ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 708 หม้อพิเศษสำหรับคนพิเศษ
ตอนที่ 708 หม้อพิเศษสำหรับคนพิเศษ
“หม่าม๊า ลองดื่มชาเร็วเข้า ! ”
“นี่คือชาต้าหงเปาจากอู๋อี้ซาน มันหอมกว่าชาเขียวที่เราดื่มกันทั่วไปมากค่ะ ! ” เจียงชานจิบชาแล้วกระตุ้นหลินเจียอินให้ดื่ม
หลินเจียอินได้ลิ้มรสของมัน มันมีกลิ่นหอมคล้ายเกาลัดที่อบอวลและชุ่มชื้นอยู่ที่โคนลิ้นของเธอ ทำให้ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจที่ลูกสาวของเธอชอบดื่มชาที่ชงด้วยวิธีนี้ ชาที่ชงด้วยวิธีนี้ดีกว่าชาที่ชงในกาน้ำชาจริง ๆ
“เยี่ยนหง เธอชงชากังฟูเป็นไหม ? ” หลินเจียอินวางถ้วยชาในมือของเธอลง แล้วถามขึ้นมา
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “ฉันเพิ่งแอบเรียนรู้เทคนิคบางอย่างมาจากหวังผิง แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่หลายอย่าง”
“อย่าบอกนะว่าพี่ก็อยากเรียนชงชากังฟูด้วยอีกคน ? ”
หลินเจียอินพยักหน้า “ฉันคิดว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องดี และการชงชาก็ควรเป็นทักษะที่มีติดตัวเช่นกัน”
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “ถ้าพี่ต้องการเรียนรู้ ก็เรียนรู้จากสามีของพี่สิ ชาที่เขาชงมีรสชาติที่ดีมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าภรรยาของเขาจะสนใจชากังฟูเหมือนกัน ขณะที่เขากำลังจะพูดว่า: ถ้าคุณอยากเรียน ผมจะสอนให้
แต่ก็ได้ยินหลินเจียอินพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน “ช่วงนี้เขางานยุ่งมาก คงไม่มีเวลามาสอนฉันหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะบอกว่าผมมีเวลา !
ทว่าเจียงชานก็พูดแทรกก่อนว่า “หม่าม๊า ให้หนูสอนก็ได้นะ หนูชงชาดำเป็นแล้วด้วย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างรวดเร็วว่า “การชงชามันซับซ้อน หนูอยากเป็นครูก่อนที่หนูจะเริ่มต้นเสียอีก หนูควรตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ เรื่องนี้พ่อจะสอนแม่เอง”
แต่หลินเจียอินกลับกล่าวว่า “ไม่ ฉันจะเรียนชงชาจากชานชาน”
เมื่อได้ยิน เจียงเสี่ยวไป๋ก็กุมขมับของตัวเองทันที
กับแค่การสอนภรรยาชงชา ทำไมถึงยากเย็นขนาดนี้ ?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องขอให้เฝิงเจียหงบอกให้คนขับรถที่ไปเมืองฟู่เหลียงช่วยแวะซื้อชุดน้ำชา จากนั้นก็ขอให้ช่างไม้ถานทำโต๊ะน้ำชา 2 ตัว ตัวหนึ่งเอาไว้ที่บ้าน ส่วนอีกตัวเอาไว้ที่สำนักงานของโรงงานเครื่องปรุงรส แบบนี้เขาจะได้สอนภรรยาชงชาได้ตลอดเวลา
เมื่อนึกแบบนี้ เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ คุณก็ไปเล่นกับชานชานก่อนได้ ! ”
ถ้าให้ตัดสินความสามารถในการชงชาของลูกสาว เรียกได้ว่าเป็นแค่การเล่นเท่านั้น
จะเทียบกับทักษะที่แท้จริงของเขาได้อย่างไร !
