ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 660 บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 660 บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ตอนที่ 660 บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มออกมา “เอาล่ะ นี่พี่สั่งการเย่กวงโต้วโดยตรงด้วยหรือ”
หลินเจียจวินยิ้มและพูดออกมาว่า “วันนี้ฉันได้ลากผู้จัดการเมิ่งไปเดินดูรอบ ๆ มาแล้วทั้งวัน ฉันเป็นคนต่างถิ่นจึงไม่ค่อยไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้คำแนะนำจากเธอ ฉันคงไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ภายในวันเดียว”
“ลำบากพี่แล้ว เดี๋ยวคืนนี้เรามาดื่มกัน ผมเลี้ยงเอง” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
หลินเจียจวินรู้สึกดีใจมาก “งั้นเปิดขวดที่อายุเยอะหน่อยนะ อย่าเอาเหล้าที่ผลิตปีนี้มาเลี้ยงฉันเชียว”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ไม่มีปัญหา งั้นเปิดขวดปี 1966 แล้วกัน ! ”
“ปี 1966 ! ” หลินเจียจวินเม้มริมฝีปาก “มันก็งั้น ๆ แหละ ฉันคิดว่านายจะเอาขวดที่อายุมากกว่านั้นมาเลี้ยงฉัน”
พอพูดจบ เขาก็อยากรีบไปดื่มมันในทันที เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “งั้นเรารีบกลับกันเถอะ ถ้ากลับช้าคุณลุงกับคุณป้าจะต้องรอนานแน่ ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “กลับตอนนี้ยังไม่ได้ พี่เจียเหว่ยและพี่สะใภ้ยังอยู่ที่นี่ พวกเขายังทำสปาเท้าไม่เสร็จ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินเจียจวินก็ได้นั่งลงอีกครั้ง “วันนี้พวกเขามาที่นี่เหรอ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “เขาไม่ได้มาแค่นั้นนะ แต่ยังสร้างปัญหาให้กับผมด้วย” เขาบอกสิ่งที่หลินเจียเหว่ยพูดทันที
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลินเจียจวินก็เริ่มพูดคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋อย่างจริงจังอีกครั้ง
ทั้งสองคุยกันได้สักพัก หลินเจียเหว่ยและหานหยุนอิงก็เดินออกมาด้วยกัน หลังจากที่หลินเจียจวินทักทายพวกเขา ทุกคนก็กลับบ้านด้วยกัน
ในตอนนี้ก็มีคนเยอะมาก ดังนั้นรถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่สามารถบรรทุกทุกคนได้ เขาจึงต้องเรียกรถตู้อีกคันแล้วให้หลินเจียจวินเป็นคนขับไป จากนั้นรถทั้งสองคันก็ขับตรงกลับไปที่เจียงวาน
เมื่อมาถึง เจียงซือได้ถูกล่ามไว้ที่สวนหลังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลินเจียหงจึงสามารถเดินไปมาในบ้านได้อย่างอิสระ
เมื่อมื้ออาหารเริ่มต้นขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ไปหยิบเหมาไถปี 1966 ออกมาสองขวดและเอามาดื่มกับเจียงไห่หยาง หลินเจียจวิน และหลินเจียเหว่ย
ทั้งสี่คนดื่มเหล้ากันสองคน เฉลี่ยแล้วพวกเขาต้องดื่มคนละครึ่งขวด
เป็นปริมาณที่พอเหมาะที่จะดื่ม ไม่มากเกินไปและไม่ได้น้อยเกินไป
และค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไป
ในวันรุ่งขึ้น โฆษณาล็อตเตอรี่อันใหม่ก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ชิงโจว ทำให้มีการถกเถียงอย่างดุเดือดในหมู่ชาวชิงโจวอีกครั้ง
