ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 64 :สองทางเลือก เลือกทางใดทางหนึ่ง
ตอนที่ 64 :สองทางเลือก เลือกทางใดทางหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นเพราะนักเลงเฉินคิดโลภเอง
บวกกับการวางแผนที่ชาญฉลาดของเจียงเสี่ยวไป๋ ทำให้นักเลงเฉินพูดไม่ออก
นักเลงเฉินจ้องมองที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความโกรธ ตอนนี้เขาอยากวิ่งเข้าไปฉีกเจียงเสี่ยวไป๋เป็นชิ้น ๆ เพื่อระบายความโกรธเสียเหลือเกิน
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพื่อมีเรื่องชกต่อย
……..
ย้อนกลับไปในตอนก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาได้เข้าไปในเมืองเพื่อพบกับพี่เขยของเขา หม่าตงหลาย
หม่าตงหลายเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจประจำถนนปาเจียวถิงในเมืองชิงโจว ในอดีต หม่าตงหลายเคยช่วยสะสางคดีอาชญากรรมที่นักเลงเฉินก่อขึ้น และเมื่อใดที่นักเลงเฉินประสบปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ได้ หม่าตงหลายก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย
คราวนี้เรื่องใหญ่เกินไป นักเลงเฉินจึงมาขอคำแนะนำจากหม่าตงหลาย
หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว หม่าตงหลายจึงถามว่า “นายวางแผนจะทำอย่างไรต่อ”
นักเลงเฉินพูดด้วยความโกรธว่า “ผมขอยืมปืนพี่หน่อย ผมจะยิงเขา ผมจะเจาะหัวเขาสักสองสามรู เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ”
หม่าตงหลายตบโต๊ะด้วยความโมโห
“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนนี้มีการปราบปรามอาชญากรรมอยู่ทุกที่ แล้วนายยังอยากใช้ปืนของฉันฆ่าคนอีกหรือ ? นายคงเบื่อการใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว แต่ฉันยังไม่เบื่อ”
ที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของนักเลงเฉินคือพี่เขยคนนี้ หลังจากถูกดุ เขาไม่กล้าตอบโต้ แต่ยังคงพูดว่า “พี่ลืมไปแล้วหรือว่าเงินของพี่ก็ลงทุนในธุรกิจนี้ 3,000 หยวน เราตกลงในตอนนั้นว่าพี่จะได้รับส่วนแบ่ง 40% แต่ตอนนี้ธุรกิจเดินต่อไปไม่ได้ มันฝรั่งลูกเล็กกองเป็นพะเนินเพราะขายไม่ออก เงินที่พี่ลงทุนไปก็จะสูญเปล่าไปด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หม่าตงหลายก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
เมื่อคืนนักเลงเฉินมาขอยืมเงิน และโอ้อวดพูดเกินจริง โดยบอกว่าสามารถทำเงินได้วันละเป็นพันหยวน แม้เขาจะไม่เชื่อว่านักเลงเฉินจะทำเงินได้วันละถึงหลักพันหยวน แต่ก็ไม่คิดว่าจะสูญเสียเงิน 3,000 หยวนไปภายในหนึ่งวันแบบนี้
หม่าตงหลายอุทานด้วยความโกรธ “นายคิดว่าการยิงใครสักคนด้วยปืนจะได้เงินคืนกลับมาหรือไง ? ”
ประโยคเดียวทำให้นักเลงเฉินพูดไม่ออก
ในท้ายที่สุด เป็นหม่าตงหลายที่พูดต่อ “สำหรับเรื่องนี้ นายต้องไปคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋ เกลี้ยกล่อมให้เขาซื้อมันฝรั่งลูกเล็กทั้งหมดจากนาย หรือโน้มน้าวให้เขาเลิกขายผัดมันฝรั่งไปเลย”
นักเลงเฉินรู้สึกหนักใจ เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้
เขาคาดเดาได้เลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
หม่าตงหลายกล่าวว่า “ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คุยกันไม่ได้”
“นายลองไปคุยกับเขา คุยแบบที่เป็นการผูกมิตรกันน่ะ”
“เพราะถึงแม้ว่าเขาจะซื้อมันฝรั่งลูกเล็กทั้งหมดจากนายในราคาชั่งละ 4.5 เหมา แล้วขายผัดมันฝรั่งในราคาของเขา เขาก็ยังทำกำไรได้ แต่อยู่ที่ว่าเขาจะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน”
“หรือนายสามารถขอให้เขาถอนตัวจากธุรกิจนี้ และให้นายทำธุรกิจผัดมันฝรั่งเพียงคนเดียว แล้วชดเชยเงินให้เขาไป 3,000 หยวน ด้วยวิธีนี้ เขาจะไม่เดือดร้อนและไม่ได้ขาดทุนอะไร”
นักเลงเฉินยังคงไม่ยอมและพูดว่า “ทำไมผมต้องชดเชยเงิน 3,000 หยวนให้เขาด้วย ผมไม่เอาด้วยหรอก”
หม่าตงหลายมองนักเลงเฉินด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว “ถ้านายไม่เสนอสิ่งจูงใจให้คนอื่น พวกเขาจะแบ่งปันผลประโยชน์กับนายได้ยังไง ? ”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นักเลงเฉินจึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาพูดว่า “แต่ถ้าเขายังไม่ยอมล่ะ?”
