ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 62 :ให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต
ตอนที่ 62 :ให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต
ต่อให้ซื้อฟักเขียวตุ๋นน้ำแดง ก็สามารถแถมผัดมันฝรั่งให้ฟรี
ซื้อฟักเขียวสไลด์ตุ๋นแบบหมูสามชั้นก็รับ “ผัดมันฝรั่ง” ฟรีเช่นกัน
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณถนนชิงโจวอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า แม้แต่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่อยู่ใกล้กับสถานีขนส่งผู้โดยสารก็ยังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
ในทางกลับกัน ร้านขายผัดมันฝรั่งของหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงไม่ได้รับความสนใจมากนัก พวกเขาขายได้ไม่กี่ชามตลอดช่วงเช้า
“เราควรทำอย่างไรดี ? ”
จูเยี่ยนผิงเริ่มโวยวาย “ซือกั๋ว ปกติคุณเป็นคนมีไหวพริบ คุณรีบคิดหาทางออกเร็วเข้า ! ”
หลิวซือกั๋วเองก็กังวลเช่นกัน เขาพูดว่า “ฉันจะทำอะไรได้ พวกเขาขายในราคาที่ถูกกว่าเรามาก เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกค้าจะแห่กันไปซื้อร้านของพวกเขา”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ลดราคาขายชามละ 2 เหมาบ้างล่ะ” จูเยี่ยนผิงพูดขึ้น
แค่ก ๆ !
หลิวซือกั๋วแทบจะสำลักเมื่อได้ยินคำแนะนำนี้
“เรารับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาชั่งละ 4.5 และมันฝรั่งลูกเล็ก 1 ชั่งทำผัดมันฝรั่งได้ 2 ชาม หากเธอขายชามละ 2 เหมา นั่นหมายความว่าเราต้องขาดทุนน่ะสิ ! ”
อ่า ?
มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ?
จูเยี่ยนผิงแทบจะเป็นลม
เจิ้งต้าเป่าเป็นคนดูแลธุรกิจยังอยู่นิ่งไม่ได้เช่นกัน ตลอดทั้งวันเขาเอาแต่ด่าว่าหลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิง โดยบอกให้พวกเขาตะโกนเรียกลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นที่พอใจนัก พวกเขาสามารถขายได้แค่หนึ่งหรือสองชามเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ธุรกิจก็เป็นแบบนี้ บทจะขายดีก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
บทจะเงียบก็เงียบกริบเป็นเป่าสาก
ในตอนบ่าย เมื่อเห็นว่าไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย เจิ้งต้าเป่าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเก็บร้าน
หลังจากนับรวมเงินแล้ว วันนี้พวกเขาขายได้เพียง 47 หยวนเท่านั้น
ด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยที่ได้รับมานี้ เจิ้งต้าเป่าย่อมไม่หักส่วนแบ่งให้หลิวซือกั๋วอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง 200 หยวนที่เขารับปากไว้เมื่อคืนนี้เลย
ทั้งคู่พาหลิวซือหมิงกลับบ้าน โดยถกเถียงกันไม่หยุดหย่อนตลอดทาง
“เราควรทำอย่างไรดี ? ฉันเกรงว่าธุรกิจผัดมันฝรั่งจะไปไม่รอดแล้ว”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เจียงเสี่ยวไป๋เจ้าเล่ห์มาก เขารู้ว่าเราซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาที่สูง ดังนั้นเขาจึงขายผัดมันฝรั่งแบบหนึ่งแถมหนึ่ง”
“เมื่อวานมันฝรั่งลูกเล็กของเขาหมดไปแล้วไม่ใช่หรือ ? ทำไมวันนี้เขาถึงได้มีมันฝรั่งมาขายอีกล่ะ ? ”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ลูกพี่เฉินกว้านซื้อมันฝรั่งลูกเล็กจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาหมดแล้ว แล้วเขาเอามันฝรั่งลูกเล็กพวกนี้มาจากไหน ? ”
ทั้งคู่เต็มไปด้วยความสับสน
“ชิงโจวกว้างใหญ่มาก ไม่ได้มีแค่ไม่กี่หมู่บ้านเสียหน่อย”
หลิวซือหมิงตามมาข้างหลัง เขาหัวเราะอย่างโง่เขลาและพูดแทรกขึ้น