“อะไรนะ ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงก็ขายล็อตเตอรี่ด้วยเช่นกัน ! ”
“ตอนแรกฉันก็กังวลอยู่ว่าจะมีคนจำนวนมากไปซื้อล็อตเตอรี่ที่เกสต์เฮาส์ชิงเจียงในวันที่ 12 ที่จะถึงนี้ แต่ในตอนนี้ฉันก็สบายใจแล้ว คนน่าจะไม่ได้หนาแน่นเท่าที่คิด”
“ดีเลย มีร้านกุ้งอบน้ำมันใกล้บ้านฉัน มันสะดวกมาก”
“ฉันคิดว่าคงจะมีคนไปซื้อกุ้งอบน้ำมันที่ร้านเยอะมาก ฉันเองก็จะเข้าคิวตั้งแต่เช้าเพื่อซื้อล็อตเตอรี่สัก 10 หยวนด้วยเหมือนกัน”
“เป็นแบบที่ฉันคิดไว้เมื่อตอนแรกเลย ฉันเองก็จะซื้อไปสักสองสามหยวนก่อน”
“……”
โฆษณาในหนังสือพิมพ์ชิงโจวไม่เพียงแต่เปลี่ยนเนื้อหาโฆษณาไปเท่านั้น แต่ลำโพงที่ออกอากาศโดยรถตู้อีก 14 คันและโฆษณาทางทีวีก็เปลี่ยนเนื้อหาไปด้วยเหมือนกัน
ทำให้ในตอนนี้ ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงดั้งเดิมได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนมากมายต่างก็พากันมาที่ร้าน
นี่เป็นสิ่งที่ทั้งเจียงเสี่ยวไป๋และหลิยเจียจวินเองไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลย
สำหรับเรื่องที่หลินเจียเหว่ยพูดมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้นำไปคิดพิจารณาและหารือกับหลินเจียจวิน สุดท้ายพวกเขาได้ข้อสรุปร่วมกัน เพราะไหน ๆ ก็จะเปิดขายล็อตเตอรี่ในแฟรนไชส์ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงอยู่แล้ว พวกเขาจึงให้แฟรนไชส์ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอในต่างอำเภอและเมืองอื่น ๆ เปิดขายล็อตเตอรี่ด้วย โดยพวกเขาจะให้ค่าคอมมิชชั่นใบละ 1 เจี่ยว
สำหรับการที่ผู้คนในเขตอำเภออื่นและเมืองต่าง ๆ ที่จะร่วมลุ้นการจับสลากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน ในวันที่ 14 ธันวาคม ทั้งเจ็ดอำเภอที่อยู่ในเขตชิงโจวจะมีการจัดการจับสลากในสถานที่นั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
ทุกคนที่ซื้อล็อตเตอรี่ต่างถิ่นก็สามารถลุ้นรางวัลพร้อมกันได้ในวันนั้นเลย
เรียกได้ว่าขนาดของงานขยายใหญ่ขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้
ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมงานของแต่ละคน ส่งผลให้หลินเจียจวิน เย่กวงโต้ว และคนอื่นต่างก็พากันงานยุ่งมาก
และในเวลาที่ยุ่ง ๆ นั้น วันเวลาก็มักจะผ่านไปเร็วเสมอ
ในวันที่ 11 ธันวาคม เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้ก็ได้กลับบ้าน โดยนำเอาอาหารท้องถิ่นกลับมามากมายจากเจี้ยนหยาง ซึ่งทำให้เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋รู้สึกดีใจมาก
แต่เจียงถิงนั้นดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ของเธอ เธอจึงเข้าไปกอดหลังเจาตี้ในทันที
หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงก็มาด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้เจียงวานดูครึกครื้นยิ่งขึ้นไปอีก
“พ่อ น่าจะมาเร็วกว่านี้นะ ผมจะได้พาไปแช่เท้าด้วย ! ” หลินเจียเหว่ยพูดกับหลินต้าเหว่ย เหมือนกับว่าอวดเป็นนัย