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่เคาเตอร์อีกครั้ง เพื่อโทรหาเฝิงเจียเหอและช่างไม้ถานตามลำดับ
ทันทีที่เขาเดินกลับมาที่โต๊ะไฟ ก็มีชายและหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเมิ่งเสี่ยวเป่ย
ส่วนชายคนนั้นเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบเศษ เขาคนนี้ก็คือเชฟหลี่ฉางโหยวที่ถูกย้ายมาทำงานที่นี่นั่นเอง
หลายคนทักทายทั้งสอง จากนั้นเมิ่งเสี่ยวเป่ยก็นั่งลงที่โต๊ะหลุมไฟ ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็พาหลี่ฉางโหยวไปที่ห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง
หลี่ฉางโหยวดูตื่นเต้นเล็กน้อย “ผู้ช่วยเจียง คุณเมิ่งบอกว่าวันนี้คุณจะสอนผมทำอาหารง่าย ๆ เป็นการส่วนตัว งั้นต่อไปนี้ผมจะเรียกคุณว่าอาจารย์ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ไม่ต้องหรอก การสอนวิธีทำอาหารง่าย ๆ สำหรับฉันไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์ก็พอ”
เขาไม่อยากมีลูกศิษย์
ยกเว้นหลินเจียอิน ที่ต้องการเรียนชงชาจากเขา
หลี่ฉางโหยวพูดอย่างไม่ลดละ “แต่คุณสอนทักษะให้ผม ดังนั้นผมควรจะเรียกคุณว่าอาจารย์สิ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “หรือว่าคุณจะกลับไปที่ร้านเดิมของคุณ แล้วเรียกคนอื่นมาที่นี่แทนล่ะ ? ”
หลี่ฉางโหยวตกใจมากจนไม่กล้าพูดถึงเรื่องการเรียกเขาว่าอาจารย์อีกต่อไป และพูดด้วยท่าทางเร่งรีบ “ไม่ครับ ไม่แล้ว ผมจะเรียนรู้วิธีทำอาหารจากผู้ช่วยเจียง”
มันก็เป็นโชคร้ายของเขาเช่นกัน ถ้าปกติเขาเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าอาจารย์ เจียงเสี่ยวไป๋ก็คงจะหัวเราะและไม่สนใจอะไร
แต่ก่อนหน้านี้เขาต้องการสอนหลินเจียอินชงชา แต่ถูกเธอปฏิเสธมา จึงทำให้เขาอารมณ์เสียมาก หลี่ฉางโหยวมาได้เหมาะเจาะพอดีและเรียกเขาว่าอาจารย์ จึงทำให้เจียงเสี่ยวไป๋อารมณ์เสียใส่เขา
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องครัวในสวนหลังบ้าน ป้าจางก็ล้างหม้อดินเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็ลุกขึ้นยืนและเข้ามาทักทายเขาทันที เธอพูดด้วยท่าทีประจบประแจง “สวัสดี ผู้ช่วยเจียง ฉันล้างหม้อดินแล้วต้มในน้ำร้อนให้คุณแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับป้าจาง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณเธอ แล้วชี้ไปที่หลี่ฉางโหยว ก่อนจะพูดว่า “นี่คือหลี่ฉางโหยว พ่อครัวประจำที่นี่”
“สวัสดี พ่อครัวหลี่ ! ” ป้าจางกล่าวทักทาย
หลี่ฉางโหยวก็กล่าวทักทายป้าจางกลับด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ถามป้าจางว่า “ป้าได้ซื้อวัตถุดิบทั้งหมดที่ฉันขอให้ไปซื้อเมื่อวานนี้หรือเปล่า ? ”
ป้าจางกล่าวว่า “ฉันซื้อมาหมดแล้ว เตรียมให้แล้ว คุณเอาไปปรุงได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เอาล่ะ ป้าจาง จุดไฟให้ฉันที ที่เหลือฉันจะให้หลี่ฉางโหยวทำเอง”
“ได้ค่ะ ! ”
ทั้งสองขานรับพร้อมกัน
ต่อมา ทั้งสามคนก็เริ่มทำ ‘ข้าวอบหม้อดิน’ ในครัวกันอย่างพัลวัล
เจียงเสี่ยวไป๋ใช้แค่ปากสั่งการตลอดกระบวนการทั้งหมด โดยสอนหลี่ฉางโหยวถึงวิธีทำข้าวอบหม้อดินหลากหลายเมนู มีทั้งข้าวอบหม้อดินซี่โครงหมูถั่วดำ ข้าวอบหม้อดินเนื้อ ข้าวอบหม้อดินไก่และเห็ดหอม ข้าวอบหม้อดินหมู และข้าวอบหม้อดินรสเผ็ด
ที่จริงแล้วกระบวนการทำข้าวอบหม้อดินก็คล้ายกัน ต่างกันแค่วัตถุดิบที่ใส่เข้าไปและซอสเท่านั้น