สีหน้าของหม่าตงหลายดูเหี้ยมขึ้น เขากัดฟันพูดว่า “ถ้าเขาไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับฉัน เขาก็เป็นศัตรู”
“และเพื่อจัดการกับศัตรู ฉันยังมีวิธีอีกมากมาย”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก นักเลงเฉินจึงกลับไปที่ถังซาน เขานำลูกน้องสิบกว่าคนไปที่เจียงวาน เพื่อเจรจากับเจียงเสี่ยวไป๋ถึงเรื่องนี้
……
“ฉันจะไม่พูดให้มากความ ถึงอย่างไรมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านายจงใจหลอกลวงฉัน นายต้องมีคำอธิบายให้ฉัน”
เมื่อนึกถึงคำแนะนำของพี่เขย นักเลงเฉินระงับความโกรธของเขาและพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋เสียงแข็ง
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย”
เจียงเสี่ยวไป๋ปฏิเสธโดยไม่ลังเล และหัวเราะเบา ๆ “แต่ถ้านายยืนยันที่จะให้ฉันอธิบาย ฉันก็จะเป็นตัวแทนของชาวเจียงวานเพื่อขอบคุณนายและหลิวซือกั๋วที่เสนอราคารับซื้อมันฝรั่งที่สูงเช่นนี้ ทำให้ทุกครัวเรือนได้เพลิดเพลินกับเนื้อที่แสนอร่อยในวันนี้”
ด้วยคำพูดนั้น ชาวบ้านเจียงวานก็หัวเราะออกมา
“ฉันก็ว่าทำไมจู่ ๆ ราคาของมันฝรั่งลูกเล็กถึงพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันแบบนั้น ที่แท้นักเลงเฉินต้องการฉกธุรกิจของเสี่ยวไป๋ และเสี่ยวไป๋ก็แผนซ้อนแผนใส่เขานี่เอง”
“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
“มันง่ายมาก นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ นักเลงเฉินต้องการให้เสี่ยวไป๋ไม่มีมันฝรั่งขาย จึงรับซื้อมันฝรั่งลูกเล็กในราคาชั่งละ 4.5 เหมาจากเรา แต่สุดท้ายตอนนี้เพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองตกหลุมพราง”
“แบบนี้นี่เอง เสี่ยวไป๋ทำได้ดีจริง ๆ ”
“ไม่เช่นนั้น เราคงขายมันฝรั่งลูกเล็กในราคาชั่งละ 4.5 เหมาไม่ได้อย่างแน่นอน”
“……”
ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในเจียงวานต่างเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาของพวกเขาที่มีต่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ นักเลงเฉินรู้สึกราวกับว่ามีเลือดหยดในหัวใจของเขา เนื้อสัตว์ทั้งหมดที่ผู้คนในเจียงวานกำลังกินกันนั้นซื้อมาด้วยเงินของเขา เงินที่เขาเก็บออมมาอย่างยากลำบาก
นักเลงเฉินจ้องมองที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างดุดัน หากสายตาฆ่าคนได้ เจียงเสี่ยวไป๋คงตายไปแล้วเป็นพันครั้ง
เฮ้อ…..
