ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 597 : วิธีบริหารคน
ตอนที่ 597 : วิธีบริหารคน
ตอนเที่ยง เฉิงเหวินเซียนจึงได้เตรียมอาหารให้กับเหล่าพนักงาน
มีคนงานเยอะมาก เธอจึงอบวุ้นเส้นใส่หมูและกะหล่ำปลี หมูผัดกะหล่ำปลีดองหม้อใหญ่ และมันฝรั่งผัดเปรี้ยวหวานอีกหนึ่งหม้อ
แม้ว่าอาหารจะมีให้เลือกไม่หลากหลาย แต่ปริมาณก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนอิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นหมูและกะหล่ำปลี วุ้นเส้นหรือเนื้อต่างก็จัดเต็ม ซึ่งทำให้พนักงานเหล่านี้มีความสุขกันถ้วนหน้า
ประกอบกับข้าวที่ตักได้ไม่อั้นจนทุกคนกินจนอิ่มท้อง
“การได้ทำงานกับเถ้าแก่เจียงนี่ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“ใช่แล้ว ปกติที่บ้านฉันกว่าจะได้กินเนื้อเยอะ ๆ แบบนี้ก็เฉพาะในช่วงตรุษจีนเท่านั้น ! ”
“ฉันไม่เคยกินอาหารที่ดีแบบนี้มาก่อนเลย มันอร่อยมาก ! ”
“หยุดพูดเถอะ มุ่งไปที่อาหารนี้ดีกว่า ฉันยินดีทำงานที่นี่นานเท่าที่จะทำได้เลย”
“ฮ่าฮ่า คงจะดีมากถ้าฉันมีเหล้าให้ดื่มอีกสักสองตำลึง”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็กินข้าวกับคนงาน ไม่ว่าจะเป็นชามใส่ข้าว ก็ใช้แบบที่คนงานใช้ เขาแอบยิ้มแล้วพูดว่า “ดูแต่ละคนพูดเข้าสิ กินแค่นี้ก็พอใจแล้วเหรอ ? ”
“ฉันว่ามันยังน้อยไปนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยสีหน้าเหยเก “ในชิงโจว ทุกวันคนงานที่ทำงานกับฉันมีอาหารให้กินอย่างน้อยสี่อย่างและซุปอีกหนึ่งอย่าง สำหรับมื้อพิเศษหน่อยก็มีอาหารหกอย่างและซุปหนึ่งอย่าง ซึ่งทั้งหมดเป็นเนื้อสัตว์ครึ่งหนึ่งและผักครึ่งหนึ่ง”
“อาหารสี่อย่างและซุปหนึ่งอย่าง แล้วตักข้าวได้ไม่อั้นแบบนี้ไหม ? ” หวังต้าฉุยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แน่นอน ถ้าคนงานกินข้าวไม่เพียงพอ จะเอาแรงที่ไหนมาทำงานล่ะ ! ”
หวังต้าฉุยหัวเราะเบา ๆ “เถ้าแก่เจียง โรงงานในชิงโจวของคุณต้องการช่างตีเหล็กเพิ่มไหม ถ้าต้องการ ฉันเต็มใจจะไปทำงานที่ชิงโจวแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “อีกไม่กี่วัน โรงงานที่ถู่เฉิงของฉันก็จะสร้างเสร็จแล้ว แบบนี้คุณยังต้องไปไกลถึงชิงโจวอีกหรือเปล่า ? ”
หวังต้าฉุยดีใจมากและพูดด้วยท่าทางเร่งรีบ “เถ้าแก่เจียง ถ้าคุณรับสมัครคนงาน อย่าลืมนับฉันด้วยล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มันขึ้นอยู่กับว่าคุณทำได้ดีแค่ไหนในครั้งนี้ ถ้าคุณทำได้ดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าคุณทำมันไม่ดี ฉันก็ไม่คิดที่จะเลี้ยงคนไร้ประโยชน์”
