ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 709 ข้าวอบหม้อดินอร่อยมาก
ตอนที่ 709 ข้าวอบหม้อดินอร่อยมาก
เมิ่งเสี่ยวเป่ยและหวังกังสั่งข้าวอบหม้อดินไก่และเห็ด เจียงชานสั่งข้าวอบหม้อดินซี่โครงหมูถั่วดำ เฝิงเยี่ยนหงเลือกข้าวอบหม้อดินเนื้อ ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็เอาข้าวอบหม้อดินรสเผ็ด
พวกเขาเอามาเสิร์ฟให้หลินเจียอินก่อน เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าใกล้เสร็จแล้ว เธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะเปิดฝาออกมา จากนั้นกลิ่นหอมของข้าวอบหม้อดินอันเป็นเอกลักษณ์ก็ลอยขึ้นมาแตะจมูกของเธอ
“มันมีกลิ่นหอมมาก ! ” หลินเจียอินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เธอแทบรอไม่ไหวที่จะหยิบช้อนและเริ่มชิมมันไปคำแรก
ข้าวอบชนิดนี้มีความนุ่ม หอมและอร่อยกว่าข้าวหุงธรรมดาทั่วไป แถมยังมีรสชาติของเนื้อที่ถูกกระตุ้นด้วยน้ำซอสเฉพาะสูตร ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันจะอร่อยแค่ไหน
“อร่อย อร่อยมากจริง ๆ ! ” หลินเจียอินกินเข้าไปหลายคำติดต่อกันและพูดชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ของฉันก็น่าจะได้แล้วเหมือนกัน ! ” เมื่อเมิ่งเสี่ยวเป่ยเห็นว่าหลินเจียอินกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร เธอก็อดไม่ได้อีกต่อไป หญิงสาวรีบเปิดฝาหม้อดินออกทันที หยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มกินมันเข้าไป
เช่นเดียวกับเฝิงเยี่ยนหง เจียงชาน และหวังกัง
พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะตักข้าวใส่ปากชิม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและเปิดฝา แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มกิน เฉินซินก็เดินออกมาจากห้องพักพอดี
“ว้าว กลิ่นหอมมาก ! ”
“แล้วของฉันล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “จมูกดีจริง ๆ ! เธอออกมาหลังจากอาหารเสร็จพอดี ว่าแต่เธอไปทำอะไรอยู่ในนั้นตั้งนาน ? ”
เฉินซินยิ้ม “ฉันไปที่ห้องพักของพนักงานนวดมา จึงพูดคุยกับพวกเธอเกี่ยวกับงานอยู่พักหนึ่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ดีมาก เธอต้องพยายามเก็บข้อมูลของพนักงานให้ละเอียด”
เฉินซินยิ้มและพูดว่า “อาจารย์สอนได้ดีมาก ! ”
มุมปากของเจียงเสี่ยวไป๋กระตุกอย่างรุนแรง มีอีกคนอยากเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’ อีกแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะล้อเล่นกับเธออีกต่อไป และพูดว่า “มีข้าวอบหม้อดินซี่โครงหมูและถั่วดำ ข้าวอบหม้อดินเนื้อ ข้าวอบหม้อดินไก่และเห็ด ข้าวอบหม้อดินหมูและข้าวอบหม้อดินเผ็ด ชอบอันไหนก็บอกให้หลี่ฉางโหยวไปทำให้ได้เลย”
เฉินซินมองดูข้าวอบหม้อดินในหม้อดินของเจียงเสี่ยวไป๋และคนอื่น ๆ แล้วชี้ไปที่ข้าวหม้อดินรสเผ็ดของเจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “ฉันต้องการแบบเดียวกับผู้ช่วยเจียง”
“เอาล่ะ ผู้จัดการเฉิน รอสักครู่ ฉันจะไปทำให้คุณเดี๋ยวนี้” หลี่ฉางโหยวพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินซินจะเป็นเจ้านายของเขานับจากนี้ เขาจะกล้าละเลยเธอได้ยังไง
เมื่อเห็นหยวนหยวนมองมาด้วยความกระตือรือร้นจากด้านข้าง เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “วันนี้ฉันทำข้าวอบหม้อดินไว้เยอะเลย ถ้าอยากกินก็ไปที่เอาที่ห้องครัวเองได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะผู้ช่วยเจียง ฉันจะลองชิมดู” หยวนหยวนมีความสุขมากและรีบเดินตรงไปที่ห้องครัว
หลังจากที่หลี่ฉางโหยวเสิร์ฟข้าวอบหม้อดินให้เฉินซินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “คุณและป้าจางก็ต้องลองชิมเหมือนกัน”
หลี่ฉางโหยวมีมีท่าทางดีใจขึ้นมาทันทีและวิ่งไปที่ห้องครัวเสียงดังโครมคราม
ทุกคนรวมตัวกันรอบโต๊ะไฟเพื่อรับประทานอาหาร เมิ่งเสี่ยวเป่ยและคนอื่น ๆ ก็กล่าวชมไม่หยุดขณะรับประทานอาหาร
ในไม่ช้า ทุกคนก็กินเกือบเสร็จแล้วจนเห็นข้าวที่ติดก้นหม้อ สีทองของมันน่าดึงดูดมาก
หลินเจียอินเอาข้าวก้นหมอมากัดชิมดู มันกรอบมากและมีรสชาติที่เข้มข้น รสของมันตลบอบอวลอยู่ในปากของเธอไม่จบ
“ข้าวก้นหม้อนี้เป็นเหมือนแก่นแท้ของข้าวอบหม้อดินเลย ! ”
หลินเจียอินพูดด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธอได้ค้นพบโลกใหม่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเมิ่งเสี่ยวเป่ยและเฝิงเยี่ยนหงได้ยินสิ่งที่เธอพูด ทั้งสองก็ใช้ช้อนคนข้าวในหม้อทันที และตักข้าวก้นหม้อเข้าปาก
“จริงด้วย ข้าวก้นหม้อกรอบอร่อยสุด ๆ ! ”
“อืม กลิ่นของมันหอมมาก ! ”
หลังจากกินข้าวก้นหม้อแล้ว ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เจียงชานและหวังกังก็รีบควานหาข้าวก้นหม้อเหมือนกัน และกินเข้าไปคำโต ในไม่ช้าพวกเขาก็กินข้าวก้นหม้อหมดก่อน
“ป่าป๊าคะ หนูอยากกินข้าวก้นหม้ออีก ! ”
เจ้าตัวน้อยจ้องมองหม้อดินของเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยดวงตากลมโตแล้วพูดด้วยความกระตือรือร้น
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม และตักข้าวออกจากหม้อของเขา แล้วใส่ลงในหม้อดินของลูกสาว
“แมวน้อยจอมตะกละของพ่อ เอาไปกินเลย ! ”
“ขอบคุณค่ะป่าป๊า ! ”
เจ้าตัวเล็กกินอย่างมีความสุข
หวังกังที่อยู่ข้าง ๆ ได้แต่อิจฉาและมองไปที่หม้อดินของเฝิงเยี่ยนหง ไม่ต้องพูดถึงข้าวก้นหม้อเลย เพราะมันไม่เหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียวด้วยซ้ำ หม้อดินของเธอสะอาดราวกับว่าล้างมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลานี้ เธอกำลังดื่มซุปในชามใบเล็ก
“แม่ ทำไมแม่ถึงกินเร็วขนาดนี้ ! ” หวังกังตัวน้อยกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ
เฝิงเยี่ยนหงวางชามซุปลงแล้วพูดออกมาโดยไม่แย่แส “ก็มันอร่อย แม่ก็ต้องกินเร็วอยู่แล้วสิ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันไปพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “พี่เสี่ยวไป๋ ยังมีข้าวอบหม้อดินที่ทำเหลืออีกไหม ? ฉันอยากได้อีกหม้อหนึ่ง”
“สามี ฉันก็อยากกินเพิ่มอีกเหมือนกัน ! ” หลินเจียอินกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เดี๋ยวไปดูให้ก็แล้วกัน ! ”
วันนี้ที่เขาให้หลี่ฉางโหยวทำข้าวหม้อดินครั้งแรก เขาให้ทำเป็นจำนวนมาก
หลังจากเข้าไปในห้องครัว ก็เห็นว่าไม่มีหม้อดินเหลืออยู่เลย มีแต่หม้อเปล่าสองใบถูกโยนลงในอ่างล้างจาน เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉางโหยวและป้าจางกินเสร็จแล้ว
“ผู้ช่วยเจียง มีอะไรหรือเปล่า ? ” หลี่ฉางโหยวถามอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋เข้ามา
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ฉันมาเพื่อดูว่ายังมีข้าวอบหม้อดินเหลืออยู่อีกไหม ? ”
หลี่ฉางโหยวพูดด้วยความตกใจ “ผมเห็นว่าข้าวอบที่เราทำยังเหลืออยู่ ก็เลยเอาไปให้จางหงหยูและคนอื่น ๆ สองหม้อ เพื่อที่พวกเธอจะได้ลองชิมดูบ้าง”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า “เป็นเรื่องปกติที่จะแบ่งข้าวอบหม้อดินบางส่วนไปให้กับเหล่าพนักงานนวดได้ลองชิม แต่คุณควรบอกก่อน ฉันย้ายคุณมาที่ร้านนวดเท้าก็เพื่อให้มาเป็นพ่อครัว ไม่ใช่ให้คุณตัดสินใจอะไรเองแบบนี้”
หลี่ฉางโหยวพูดไม่ออกขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาเหมือนกับนักเรียนประถมที่ทำอะไรผิดมา
“ผู้ช่วยเจียง ผมขอโทษ ฉันไม่ควรตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองแบบนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยท่าทางใจเย็น “ฉันจะไม่หักเงินเดือนของคุณ แต่ถ้าคุณทำแบบนี้อีก คุณจะต้องถูกลงโทษ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ทำอีกในอนาคต”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ช่วงนี้แขกไม่ค่อยมี พ่อครัวที่นี่ไม่ยุ่ง หญ้าบนสนามหญ้าด้านนอกรกและดูเละเทะ ว่าง ๆ ก็ไปถอนหญ้าที่สนามหญ้าออก แล้วปลูกหญ้าโปอาสักหน่อย”
หญ้าโปอาเป็นหญ้าฤดูหนาวซึ่งใช้ในโครงการปลูกหญ้าหลายโครงการในยุคสมัยต่อมา เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการทำสนามหญ้าใหม่มานานแล้ว
เมื่อเห็นโอกาสนี้ จึงปล่อยให้หลี่ฉางโหยวทำมัน
หลี่ฉางโหยวอ้าปากค้างเมื่อเขาได้ยินคำสั่งของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ให้เขาปลูกหญ้า
เขามาจากชนบท และเขารู้เพียงว่าหญ้านั้นเป็นวัชพืชที่ไม่จำเป็น และต้องถอนมันทิ้ง แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องการปลูกวัชพืชมาก่อน
แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรในเวลานี้ ดังนั้นเขาจึงรับคำสั่งมาด้วยความไม่พอใจ และถามว่า “ผู้ช่วยเจียง แล้วหญ้าโปอาที่คุณบอกนั้นอยู่ที่ไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “บนภูเขามีเยอะแยะ คุณต้องคิดหาวิธีเอาเอง”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็กล่าวเสริมว่า “ส่วนผสมและวัตถุดิบยังมีเหลืออยู่ ช่วยทำข้าวอบหม้อดินเพิ่มให้ฉันที คุณเมิ่งและคนอื่น ๆ ยังกินกันไม่อื่มเลย”
จากนั้น หลี่ฉางโหยวก็ตระหนักได้ว่าการที่เขาเอาข้าวอบหม้อดินที่เหลือให้พนักงานนวดไปหมด ทำให้เมิ่งเสี่ยวเป่ยและคนอื่น ๆ กินข้าวไม่อิ่ม
เขาจึงรีบพูดออกมาว่า “ผมจะรีบทำไปให้ครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “หากพนักงานนวดคนใดยังกินไม่อิ่ม คุณก็ทำให้พวกเธอกินได้ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกินข้าวที่นี่ เพียงแต่จากนี้ไปต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากกัน”
“ผู้ช่วยเจียง ผมเข้าใจแล้ว ! ” หลี่ฉางโหยวพูดด้วยท่าทางระมัดระวัง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินกลับมาที่ด้านหน้า
“หมดแล้วเหรอ ? ” หลินเจียอินถามด้วยท่าทางผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋กลับมามือเปล่า
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “มันหมดก็ไม่เป็นไร ผมได้ขอให้หลี่ฉางโหยวทำเพิ่มให้แล้ว พวกคุณควรพักท้องสักแปป ก่อนจะกินครั้งต่อไป”