นักเลงเฉินถอนหายใจยาวระงับความอยากฆ่าคนและพูดว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ เป็นความจริงที่ว่านายหลอกฉัน และนายก็รู้ดีว่าด้วยนิสัยใจคอของฉัน เรื่องนี้คงไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่นอน”
เสียงของเจียงเสี่ยวไป๋กลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “นายอยากทำยังไงล่ะ ? ”
นักเลงเฉินพูดถึงเงื่อนไขสองข้อของหม่าตงหลายอย่างเปิดเผย และสรุปว่า “มีแค่สองวิธีนี้ นายต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่นักเลงเฉินราวกับว่ากำลังมองคนโง่และพูดว่า “งั้นฉันเลือกวิธีที่สาม”
นักเลงเฉินรู้สึกงงงวย เขาพูดอย่างชัดเจนว่ามีเพียงสองวิธี แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับบอกว่าเลือกวิธีที่สาม เขาจึงถามออกไปอย่างงุนงง “วิธีอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายก็อยู่ในแวดวงของนายไป ส่วนฉันจะขายผัดมันฝรั่งในที่ของฉัน จากนี้ไปเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก”
ในตอนท้าย เขายังเน้นย้ำอีกว่า “ส่วนเงินที่เสียไปก็ถือว่าจ่ายเป็นค่าบทเรียน”
“เจียงเสี่ยวไป๋ เลิกล้อเล่นกับฉันได้แล้ว ! ”
นักเลงเฉินตะโกนด้วยความโมโหหลังจากที่ได้ยินเขาพูดมาแบบนั้น
“นี่นายคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอย่างนั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชูนิ้วขึ้นและแกว่งนิ้งด้วยท่าทีเมินเฉย “ฉันไม่ได้ล้อเล่น และจะบอกให้รู้ว่านี่เป็นทางออกเดียวของนาย”
จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “และหากนายกล้ายั่วยุฉันอีก นั่นมีแต่จะพานายไปสู่หนทางของการทำลายตนเอง”
ท่าทีที่น่าเกรงขามและสง่างามของเจียงเสี่ยวไป๋ทำให้นักเลงเฉินตัวสั่นเทิ้มอย่างบอกไม่ถูก
ผู้คนในเจียงวานต่างก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ทุกคนต่างพากันมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ทีละคน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยรู้เพียงว่าภายนอกเจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนดุดัน ไม่เกรงกลัวในการต่อสู้ และเป็นคนที่โหดเหี้ยม
แต่ในขณะนี้ พวกเขารู้สึกว่าแม้คำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋จะแข็งกร้าว แต่ท่าทางทั้งหมดของเขาแสดงออกถึงความมั่นใจและความเป็นผู้นำ
มันทำให้ผู้คนไม่เพียงแต่มีความกลัวต่อเขาเท่านั้น แต่ยังเกรงขามเขาอีกด้วย
นักเลงเฉินตกตะลึงกับท่าทีอันโอ่อ่าของเจียงเสี่ยวไป๋ จนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เขารู้อยู่แก่ใจว่าการต่อรองในวันนี้พังทลายลงแล้ว
ด้วยวิธีนี้ เขาจึงเฉยเมย เขาฝืนยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ เหตุผลที่ฉันเสนอทางเลือกสองทางให้นาย เพราะฉันไม่อยากทำอะไรให้มันโหดร้ายเกินไปต่างหากล่ะ”
“แต่เนื่องจากนายไม่รู้จักคุณค่าของการประนีประนอม งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าสิ่งต่าง ๆ จะเป็นยังไงต่อไป”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างเมินเฉยและพูดว่า “ได้สิ หวังว่านายจะไม่เสียใจทีหลังนะ”
นักเลงเฉินระเบิดเสียงหัวเราะและพูดว่า “ฉันมันเรียนมาน้อย ดังนั้นจึงเขียนคำว่าเสียใจทีหลังไม่เป็น”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาเหลือบมองหลินเจียอินและเจียงชานที่อยู่ข้างหลังเจียงเสี่ยวไป๋ จากนั้นพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเจียงวาน จริงอยู่ที่ฉันแตะต้องนายไม่ได้ แต่นายจะซ่อนตัวในเจียงวานไปตลอดชีวิตได้อย่างนั้นหรือ ? ”
“หากเป็นเช่นนั้น นายคงประสบความสำเร็จในธุรกิจไม่ได้”
เขาตั้งใจหยุดชั่วครู่ แล้วพูดต่อ “และอีกอย่าง ภรรยาของนายสวยมาก และลูกสาวของนายก็น่ารักมากเช่นกัน หวังว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งเหมือนนายนะ”
เมื่อจบคำพูดของเขา เขาส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขาหลายสิบคน “ไปกันเถอะ”
“หยุด ! ”
เสียงของเจียงเสี่ยวไป๋ดังขึ้น แสดงถึงความโกรธของเขาอย่างชัดเจน
นักเลงเฉินหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขา เขาพูดว่า “มีอะไร ? นายจะเรียกให้ฉันอยู่กินข้าวด้วยงั้นหรือ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปหาเจียงไห่เทียนและพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ผู้ใหญ่บ้านเจียง ผมแค่ผ่านมาทางเจียงวาน พวกคุณจะทำร้ายเราจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ? ”