จู่ ๆ หวังต้าฉุยก็เริ่มไม่พอใจ “เถ้าแก่เจียง คุณดูถูกพวกเราสองพี่น้องมากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงโต๊ะผิงไฟที่คุณออกแบบมาเลย แม้ว่าจะเป็นงานเหล็กที่ซับซ้อนกว่านี้สิบเท่า เราก็สามารถสร้างมันขึ้นมาให้คุณได้”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “งั้นก็ดี ตราบใดที่คุณทำมันได้ดี คุณก็สามารถมาทำงานกับฉันและเพลิดเพลินไปกับการนับเงินจนมือของคุณเป็นตะคริวได้เลย”
คำพูดเหล่านี้สร้างความตื่นตระหนกให้พวกเขาอย่างยิ่ง จนทุกคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการกิน ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“เถ้าแก่เจียง คุณพูดจริงเหรอ ? ”
“เถ้าแก่เจียง ถ้าฉันทำงานกับคุณ เงินเดือนของฉันจะสูงกว่าที่ทำในโรงงานของรัฐไหม ? ”
“เถ้าแก่เจียง ฉันขอทำงานกับคุณไปนาน ๆ ได้ไหม ? ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ร่วมงานกับฉัน ยิ่งคุณทำงานมากเท่าไรก็ยิ่งดีและยิ่งได้รับเงินเดือนมากเท่านั้น คุณจะได้เงินเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกคุณเอง”
“ส่วนคุณจะสามารถทำงานกับฉันได้นานหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ หากคุณมีความสามารถ คุณก็สามารถทำงานกับฉันได้จนกว่าคุณอยากจะออกเอง”
“ทำงานกับฉัน บางทีพวกคุณอาจจะทำเงินได้สองถึงสามร้อยหยวนต่อเดือน ! ”
สำหรับคนงานเหล่านี้ เขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระมากมาย แค่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา
นี่ถือเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมาก
เขาสามารถทานอาหารร่วมกับผู้อื่นในโรงแรมระดับสูงได้ สามารถดื่มชาในห้องชาที่หรูหรา และยังสามารถนั่งทานข้าวกับคนงานธรรมดาได้ แบบนี้เขาเรียกว่าอยู่เป็น
การจะเข้ากับคนได้หลากหลายต้องใช้วิธีที่แตกต่างกัน
คนที่เหมือนกันจะอยู่ในแวดวงเดียวกันเสมอ และไม่มีวันออกไปไหน
เมื่อช่างตีเหล็กได้ยินว่าพวกเขาสามารถสร้างรายได้หลายร้อยหยวนต่อเดือน ก็ไม่มีใครสงสัยว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังคุยโม้โอ้อวดอยู่ สาเหตุหลักก็มาจากที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เจียงเสี่ยวไป๋ได้แจกเงินให้ทันที ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจมาก
คนไม่มีเงินจะใจกว้างขนาดนี้ได้อย่างไร ?