หลินต้าเหว่ยตกตะลึง “ทำไมต้องแช่เท้าด้วย ? ”
เมื่อได้โอกาส หลินเจียเหว่ยก็รีบพูดโม้และพูดถึงสรรพคุณการแช่เท้านวดเท้าไม่หยุด
หลิวอี้ถิงที่เป็นแพทย์ได้ยินสิ่งนี้ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “การแช่เท้าในน้ำอุ่นสามารถทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นได้ และการนวดจุดฝังเข็มที่ฝ่าเท้าก็มีประโยชน์ในด้านสุขภาพด้วยเหมือนกัน มันไม่ได้มีแค่ความสบายอย่างที่คุณพูดอย่างเดียว ? ”
“มันจะเวอร์ไปแล้ว ! ”
หลินเจียเหว่ยพูดออกมาต่อว่า “แม่ มันฟังดูเวอร์ไปเหรอ ลองก่อนสักครั้งไหม ? ”
เมื่อหลิวอี้ถิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า “ได้ งั้นเอาเป็นวันมะรืนนี้นะ พ่อและแม่จะไปลองด้วยกัน”
หลินต้าเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่ลูกชายของเขาพูด เขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอเลย
หลินเจียเหว่ยจึงบอกต่ออีกว่า “พ่อ แม่ เจียงเสี่ยวไป๋ตกลงให้ผมเปิดร้านสปาเท้าในเจี้ยนหยางด้วยนะ”
“ถ้าพวกลูกอยากทำ พ่อก็จะไม่ห้าม ! ”
หลิวอี้ถิงตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง “แล้วไม่ดูแลโรงเบียร์แล้วเหรอ ? ”
หลินเจียเหว่ยกล่าวต่ออีกว่า “ก็ทำทั้งสองเลย เปิดร้านสปาเท้าไปด้วย มันก็เหมือนกับการถือชามข้าวทองคำด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งก็หาเงินในตลาดไงครับพ่อ”
“อืม เจียงเสี่ยวไป๋เขาพูดมาอย่างนั้น”
หลิวอี้ถิงพูดว่า “ลูกแต่งงานแล้ว น่าจะต้องไปคุยกับหยุนอิงด้วยนะ และค่อยมาบอกแม่กับพ่อดีกว่าไหม ? ”
หลินต้าเหว่ยเห็นด้วย “ใช่แล้ว ! ”
หลินเจียเหว่ยหัวเราะแล้วพูดว่า “พ่อ แม่ ร้านสปาเท้ามันคือธุรกิจ ซึ่งธุรกิจต้องการการลงทุน และการลงทุนต้องใช้เงินไม่ใช่หรอครับ……”
หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงมองหน้ากัน ก่อนที่จะเข้าใจว่าลูกชายคนโตกำลังขอเงินลงทุนจากพวกเขา
“ถ้าลูกไม่มีเงินก็ไปทำงานของลูกก่อน ยังจะคิดมาทำธุรกิจอีก ! ” หลินต้าเหว่ยพูดด้วยความโกรธ
หลินเจียเหว่ยจึงกล่าวว่า “เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าไม่มีเงินถึงต้องทำธุรกิจ หากไม่ทำธุรกิจ แล้วจะเอาเงินมาจากที่ไหน ? ”
“ตอนนี้ผมเข้าใจความหมายของคำพูดแล้ว เราต้องอาศัยช่วงเวลาหนุ่มสาวหากิจการทำไว้บ้าง”
“พ่อ แม่ ผมขอยืมเงินก่อนสักห้าพันหยวนก่อนก็ได้ ผมจะจ่ายคืนให้เมื่อธุรกิจของผมดีขึ้น”
หลิวอี้ถิงมองไปที่สามีของเธอ ก่อนที่จะพูดว่า “เอาแบบนั้นก็ได้ แม่ยังพอมีเงินอยู่ เอาไปก่อน ! ”
หลินเจียเหว่ยเมื่อได้ยินบบนั้นก็มีความสุขมาก ไม่ใช่ว่าเพราะพ่อแม่ของเขาให้เงินเขาห้าพันหยวน แต่เป็นเพราะเขาเห็นถึงทัศนคติของพ่อแม่ตัวเอง
การให้เงิน แสดงว่าพ่อแม่สนับสนุน
ไม่อย่างนั้นถ้าเขาอยากยืมเงินจริง ๆ เขาคงไปขอยืมจางเจียงเสี่ยวไป๋แทนแล้ว
เขาเชื่อว่าถ้าเขาจะเปิดร้านสปาเท้าและไปขอยืมเงินจากเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋ก็คงจะให้เขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