ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 598 : หวังเอ้อฉุยเป็นคนมีพรสวรรค์
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 598 : หวังเอ้อฉุยเป็นคนมีพรสวรรค์
ตอนที่ 598 : หวังเอ้อฉุยเป็นคนมีพรสวรรค์
หลี่เกินตกตะลึง “จะทำแบบนี้ได้จริงเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หลังจากที่เราซีลปิดปากถุงแล้ว เกาลัดจะไม่เสียง่าย แต่การซีลปิดปากถุงอาจจะยากลำบากหน่อย”
หลัวซิ่วลี่กล่าวว่า “การซีลปากถุงนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร แค่จุดตะเกียงน้ำมันก๊าด เอาสันมีดลนไฟ พับปากถุง แล้วกดสันมีดที่ร้อน ๆ ลงไป”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า โรงงานเมล็ดแตงโมห้ารสก็ใช้วิธีการซีลแบบนี้ในตอนแรก แต่ต่อมาก็ใช้เครื่องซีลที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าการซื้อเครื่องซีลสำหรับหลี่เกินในตอนนี้ดูจะได้ไม่คุ้มเสียสักเท่าไหร่ ต้องทำเท่าที่ไหวก่อน แล้วค่อยพิจารณาซื้อเครื่องซีลในภายหลังตอนสร้างโรงงานเกาลัดคั่วเสร็จแล้ว
พวกเขาทั้งสามคุยกันที่หน้าแผงสักพัก ก่อนจะตกลงกันได้
ทว่าหลี่เกินกลับกังวลขึ้นมา “แล้วถ้าเกาลัดคั่วขายไม่ออก มันจะไม่ค้างอยู่ในสต๊อกของคุณเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดในโลกนี้ที่ไม่สามารถขายได้ มีเพียงคนที่ไม่สามารถขายสินค้าได้เท่านั้น”
หลัวซิ่วลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเจียง คุณชอบสอนหลักการเราอยู่เสมอ แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความมั่นใจของคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “เกาลัดที่พวกพี่คั่วรสชาติอร่อย ผมมั่นใจว่าต้องขายได้” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็โบกมือแล้วพูดต่อ “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยครับ ถึงอย่างไรผมก็จะขายเกาลัดคั่วให้ได้ วันนี้ก็รีบกลับบ้านเร็ว ๆ นะครับ”
หลี่เกินลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเหลือบมองหลัวซิ่วลี่แล้วเห็นเธอพยักหน้า เขาจึงเห็นด้วย “เอาล่ะ ฉันจะเชื่อคุณ เรากลับไปก่อนเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “หลังจากได้ถุงบรรจุภัณฑ์แล้ว ผมจะส่งไปที่บ้านของพี่”
ขณะที่หลัวซิ่วลี่ฟังเจียงเสี่ยวไป๋พูด เธอก็เก็บเกาลัดใส่ถุงใหญ่ยื่นให้เจียงเสี่ยวไป๋ “เอานี่กลับไปให้ชานชานกินนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังต้องไปที่เวิร์คช็อปอยู่ ที่นั่นมีคนอยู่มากมาย ถือไปแบบนี้ไม่ดีแน่”
เมื่อหลัวซิ่วลี่ได้ยินที่เขาพูด เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอม
ในไม่ช้า ทั้งคู่ก็เก็บแผงขายของ บอกลาเจียงเสี่ยวไป๋ และเข็นเกวียนกลับบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋เฝ้าดูคนทั้งสองลับตาไป ก่อนที่จะเดินกลับไปยังเวิร์คช็อปอีกครั้ง
เมื่อเข้าใกล้เวิร์กช็อป เสียง “ติ๊ง ติ๊ง เคร้ง เคร้ง” ยังคงดังไม่หยุดหย่อน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้แต่ถอนหายใจและอดทนต่อความรู้สึกอึดอัดจากเสียงเพื่อเดินเข้าไปข้างใน
“เถ้าแก่เจียง คุณไปไหนมา ? ผมตามหาคุณทุกที่เลย ! ”
ทันทีที่เขาเข้าไปในเวิร์คช็อป กงเจิ้นเย่ก็พูดด้วยท่าทางร้อนใจ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ช่างกง คุณมีอะไรหรือ ? ”
ใบหน้าของกงเจิ้นเย่ดูตื่นเต้น เขาพูดเสียงดังว่า “เช้านี้ฉันลองทำแกนเตาเผาตามวิธีของคุณ พอเสร็จฉันจึงลองเผาถ่านหินดู ลองเดาดูสิว่ามันเป็นอย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ก็คิดว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรเสียอีก เป็นเพียงการทดสอบผลลัพธ์ของแกนเตาหลอมงั้นเหรอ ?
เอาของล้ำสมัยของคนรุ่นหลังมาใช้ในยุคนี้ ยังต้องพูดถึงผลลัพธ์ของมันอีกหรือ ?
อย่างไรก็ตาม เขามีความสุขมากที่กงเจิ้นเย่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในภายหลัง เขาจึงยิ้มและพูดว่า “ผมเดาว่าด้วยฝีมือของช่างกง ผลลัพธ์จะต้องออกมาดีแน่นอน ! ”
กงเจิ้นเย่ได้ยินคำนี้ก็ดูมีความสุขอย่างมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่เจียงอย่าพูดอย่างนั้น มันเป็นผลงานการออกแบบของคุณ ฉันก็แค่ทำมันตามแบบ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ตบไหล่เขาและชมเขาอีกสองสามคำ จนทำให้ตอนนี้กงเจิ้นเย่ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู เขารู้สึกว่าการทำงานร่วมกับเจียงเสี่ยวไป๋นั้นสบายใจมาก
ซึ่งปกติแล้วคนเป็นเจ้านายชอบให้ลูกน้องยกย่อง ให้เกียรติ และเยินยอสรรเสริญตนเอง แต่เจียงเสี่ยวไป๋แตกต่างออกไป เขาไม่ลังเลที่จะกล่าวยกย่องคนที่ทำงานร่วมกับเขาทุกคนโดยไม่สนว่าจะเป็นเพียงลูกจ้าง
หากคุณสามารถทำให้พวกเขามีความสุขได้ ก็พยายามทำให้พวกเขามีความสุข
เขาไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
แต่เขาก็รู้ว่าลึก ๆ แล้วคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ต้องการคำเยินยอเหล่านั้นทุกคน
สิ่งเหล่านี้สามารถเติมเต็มความว่างเปล่าในใจของผู้คน และทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความสำเร็จ
กงเจิ้นเย่มีความสุขอยู่พักหนึ่ง จากนั้นไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถามว่า “หวังเอ้อฉุยเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
กงเจิ้นเย่กล่าวว่า “พวกเขาอาจจะช้ากว่าเรา ซึ่งคาดว่าเย็นนี้คงทำไม่เสร็จ แต่เอ้อฉุยบอกว่า ต่อให้ต้องทำงานล่วงเวลา คืนนี้ก็จะทำให้งานเสร็จทัน”
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้งเล็กน้อยและพูดว่า “ไปเรียกเอ้อฉุยมาให้ฉันที ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”
“ได้ ! ”
กงเจิ้นเย่รับคำสั่งและรีบออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและเดินตรงเข้าไปในห้องหลุมไฟ เขาออกไปข้างนอกนานมากจนมือของเขาแทบจะแข็ง
เขาวางมือลงบนเตาสักพัก ก่อนที่จะรู้สึกดีขึ้น
ในเวลานี้ หวังเอ้อฉุยและกงเจิ้นเย่ก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกัน
“เถ้าแก่เจียง คุณเรียกผมมามีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและโบกมือให้เขานั่งลง
หวังเอ้อฉุยและกงเจิ้นเย่ต่างก็ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงข้างเตาถ่าน
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้ทั้งสองคน แล้วถามว่า “เกิดปัญหาอะไรในการทำโต๊ะผิงไฟไหม ? ”
หวังเอ้อฉุยส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร เราจะรู้ก็ต่อเมื่อลองประกอบมันดู”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า จากนั้นก็ถามคำถามเจาะลึกบางอย่างกับเขา ทว่าหวังเอ้อฉุยกลับสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
ดังที่กงเจิ้นเย่กล่าว หวังเอ้อฉุยตัดสินใจทำงานล่วงเวลาเพื่อสร้างโต๊ะผิงไฟตัวอย่างนี้ให้เสร็จ
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋พอใจมากและถามว่า “แล้วคุณคุยกับคนงานคนอื่นเรื่องทำงานล่วงเวลาว่าอย่างไร ? ”
หวังเอ้อฉุยกล่าวว่า “เรื่องนี้รองนายอำเภอหม่าจัดการให้แล้วครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำนี้ หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามคำ เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายไปทำงานต่อ
เสียงตีเหล็กดังจนทนไม่ไหว เขาดูนาฬิกา และเห็นว่ามันเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว คิดว่าถึงเวลาแล้วที่หลัวฉางเซิงและคนอื่นจะต้องมารับเขา
“ปี๊บ ปี๊บ ! ”
ทันทีที่ความคิดนี้สิ้นสุดลง เสียงแตรก็ดังขึ้นจากข้างนอก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ในที่สุดก็มาถึง เขารีบหยิบกระเป๋าถือของเขา แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขึ้นรถ
เสี่ยวหลิวยังคงขับรถอยู่ หลัวฉางเซิง หยินซื่อ และหม่าหลี่ต่างนั่งอยู่ในรถทั้งหมด
หลัวฉางเซิงถามด้วยความกังวลว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ? งานราบรื่นดีไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก็ไม่เลวครับ หวังเอ้อฉุยเป็นคนที่ฉลาด และมีความสามารถในการทำงาน แต่เพราะเพิ่งทำงานกันวันแรก จึงต้องเตรียมการใหม่ทุกอย่าง บวกกับยังประสานงานกันได้ไม่ดีพอ ผมเดาว่าจะได้เห็นงานสำเร็จวันพรุ่งนี้”
หลัวฉางเซิงพอใจกับสิ่งนี้มาก เขาพูดด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมมาก ในที่สุดถู่เฉิงก็มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งออกได้แล้ว”
หม่าหลี่ยังกล่าวอีกว่า “ใช่แล้ว ฉันตั้งตารอมันมาก ! ”
หยินซื่อกล่าวว่า “ไม่ต้องตั้งตารอไปหรอก พรุ่งนี้เราก็จะได้เห็นมันแล้ว ไปดื่มที่บ้านของคุณก่อน ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองให้กับโครงการนี้ด้วย”
“ดี ! ”
หม่าหลี่ตอบตกลงทันที
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างเร่งรีบ “ยังไม่ใช่ตอนนี้ เราต้องกลับไปที่ออฟฟิศก่อน ผมมีเรื่องต้องใช้โทรศัพท์ด่วน”
หม่าหลี่ยิ้ม “ที่บ้านของฉันก็มีโทรศัพท์ ทำไมต้องกลับไปที่ออฟฟิศด้วย”
เขาพูดกับคนขับเสี่ยวหลิวโดยตรงว่า “ขับไปบ้านฉันเลย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ใช่แล้ว หม่าหลี่ก็เป็นรองนายอำเภอ ฉะนั้นที่บ้านของเขาจะต้องมีโทรศัพท์บ้าน