พวกเขาแต่ละคนเริ่มมีเป้าหมายเล็ก ๆ และมุ่งมั่นที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายจากเจียงเสี่ยวไป๋อย่างเต็มที่ เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ไปนาน ๆ และมีรายได้ 200-300 หยวนต่อเดือน
ทุกคนกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วและรีบไปทำงานโดยไม่ได้เร่งรีบอะไร
หวังเอ้อฉุยเดินไปหาเจียงเสี่ยวไป๋และพูดว่า “เถ้าแก่เจียง ฉันคิดว่าแบบที่คุณวาดขึ้นมานั้น หากว่าโครงภายนอกทั้งหมดทำจากเหล็ก มันจะหนักเกินไปไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “มันจะหนักนิดหน่อย ดังนั้นความหนาของแผ่นเหล็กคุณจะต้องทำออกมาให้พอดี”
หวังเอ้อฉุยกล่าวว่า “ได้ ฉันจะลดความหนาในส่วนอื่น ๆ ลงยกเว้นโครงสร้างรองรับ ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักได้บางส่วนและประหยัดต้นทุนด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เรื่องพวกนี้อันไหนดีอันไหนไม่ดี คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเอง สุดท้ายมันก็เป็นแค่ตัวอย่าง ดังนั้นเราต้องลองสร้างมันขึ้นมาก่อน”
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ! ” หวังเอ้อฉุยพูดแล้วออกไปพร้อมกับแบบ
ในช่วงบ่าย หลังจากที่ช่างตีเหล็กหล่อแบบเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มทุบเหล็กเสียงดัง แกร๊ง ๆ ๆ เสียงที่ดังกึกก้องทำให้เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย
เขาไม่ชอบเสียงเลื่อยและเสียงตีเหล็ก ซึ่งมันแสบหูและกัดกร่อนประสาททำให้ใจของเขาสั่น และรู้สึกไม่สบายใจ
เขาจึงไม่สามารถอยู่ในนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนขึ้นและเดินออกมาจากเวิร์กช๊อป
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ซึ่งห่างไกลจากผู้คน บนถนนจึงไม่ค่อยมีคนมาเดินมากนัก นอกจากนี้อากาศที่หนาวเย็นและมีลมแรงทำให้ผู้คนไม่กล้าออกไปข้างนอก เขาจึงเป็นคนเดียวที่เดินสัญจรบนถนนในเมือง
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปได้สักพัก และคิดว่าคนงานคงใช้เวลาตีเหล็กอีกนาน ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ถนนถู่ซือ
ไม่ถึงสิบนาที เขาก็เดินมาถึงหน้าแผงขายเกาลัดคั่วของหลี่เกินและภรรยาของเขา
“พี่ ทำไมวันนี้ถึงมาขายที่นี่ ? ”
หลี่เกินมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่เห็นรถจี๊ปหรือเจียงชาน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “วันนี้ผมมาทำงานแถวทางตะวันออกของเมือง จึงออกมาเดินเล่นและมาถึงแผงขายของของพี่”
หลี่เกินกล่าวว่า “วันนี้อากาศหนาวมาก ถ้าคุณทำงานเสร็จก็รีบกลับนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปรอบ ๆ และเห็นคนเดินถนนเพียงไม่กี่คนจึงถามว่า “วันนี้ขายดีบ้างหรือเปล่าครับ ? ”
“ก็พอได้อยู่บ้าง ! ”
หลี่เกินไม่ได้บอกความจริง เพราะจริง ๆ แล้ววันนี้แย่มาก มีลูกค้ามาซื้อเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋เดาได้จากรอยยิ้มอันขมขื่นของหลี่เกิน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะถามอีกต่อไป และพูดว่า “มีคนไม่กี่คนที่ออกมาข้างนอกในฤดูหนาวแบบนี้ ดังนั้นการขายแบบนี้จึงไม่ใช่หนทางที่ดี”
หลี่เกินกล่าวว่า “ออกมาแบบนี้ก็ดีกว่าอยู่ที่บ้านไม่มีอะไรทำ นอนจากอยู่หน้าเตาไฟเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นไปวัน ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาเข้าใจสิ่งที่หลี่เกินพูด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “งั้นเอางี้ดีไหมครับ พรุ่งนี้พี่และพี่สะใภ้ไม่จำเป็นต้องออกมาตั้งแผงขายของข้างนอก คั่วเกาลัดอยู่ที่บ้านก็ได้เงินแล้ว”
เมื่อหลัวซิ่วหลีได้ยินคำนี้ก็รีบพูดว่า “ถ้าคุณไม่ให้เราออกมาขายเกาลัด หลังจากที่มันคั่วแล้ว มันจะคงอยู่ได้ไม่กี่วัน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมจะโทรไปบอกโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกให้ส่งถุงพลาสติกมาจำนวนหนึ่ง หลังจากที่พวกคุณคั่วเกาลัดที่บ้านเสร็จ เมื่อเย็นลงแล้วให้บรรจุลงในถุงที่ผมส่งไป จากนั้นทุก ๆ สองถึงสามวันผมจะให้คนมารับ”