ซอสที่เตรียมไว้สำหรับแต่ละเมนูมีความแตกต่างกัน และต้องเตรียมตามลักษณะของวัตถุดิบที่ใส่เข้าไป เพื่อกระตุ้นรสชาติความอร่อยของข้าวอบหม้อดินได้ดียิ่งขึ้น
หลี่ฉางโหยวเป็นพ่อครัวอยู่แล้ว เขาจึงมีรู้ความรู้พื้นฐานเหล่านี้ ทำให้เรียนรู้ได้ไม่ยาก และเขาก็เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว
แม้แต่ป้าจางก็ยังได้ความรู้มากมายในขณะที่ยืนดู
ในขณะที่ ‘ปรุง’ ข้าวอบหม้อดิน เจียงเสี่ยวไป๋ได้บอกให้หลี่ฉางโหยวตุ๋นซุปปลาตะเพียนขาวในหม้อเล็กควบคู่ไปด้วย และเมื่อข้าวหม้ออบดินเกือบสุกแล้ว เขาก็บอกให้หลี่ฉางโหยวเจียวไข่เพิ่มอีกประมาณสามฟอง
การกินข้าวอบหม้อดินพร้อมซุปหนึ่งชาม และไข่เจียว ซึ่งเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอีกสองสามจานนั้นถือเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก
เจียงเสี่ยวไป๋เน้นย้ำว่า “เราต้องเสิร์ฟหม้อดินทีละหม้อ หลังจากนำไปวางบนโต๊ะแล้ว ให้เปิดฝาหม้อ เทซอสลงไปที่ขอบหม้อตุ๋น จากนั้นก็ปิดฝาให้มันงวดสักพัก”
หลี่ฉางโหยวพยักหน้าเข้าใจ “ครับ ! ”
“อันดับแรกเสิร์ฟข้าวอบหม้อดินหมูให้ประธานหลิน เธอชอบอาหารรสเผ็ด” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
หลี่ฉางโหยวหยิบถาดออกมา แล้ววางชามซุปเล็ก ๆ ลงไป จากนั้นก็วางถั่วเปรี้ยวหนึ่งจาน ขิงเปรี้ยวหนึ่งจาน และรากหูดองหนึ่งจาน หลังจากจัดแจงเครื่องเคียงเสร็จแล้ว เขาก็ใช้ผ้าหยิบหม้อข้าวอบหม้อดินหมูมาวางลงบนถาด แล้วถือถาดออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็เดินตามออกไป
ข้างนอก หลินเจียอินและเมิ่งเสี่ยวเป่ยกำลังคุยกันอยู่ จากนั้นพวกเธอก็เห็นหลี่ฉางโหยวสวมชุดพ่อครัวถือถาดออกมา
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าวอบหม้อดินมาแล้ว ท่านประธาน คุณต้องลองชิมดูก่อน”
หลินเจียอินพูดว่า “คุณลองชิมก่อนเลย อย่างไรซะเราก็จะได้กินทุกคนอยู่แล้ว”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเม้มริมฝีปากบางแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเจียงคงตั้งใจเอาชามแรกนี้ให้คุณก่อน ฉันพนันได้เลยว่าชามนี้คงจะเป็นรสชาติที่คุณชื่นชอบ”
หลี่ฉางโหยวมาถึงโต๊ะไฟอย่างรวดเร็วและพูดด้วยความเคารพ “ท่านประธาน ผู้ช่วยเจียงให้มาเสิร์ฟข้าวอบหม้อดินหมูให้คุณ”
หลินเจียอินยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็เอามาให้ฉัน ! ”
ขณะที่หลี่ฉางโหยวกำลังจะวางถาดลง เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “รอสักครู่”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ขอให้หยวนหยวนไปเอาหนังสือพิมพ์เก่า ๆ มาให้หลินเจียอิน จากนั้นเขาก็พูดว่า “เมื่อเทซอสลงไป ให้คุณถือหนังสือพิมพ์บังหน้าอกไว้ กันไม่ให้น้ำซอสกระเซ็นไปโดนเสื้อผ้าของคุณ”
หลี่ฉางโหยวได้ถอยออกไป เพื่อดูเจียงเสี่ยวไป๋นำซุปและเครื่องเคียงวางลงบนโต๊ะ เขาพูดขณะทำไปด้วยว่า “ผมรีบไปหน่อย เลยไม่ได้ทำแผ่นกระดาษไว้ เมื่อข้าวอบหม้อดินเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็จะมีแผ่นกระดาษไว้ให้ลูกค้าบังเป็นพิเศษ”
จากนั้น เขาก็พูดกับหลี่ฉางโหยวว่า “คุณไม่สามารถวางถาดลงบนโต๊ะโดยตรงแบบนี้ได้”
หลี่ฉางโหยวยิ้มเจื่อนออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก และบอกให้เขาเติมซอสลงไป
หลี่ฉางโหยววางถาดลง หยิบจานรองเล็ก ๆ กับซอสขึ้นมา เปิดฝาหม้อดิน เทซอสลงไปตามขอบ แล้วปิดฝาอย่างรวดเร็ว
“ประธาน รอให้ซอสงวดอีกสักครู่หนึ่ง แล้วค่อยเปิดฝากิน ! ”