”ให้ตายเถอะ บางทีเราอาจถูกเจียงเสี่ยวไป๋หลอกก็ได้”
จู่ ๆ หลิวซือกั๋วก็หยุดเดิน เขาตบหน้าผากตัวเองและอุทานเสียงดัง
เขาค่อนข้างฉลาดอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย เขาก็ได้สติขชทันทีราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
ดวงตาของนักเลงเฉินมืดบอด เพราะเงินหลายร้อยถึงหลายพันหยวนที่เขาได้รับทุกวัน เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋รับซื้อมันฝรั่งในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม เขาจึงคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋พยายามที่จะหยุดไม่ให้เขาฉกฉวยธุรกิจของตัวเองที่กำลังรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้นักเลงเฉินจึงคิดจะตลบหลังเจียงเสี่ยวไป๋ โดยรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในหมู่บ้านใกล้เคียงด้วยราคาที่สูงกว่าเจียงเสี่ยวไป๋
โดยไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋เพียงแค่หลอกเขาเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋หลอกให้นักเลงเฉินกว้านซื้อมันฝรั่งลูกเล็กที่หมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่ตัวเขาเองไปรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กจากหมู่บ้านอื่น
เมื่อหลิวซือกั๋วอธิบายเรื่องนี้ให้กับจูเยี่ยนผิงฟัง เธอดูจะตกใจอย่างมาก
“ซือกั๋ว แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ? ”
เธอแข้งขาอ่อนแรง ถามขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
หลิวซือกั๋วถอนหายใจและพูดว่า “เงินลงทุนทั้งหมดมาจากนักเลงเฉิน ดังนั้นเขาคงไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน มาดูกันว่าเขาจะทำยังไงต่อไป”
จูเยี่ยนผิงไม่ชอบใจคำพูดนี้ จึงโต้ตอบไปว่า “ใครบอกว่าเงินทั้งหมดมาจากนักเลงเฉิน ยังมีเงินของเรา 200 หยวนอยู่ในนั้นด้วย”
หลิวซือกั๋วได้ยินแบบนั้นก็เริ่มหงุดหงิด “เธอยังคิดถึงเงิน 200 หยวนนั้นอยู่หรือ ถ้านักเลงเฉินไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เขาอาจมาทำให้เราเดือดร้อนก็ได้”
“เขาจะมาทำให้เราเดือดร้อนทำไม ? เราไม่ได้เป็นคนบอกให้เขาเพิ่มราคารับซื้อเสียหน่อย” จูเยี่ยนผิงโต้กลับอย่างดื้อรั้น แม้ว่าภายในใจของเธอจะรู้สึกกังวลอยู่เหมือนกัน
ท้ายที่สุด หลิวซือกั๋วเป็นคนที่ไปขอความร่วมมือจากนักเลงเฉินเกี่ยวกับธุรกิจขายผัดมันฝรั่ง
เรื่องนี้เริ่มจากหลิวซือกั๋ว หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ด้วยนิสัยของนักเลงเฉิน เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เอาเรื่องหลิวซือกั๋ว ซึ่งเขาจะต้องสร้างปัญหาให้หลิวซือกั๋วอย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้นคงยากที่จะบอกว่าหลิวซือกั๋วจะตาย หรือแขนขาหายไปอย่างละข้าง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จูเยี่ยนผิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง
“เจียงเสี่ยวไป๋ ไอ้สารเลว ! แกมันสร้างแต่ปัญหาให้กับเรา ! ”
“เจียงเสี่ยวไป๋ เรื่องระหว่างเรายังไม่จบลงง่าย ๆ แน่”
“เจียงเสี่ยวไป๋ มันจะต้องตายอย่างอนาถ”
“……”
หลิวซือกั๋วและหลิวซือหมิงต้องใช้ความพยายามในการดึงเธอขึ้นจากพื้น แต่ละคนจับแขนข้างหนึ่งของเธอ และลากเธอกลับบ้านที่เจียงวาน
ในขณะเดียวกัน เจิ้งต้าเป่าก็รีบกลับไปที่ถังซาน
“ต้าเป่า ทำไมวันนี้นายกลับมาเร็วจัง”
เมื่อเห็นเจิ้งต้าเป่ากลับมาเร็ว นักเลงเฉินก็ยืนขึ้นอย่างมีความสุขและเอ่ยถามอย่างเช่นทุกที
