่นของมัน งั้นหนูต้องลองชิมดูหน่อยสิ”
เด็กน้อยมองดูเหล้าดอกท้อสีชมพู ดวงตาของเธอกระตือรือร้นที่จะลอง แต่เธอก็ยังส่ายหัว “คุณป้า หนูไม่กล้าดื่มค่ะ ! ”
จางหงเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงมาก แค่ลองชิมนิดหน่อย หนูไม่เมาหรอกจ๊ะ ! ”
ดวงตากลมโตของเจ้าตัวน้อยกะพริบตาราวกับถามว่าจริงหรือ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ยังแสร้งทำเป็นประหลาดใจและถามว่า “พี่สะใภ้ เหล้านี้มีปริมาณแอลกอฮอล์เท่าไหร่เหรอครับ ? ”
จางหงเซี่ยกล่าวว่า “เหล้าดอกท้อมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาทันที และพูดด้วยความตื่นเต้น “พี่สะใภ้ ขอบคุณที่ดูแลผม นี่เป็นเหล้าที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นในถู่เฉิง ! ”
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็ไม่ลืมที่จะพูดกับลูกสาวของเขาว่า “ชานชาน เหล้าที่ป้าจางหมักขึ้นมานั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงนัก หนูสามารถลองชิมได้นิดหน่อย”
เมื่อลูกสาวเกิดความสนใจ เขาก็ไม่อาจจะหยุดเธอได้
ลูกสาวมีความสามารถในการดื่มไหม เขาจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อให้เธอลองดื่ม
อย่างไรก็ตาม เหล้า 8 ดีกรีไม่ได้ทำให้มึนเมาอะไร
“โอ้ เยี่ยมไปเลย หนูจะได้โยนชามร่วมกับทุกคนด้วย”
หลัวฉางเซิงและคนอื่นได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา
หยินซื่อกล่าวว่า “ชามแตกได้ แต่ถ้าหนูทำชามแตกไม่ได้ หนูก็ยังต้องดื่มเหล้าต่อเป็นการลงโทษ”
“หนูสามารถขว้างมันให้แตกได้แน่นอนค่ะ เพราะหนูแข็งแรงมาก ! ” เจียงชานกล่าวด้วยความมั่นใจ
หยินซื่อยิ้ม จากนั้นจึงหันไปหาเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เสี่ยวเจียง คุณจะดื่มเหล้าเวินโหรวเซียงพวกนั้นจริง ๆ เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขึ้นมาทันที “พี่สะใภ้อุตส่าห์เอามาให้ทั้งที ผมก็ต้องดื่มอยู่แล้ว”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ถือขวดเหล้า ‘เวินโหรวเซียง’ ทั้งสองขวดไว้ในมือราวกับว่าเป็นสมบัติที่กลัวว่าจะมีใครมาแย่งมันไป
หลัวฉางเซิงหัวเราะ “เอาล่ะ งั้นก็เชิญดำดิ่งสู่ความหอมหวานที่อ่อนโยนนี้ จากนั้นเขาก็พูดกับหยินซื่อว่า “ส่วนเราจะดื่มป้าหวังจุ้ยต่อ ! ”
หยินซื่อพูดว่า “เอาล่ะ เรามาเปิดป้าหวังจุ้ยกันเถอะ ! ”
เซี่ยงหงจวี๋แจกชามดินเผาให้ทุกคน จากนั้นหยินซื่อก็รินเหล้าให้กับทุกคน
ส่วนเสี่ยวหลิวที่เป็นคนขับรถไม่ดื่ม เจียงเสี่ยวไป๋จึงเทเหล้าดอกท้อลงในชามของตัวเองและเทลงในชามของเจียงชานอีกเล็กน้อย
หลังจากที่เทเหล้าดอกท้อลงในชามดินเผา มันก็สว่างขึ้นและเป็นสีชมพูที่ชัดมากขึ้น สีของมันสวยดูน่าลิ้มลองมาก
“ป่าป๊า หนูดื่มได้จริง ๆ เหรอ ? ”
เมื่อเห็นเหล้าดอกท้อสีชมพู ดวงตาที่สวยงามของเด็กน้อยก็เป็นประกาย เธอค่อนข้างตั้งตารอคอยมัน แต่เมื่อมีการเทเหล้าลงในชามตรงหน้าเธอจริง ๆ เธอก็ลังเลเล็กน้อย
มันเป็นเหล้าของจริงเลยนะ !
เธอไม่เคยดื่มมันมาก่อน !
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่เป็นไร ลองดูก่อน ! ”
ด้วยการสนับสนุนจากพ่อ ทำให้ดวงตาของเด็กน้อยมุ่งมั่นมากขึ้น จากนั้นเธอก็พูดว่า “งั้นหนูจะลองดู”
หลัวฉางเซิงยกชามขึ้นแล้วพูดว่า “ตามกฎเก่า ดื่มก่อนแล้วโยนชาม และกินอาหารเป็นอันดับสุดท้าย ! ”
“ดี ! ”
“ตกลง ! ”
“……”
หยินซื่อ หม่าหลี่ และคนอื่นตอบกลับ
แม้แต่เจียงเสี่ยวไป๋ยังกล่าวออกมาเสียงดัง
ไม่มีอะไรที่มั่นใจไปมากกว่านี้แล้ว !
เหล้าที่คนอื่นดื่มคือเหล้าตัวแรง 68 ดีกรี แต่เหล้าที่เขาดื่มแค่ 8 ดีกรีเท่านั้น มันต่างกันมากถึง 60 ดีกรี หากเขายังเกิดความกลัวก็สมควรไปฆ่าตัวตายให้ตัวเละเป็นเต้าหู้แล้ว
หลังจากที่หลัวฉางเซิงพูดจบ เขาก็มองไปที่เจียงชานแล้วพูดว่า “มาเถอะ ชานชานก็ดื่มด้วย ! ”
เจ้าตัวน้อยเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว เธอยกชามดินเผาขึ้นแล้วพูดว่า “ชนแก้ว ! ”
ทุกคนหัวเราะและชนแก้วกับเธอ
หลัวฉางเซิงดื่มป้าหวังจุ้ยหมดชามในอึกเดียว และโยนชามเหล้าลงจนออกเป็นชิ้น ๆ คนอื่นก็ทำเช่นเดียวกัน
จนในที่สุด ก็เหลือเพียงเด็กหญิงตัวเล็กเท่านั้น และทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอ