ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 611 : ความเจ้าเล่ห์ของหนูน้อย
เกือบห้าโมงเช้าแล้วเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ออกจากเกสต์เฮาส์ชิงเจียง
“เรากลับบ้านกันเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูด โดยไม่ได้วางแผนที่จะไปที่สำนักงานโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส
“ค่ะ ! ” เจียงชานเห็นด้วยอย่างมีความสุขและพูดว่า “หนูสงสัยว่าโต๊ะหลุมไฟถูกส่งไปถึงบ้านของเราหรือยังคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เราจะรู้เมื่อเรากลับถึงบ้าน”
“ใช่แล้วค่ะ ! ”
เจียงชานพยักหน้าซ้ำ ๆ แม้ว่าชิงโจวจะไม่หนาวเท่าถู่เฉิง แต่ฤดูกาลนี้ก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ เธอคุ้นเคยกับการผิงไฟในถู่เฉิงทุกวัน หลังจากกลับมาที่ชิงโจว เธอยังคงคิดถึงความรู้สึกนั่งผิงไฟอยู่
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจความรู้สึกนี้
ที่จริงแล้วการอุ่นร่างกายไม่ใช่จุดประสงค์เดียวของการก่อไฟในช่วงฤดูหนาว การรวมตัวรอบกองไฟยังเป็นโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้นั่งพูดคุยกันอีกด้วย
การจุดไฟเป็นการสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา
เพราะการนั่งผิงไฟคนเดียว แม้จะมีความอบอุ่นจากเปลวไฟ แต่ก็ยังสามารถสัมผัสบรรยากาศที่ค่อนข้างเหงาและหนาวเย็นได้
ถนนจากชิงโจวไปยังเจียงวานยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่งผลให้การจราจรติดขัดในบางพื้นที่ ระหว่างทางต้องแวะจอดหลายจุด
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าระหว่างทางกลับบ้าน เขารู้อยู่แล้วว่าโต๊ะหลุมไฟนำมาส่งถึงบ้านแล้ว
เศษถ่านหินที่ทิ้งไว้ตามทางบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
ทันทีที่เขาเข้ามาในบ้าน เขาก็ได้ยินเจียงไห่หยางพูดว่า “ก่อนหน้านี้มีคนชื่อหยางเสี่ยวหัวมา เขาขนกล่องใหญ่สามกล่องและถ่านหินจำนวนหนึ่งมา โดยบอกว่าลูกเป็นคนจัดเตรียมมันเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ ผมให้เขาขนสิ่งนี้จากถู่เฉิงมาที่นี่”
สีหน้าของเจียงไห่หยางเปลี่ยนไป “ในกล่องนั้นคือโต๊ะหลุมไฟที่ลูกพูดถึงหรือเปล่า ? ”
เนื่องจากลูกชายยังไม่กลับมา เจียงไห่หยางจึงไม่ได้แกะกล่อง ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในห้องเดียว ส่วนถ่านหินกองอยู่ในห้องเอนกประสงค์
ในบ้านมีหลายห้อง จึงไม่ส่งผลกระทบอะไร
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นกระเป๋าถือให้หลินเจียอิน แล้วพูดว่า “มันคือโต๊ะหลุมไฟ อยู่ในห้องไหนครับ ผมจะไปแกะมันและติดตั้ง ตอนนี้เราสามารถใช้มันให้ความอบอุ่นร่างกายได้แล้ว”
เจียงไห่หยางพาเขาไปที่นั่นทันที
หลังจากได้ยินเจียงชานบอกว่าโต๊ะหลุมไฟดีแค่ไหน หวังซิ่วจวี๋และเจียงถิงก็วิ่งไปดูมันด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม
เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงไห่หยางใช้ค้อนแกะกล่อง พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการแกะหนึ่งกล่อง ภายในกล่องไม้ไม่เพียงแต่มีโต๊ะหลุมไฟเท่านั้น แต่ยังมีท่อปล่องไฟและท่อโค้งอีกด้วย
“นี่คือโต๊ะหลุมไฟหรอ มันคือโต๊ะจริงด้วย”
เจียงไห่หยางมองดูมันแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ เขาลองยกมันด้วยมือของเขา มันค่อนข้างหนักอยู่พอสมควร
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลองวางอันหนึ่งไว้ในห้องนั่งเล่น อันหนึ่งในห้องอ่านหนังสือ และอีกอันในห้องทานอาหาร มันสะดวกตอนเราจะกินอาหารในฤดูหนาว”
เจียงไห่หยางไม่คัดค้าน พ่อและลูกชายจึงทำงานต่อไป ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที พวกเขาก็แกะกล่องไม้สองลังที่เหลือออก
หลังจากวางโต๊ะหลุมไฟทั้งสามตัวในตำแหน่งที่กำหนดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มติดตั้งปล่องไฟ หลังจากช่วงที่ยุ่งวุ่นวาย โต๊ะหลุมไฟทั้งสามโต๊ะก็ถูกตั้งขึ้น และตอนนี้ก็เลยเวลาหนึ่งทุ่มไปแล้ว
“เราลองจุดไฟดูไหม ? ” เจียงไห่หยางกล่าวอย่างคาดหวัง
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “มาทดลองจุดตัวที่อยู่ในห้องนั่งเล่นกันดีกว่า อีกเดี๋ยวเราจะทานอาหารและดูทีวีในห้องนั่งเล่นได้”
“ได้ ! ลูกไปอาบน้ำซะ พ่อจะจุดไฟเอง แม่ของลูกคงเตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว” เจียงไห่หยางพูดด้วยรอยยิ้มร่าเริง
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ออกมาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไฟที่โต๊ะหลุมไฟก็ลุกโชนแล้ว ตอนนี้มีหม้อไฟและอาหารหลายจานวางอยู่บนโต๊ะ
“เจ้ารอง โต๊ะหลุมไฟนี้สะดวกมากจริง ๆ ”
เจียงไห่หยางพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเห็นเขาเดินมา
หลินเจียอินยังกล่าวอีกว่า “ถูกต้อง ช่วงนี้ฉันนั่งแทบไม่ได้เลย เท้าเย็นไปหมด ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เราจะได้ผิงไฟให้ความอบอุ่นร่างกาย”
ระหว่างพูดคุยกัน ทั้งครอบครัวก็เริ่มรับประทานอาหาร
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม เพื่อนคนหนึ่งในถู่เฉิงให้เนื้อสุนัขตากแห้งมาและมันยังอยู่ในรถ อีกเดี๋ยวผมจะไปเอามันมา พรุ่งนี้……โอ้ ไม่สิ วันมะรืนนี้เราจะย่างกินกัน”
เขาคิดจะเชิญจางหงเซี่ยมาทานอาหารเย็นในบ่ายวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูด
เจียงชานกล่าวว่า “ป่าป๊า ไม่ใช่แค่เนื้อสุนัขตากแห้งเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงเนื้อหมูตากแห้งที่ป้าหลัวมอบให้ด้วย”
“ลูกเอาแต่นึกถึงป้าหลัวของลูกตลอดเลยนะ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ใช่ ยังมีตีนหมูหนึ่งชิ้น เนื้อหมูตากแห้งและไส้กรอกอีกจำนวนหนึ่งด้วย”
หวังซิ่วจวี๋ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีในถู่เฉิง มีคนให้เนื้อลูกมาหลายชิ้นเชียว”
เจียงชานรีบชี้แจงอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ เนื้อสุนัขตากแห้งได้มาจากลุงหยิน และหมูตากแห้งทั้งหมดมาจากป้าหลัวค่ะ”
หลินเจียอินมองไปที่ลูกสาวของเธอ แล้วถามว่า “ชานชาน ใครคือป้าหลัว ? ทำไมลูกถึงสนิทกับเธอขนาดนี้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่าภรรยาของเขาคงคิดมากอีกแล้ว !
ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย เขาก็ได้ยินเจียงชานพูดว่า “ป้าหลัวและลุงหลี่เกินขายเกาลัดคั่ว พ่อเห็นว่าเกาลัดคั่วของพวกเขาอร่อยมาก ดังนั้นจึงร่วมมือกับพวกเขาเพื่อเปิดโรงงานเกาลัดคั่วค่ะ …”
ขณะที่เขาพูด เธอก็ขยิบตาให้เจียงเสี่ยวไป๋อย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับจะสื่อข้อความว่าเธอไม่ได้บอกว่าเธอรู้จักป้าหลัวได้อย่างไร
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและแอบยกนิ้วให้เธอ
หลินเจียอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาวของเธอ เมื่อกี้เธอคิดมากไปเพราะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นตกหลุมรักสามีของเธอ !
ที่แท้พวกเขาเป็นคู่ค้ากัน !
งั้นก็ไม่เป็นไร !
เจียงไห่หยางกล่าวว่า “ลูกรอง ครอบครัวหลี่เกินฆ่าหมูได้กี่ตัวกัน เขาถึงให้หมูตากแห้งลูกมามากขนาดนี้ ? ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย พวกเขาฆ่าหมูเพียงตัวเดียว และพวกเขาก็ให้เนื้อแก่เขาประมาณหนึ่งในสี่
เขาตอบตามความเป็นจริงว่า “พวกเขาฆ่าหมูเพียงตัวเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงไห่หยางก็พูดทันทีว่า “เป็นไปได้อย่างไร ? พวกเขาให้ลูกมากมายขนาดนี้ แล้วพวกเขาจะกินอะไร ? ”
“อีกไม่กี่วันเราจะฆ่าหมูไว้กินช่วงปีใหม่ ลูกควรส่งกลับไปให้พวกเขา ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่จำเป็นครับ มันลำบากที่จะต้องส่งไปส่งมา พวกเขาร่วมมือกับผมทำโรงงานเกาลัดคั่ว ถ้าพวกเขาทำเงินได้ พวกเขาก็สามารถซื้อเนื้อสดได้ถ้าเนื้อตากแห้งหมด ถ้าผมต้องส่งบางอย่างไป ผมจะส่งอย่างอื่นไปแทน”
เจียงไห่หยางพยักหน้า เขาเข้าใจเหตุผลและไม่ได้พูดอะไรอีก
เจียงชานถามว่า “คุณปู่คะ ปีนี้เราจะฆ่าหมูไว้กินช่วงปีใหม่กี่ตัวคะ ? ”
เจียงไห่หยางยิ้ม แล้วพูดว่า “ปีนี้เรายังไม่ได้ขายหมูเลย ในคอกยังมีหมูหกตัว หมูอ้วนตัวใหญ่ทั้งหมด”
เจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งรู้ในขณะนี้ว่าพวกเขาเลี้ยงหมูหกตัวจริง ๆ เขาพูดว่า “เอาล่ะ งั้นก็เชือดมันทั้งหมดนั่นแหละ ! ”
เจียงไห่หยางพยักหน้า “ใช่ ทั้งหมดนั้นเลย ! ”
ในเจียงวาน ไม่มีครอบครัวไหนที่เชือดหมูไว้กินปีใหม่มากถึงหกตัวเลย !
เกรงว่าหลังจากเชิญคนขายเนื้อมาเชือดหมูแล้ว ข่าวการเชือดหมูปีใหม่ที่บ้าน 6 ตัวก็จะแพร่สะพัดไปทั่วหมูบ้านอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ หมูที่ไว้กินช่วงปีใหม่ปีนี้ไม่ได้มีเพียงจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังมีขนาดใหญ่อีกด้วย
เขาประเมินว่าตัวใหญ่น่าจะมีน้ำหนักประมาณ 85-90 กิโลกรัม
แม้จะเป็นตัวเล็กก็จะได้เนื้อประมาณ 70-75 กิโลกรัม ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน
ซึ่งประเพณีเชือดหมูปีใหม่ของทุกปีมักจะมีการแข่งขันกันว่าหมูตัวไหนตัวใหญ่ที่สุด
นั่นก็เป็นความภาคภูมิใจรูปแบบหนึ่ง