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เจิ้งต้าเป่ามีหน้าที่รวบรวมมันฝรั่งลูกเล็กจากหมู่บ้านต่าง ๆ และจัดการร้านในเมือง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีส่วนช่วยเหลือเขาอย่างมาก
“ลูกพี่ เรากำลังประสบปัญหา”
เจิ้งต้าเป่ากล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า
“นายว่าอะไรนะ ? ”
นักเลงเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อยจึงถามด้วยความประหลาดใจ
เจิ้งต้าเป่าเล่าเหตุการณ์ในวันนี้ให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว และในตอนท้าย เขายังพูดอีกด้วยว่า “ลูกพี่ จากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าธุรกิจขายผัดมันฝรั่งของเราอาจจะไปไม่รอดแล้ว”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? ”
นักเลงเฉินเองก็เริ่มตื่นตระหนกเช่นกัน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขายอมควักเงินเก็บก้อนเดียวในชีวิตของเขาเพื่อซื้อมันฝรั่งลูกเล็กมาเก็บไว้ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเข้าเมืองไปยืมเงิน 3,000 หยวนมาจากหม่าตงหลายผู้เป็นพี่เขยของเขาอีกด้วย
เขาทุ่มเงินมหาศาลไปกับการลงทุนในครั้งนี้
จู่ ๆ วันนี้เขากลับได้ยินว่าธุรกิจไปต่อไม่ได้ ซึ่งเกินกว่าที่เขาจะรับไหว
“ให้ตายเถอะ ฉันถูกไอ้เด็กเจียงเสี่ยวไป๋คนนั้นหลอก”
หลังจากนั้นไม่นาน นักเลงเฉินก็อุทานด้วยความตกใจและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวาย
แต่การที่เขาจะมายืนอยู่จุดนี้ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะโชคเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเขาสงบลง เขาก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
นี่เป็นหลุมพรางทางธุรกิจ ที่เมื่อธุรกิจกำลังรุ่งเรือง ผู้คนมักจะพลาดท่าตกลงไป
เจียงเสี่ยวไป๋ใช้ประโยชน์จากความโลภของมนุษย์ทำให้เขาตาบอด
ให้ตายเถอะเจียงเสี่ยวไป๋ เขาร้ายกาจมาก !
นักเลงเฉินรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังและถามอย่างเร่งรีบว่า “ตอนนี้เราซื้อมันฝรั่งลูกเล็กมาได้ทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว ? ”
“รวมกันแล้วมากกว่า 60,000 ชั่งครับลูกพี่”
เจิ้งต้าเป่าพูดต่ออีกว่า “ตอนนี้เราจ่ายเงินซื้อไปแล้วกว่า 40,000 ชั่ง ซึ่งเก็บสะสมไว้ที่บ้านของหลิวซือกั๋วและพี่น้องของเขา นอกจากนี้ยังมีอีกเกือบ 20,000 ชั่งจากครัวเรือนจาก 64 ครัวเรือน ซึ่งจ่ายเงินมัดจำให้พวกเขาไปบ้านละ 10 หยวน และตกลงที่จะชำระให้พวกเขาในอีก 2-3 วันนี้”
มากขนาดนี้เชียว !
นักเลงเฉินผู้ที่ไม่เคยกลัวสิ่งใด ตอนนี้พอได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเปลือกตากระตุก
รวมแล้วก็เกือบ 30,000 หยวนได้
หากธุรกิจผัดมันฝรั่งยังคงดีเหมือนเมื่อวาน พวกเขาจะสามารถคุ้มทุนได้ภายในหนึ่งเดือนและจะมีรายได้ถือเป็นสองเท่าภายในสองเดือน
แต่ตอนนี้กิจการไปต่อไม่ได้แล้ว
เงินนับหมื่นหยวนที่เขาสะสมมาหลายปีหายไปหมดแล้ว ไหนจะยังมีเงินที่เขายืมพี่เขยมาอีก 3,000 หยวน และเงินที่ค้างจ่ายอีก 64 ครัวเรือน รวมกันแล้ว คราวนี้เขาจะต้องแบกรับหนี้สินเกือบ 10,000 หยวน
หัวใจของนักเลงเฉินเจ็บปวดรวดร้าวราวกับจมดิ่งลงไปในหุบเขาน้ำแข็ง ดวงตาของเขาฉายแววโหดร้ายออกมา
แม้แต่เจิ้งต้าเป่าก็ยังรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทีของเขา เขารวบรวมความกล้าและถามว่า “ลูกพี่ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี ? ”
“ทำอย่างไรงั้นหรือ ? ”
นักเลงเฉินเค้นหัวเราะออกมา “เจียงเสี่ยวไป๋ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้ เขากล้าหลอกลวงทำให้ฉันล้มละลาย เขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต”