ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 710 มารับเหล่าหลิน
ตอนที่ 710 มารับเหล่าหลิน
การทำข้าวอบหม้อดินต้องใช้เวลานาน หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงจึงนั่งคุยระหว่างรออยู่ที่โต๊ะหลุมไฟ
ส่วนเมิ่งเสี่ยวเป่ยก็ไปชงชาให้ทั้งสองคน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวทักทายพวกเขาแล้วจากไป
ไม่นาน หลังจากที่เขาขับรถไปที่ถนนซานเซิ่งทางตอนเหนือของเมือง เขาก็ตรงไปที่บ้านของหลินฉางเกิง
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในลานบ้าน ประตูบ้านแง้มไว้ ตัวลานบ้านยิ่งดูรกร้างมากยิ่งขึ้นในฤดูหนาวแบบนี้
“เหล่าหลิน คุณอยู่บ้านหรือเปล่า ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ที่หน้าประตูและเรียกเจ้าของบ้านดูก่อน
“อ่า… เสี่ยวไป๋หรือ ? ” ไม่นาน เสียงของหลินฉางเกิงก็ดังมาจากข้างในบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ผลักประตูเปิดออกและเห็นหลินฉางเกิงสวมเสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายผืนเก่าที่ไม่หนามาก กำลังเดินออกมาจากห้องด้านใน
“สวัสดีเหล่าหลิน ผมมาแล้ว ! ”
หลินฉางเกิงดูมีความสุขมากที่ได้เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ “อ่า มาแล้วหรือ เข้ามาด้านในก่อนเถอะ ร่างกายจะได้อบอุ่น”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวสวัสดีและเดินตามเขาเข้าไปในห้องด้านหลัง
ห้องด้านหลังไม่ใหญ่นัก มีหน้าต่างบานเล็กที่ปิดด้วยกระดาษไข ทำให้มีแสงส่องผ่านกระดาษไขเข้ามาอ่อน ๆ บรรยากาศภายในดูสลัวไปหน่อย
มีตู้ตัวเตี้ย เก้าอี้สองตัว และโต๊ะหลุมไฟ อยู่กลางห้อง ด้วยความที่ห้องไม่กว้างมากนัก จึงทำให้ห้องดูอบอุ่นมาก
หลินฉางเกิงให้เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อไม่กี่วันก่อน นายส่งโต๊ะหลุมไฟและถ่านหินมาให้ฉัน ฉันยังไม่ได้ให้เงินนายเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ผมเอาให้คุณ ไม่ต้องมาจ่ายเงินให้ผมหรอก ? ”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “ฉันพอใจโต๊ะหลุมไฟที่นายส่งมาให้มาก ๆ แล้วจะไม่คิดเงินได้อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณก็รู้ ผมไม่ได้ขาดแคลนเงิน ดังนั้นอย่ามาเถียงเรื่องเงินกับผมเลย”
หลินฉางเกิงหัวเราะและพูดติดตลก “แล้วทำไมวันนี้นายถึงมาหาฉันล่ะ ? หรือว่าไปเจอบ้านเก่าแล้วต้องการให้ฉันไปช่วยรื้อถอนให้งั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช่แล้ว ผมมาหาคุณก็เพื่อที่จะมาขอให้คุณช่วยรื้อบ้านหลังเก่าทิ้งให้หน่อย”
คุณหลินรู้สึกสะเทือนใจ มองดูเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ฉันแค่พูดเล่น ไม่คิดว่านายจะมาหาฉันเพื่อให้รื้อบ้านเก่าให้จริง ๆ ”
“บ้านหลังใหม่ในเจียงวานก็สร้างเสร็จแล้ว นายกำลังคิดจะทำอะไรอีก ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้สังเกตเห็นการแสดงออกของหลินฉางเกิง เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ว่า “บ้านหลังเก่านั้นสะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมก็คิดว่าจะรื้อบ้านออกแล้วเก็บที่ดินไว้”
หลินฉางเกิงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้านายบอกว่าจะให้เงิน ฉันก็จะไม่เอา ไม่เป็นไรจริง ๆ ถือซะว่าเราไม่ติดหนี้กันแล้วใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ครั้งล่าสุดที่ผมมา ผมเคยรับปากว่าอะไร คุณจำได้ไหม ? ผมบอกว่าจะพาคุณไปนวดเท้ากับสาวสวย ผมจัดสถานที่รอคุณแล้ว จึงอยากมารับคุณไปสัมผัสกับความผ่อนคลายนั้นบ้าง”
หลินฉางเกิงหัวเราะ “นายพูดเรื่องตลกหรือเปล่า นายจริงจังบ้างก็ได้ ? ฉันอายุมากแล้ว ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไป ฉันแค่ทำให้ตัวเองอบอุ่นข้างกองไฟในบ้าน อ่านหนังสือ แค่นี้ก็รู้สึกสบายใจแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าไม่ไป คุณก็อาจจะเสียใจ เพราะวันนี้ผมทำเมนูใหม่ที่นั่นด้วยนะ…..”
“จริงเหรอ ! ” หลินฉางเกิงแสดงสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ทำอาหารเมนูใหม่อะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณไม่ไป บอกไปก็ไม่มีประโยชน์”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “แม้ว่าฉันจะไม่อยากออกไปข้างนอก แต่ในเมื่อนายทำเมนูใหม่ออกมาทั้งที ชายชราอย่างฉันก็อยากลองมันดูสักครั้ง”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดัง เขาพูดล้อเล่นสองสามคำ และช่วยเหล่าหลินปิดประตู แล้วออกไปกับเขา
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงคลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้า
หลินฉางเกิงลงจากรถ มองดูรอบ ๆ แล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่บ้านเก่าของตระกูลเหลยหรอกหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “คุณคุ้นเคยกับสถานที่นี้ไหม ? ”
หลินฉางเกิงกลอกตามาที่เขา “บ้านเก่าทุกหลังในเมืองชิงโจวไม่มีที่ไหนที่ฉันไม่รู้ และฉันยังศึกษาอาคารโบราณอยู่ในตอนนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ที่แห่งนี้เป็นของผม ผมสร้างเป็นร้านนี้ขึ้นมาแล้ว”
“ร้านอะไร ? ” เหล่าหลินขมวดคิ้วและถามด้วยความสับสน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เป็นร้านที่มีทั้งอาหาร ชา และนวดเท้าให้บริการ ผมไม่อยากบอกคุณเยอะ ไว้คุณเข้าไปด้านในแล้วค่อยดูเองดีกว่า”
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “ลานบ้านเก่าของตระกูลเหลยนั้นเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม นายเอามาเปิดเป็นร้านแบบนี้ ไม่เท่ากับทำลายมันเหรอ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อย่ากังวล ผมไม่ได้แตะต้องสิ่งใดในอาคาร ผมแค่เปลี่ยนแปลงสิ่งของข้างในก็เท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินฉางเกิงก็รู้สึกวางใจเล็กน้อย เขารู้ว่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของตระกูลเหลย
หลังจากที่หลินฉางเกิงเดินผ่านประตูเข้าไป เขาก็เห็นหลินเจียอินและคนอื่นนั่งอยู่ที่โต๊ะหลุมไฟ เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวหลิน เธอก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ ! ”
เมื่อหลินเจียอินเห็นว่าเป็นเหล่าหลิน เธอก็รีบลุกขึ้นยืนและกล่าวสวัสดี “สวัสดีเหล่าหลิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ! ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่หลิน ! ” เจียงชานก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพเช่นกัน
หลินฉางเกิงหัวเราะออกมาเสียงดัง “แล้วหนูล่ะ ชานชานตัวน้อย ? ไม่เจอกันนาน ดูตัวสูงขึ้นเยอะเลยนะ ! ”
“จริงเหรอคะ ? ” เจ้าตัวเล็กหรี่ตาลงแล้วถามอย่างมีความสุข
เหล่าหลินพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “หนูสูงขึ้นและขาวขึ้นด้วย ดูเหมือนว่าหนูจะโตมาเป็นเด็กที่ร่าเริงมากเลยนะ”
ตอนที่เขาพบกับเด็กหญิงตัวเล็กครั้งแรก ผมของเธอยังบางและมีสีเหลืองอ่อนอยู่เลย เธอยังผอมมากอีกด้วย แลดูขาดสารอาหารเล็กน้อย
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะดูไม่อ้วนขึ้นเลย แต่น้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นจริง ๆ เธอมีน้ำมีนวลมากขึ้น ไม่ผอมแห้งเหมือนเมื่อก่อน ผมสีดำของเธอก็ดูสะอาดและเรียบเนียน
เด็กน้อยพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ป่าป๊าทำอาหารอร่อย ๆ ให้หนูทานทุกวัน มันน่ากินมากค่ะ”
พูดจบก็เสริมต่อว่า “อ๋อ รู้แล้ว ป่าป๊าไปรับคุณปู่มาโดยเฉพาะ เพื่อให้มาชิมข้าวอบหม้อดินสิท่า ! ”
หลินฉางเกิงรู้สึกขบขันและล้อเธอไปว่า “แล้วข้าวอบหม้อดินอร่อยไหม ? ”
เจ้าตัวน้อยพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวสาร และพูดว่า “มันอร่อยมากค่ะ หนูกินไปหนึ่งหม้อแล้วยังรู้สึกไม่อิ่มเลย อาจารย์หลี่ไปทำอาหารเพิ่มอยู่ข้างในครัวอยู่เลยค่ะ”
“คุณปู่หลินมานั่งรอให้ร่างกายอบอุ่นแล้วดื่มชาที่ป้าเสี่ยวเป่ยชงไปก่อนนะคะ ข้าวอบหม้อดินสุก เราก็ได้ทานแล้วค่ะ”
หลินฉางเกิงนั่งลง จากนั้นเมิ่งเสี่ยวเป่ยก็ไปเอาถ้วยชามา เธอเทต้าหงเปาหนึ่งถ้วยแล้วพูดว่า “คุณหลิน คุณดื่มชานี้รอไปก่อนนะคะ ฉันจะไปเอาใบชาใหม่มาเปลี่ยน”
เมื่อมีแขกใหม่มา ให้นำใบชาใบใหม่มาเพื่อแสดงความเคารพ
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเหล่าหลินเป็นใคร แต่เมื่อเห็นว่าทั้งหลินเจียอินและเจียงเสี่ยวไป๋เคารพเขาเป็นอย่างมาก และเจียงชานก็คุ้นเคยกับเขาดี เธอก็รู้ว่าชายชราคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เหล่าหลินเองก็เป็นคนที่ชอบดื่มชาเช่นกัน เขาดูสีของน้ำชา ก่อนจะจิบอีกครั้งแล้วพูดว่า “ชานี้สามารถชงได้สามถึงสี่ครั้ง มันยังดื่มได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใบชาใหม่หรอก”
ดวงตาของเมิ่งเสี่ยวเป่ยเป็นประกาย จากนั้นเธอก็พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเองก็เชี่ยวชาญเช่นกัน ! ”
ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งต้องเปลี่ยนใบชาใหม่
ในขณะที่เธอพูด เธอก็เทชาที่แช่ไว้ครึ่งหนึ่งลงในอ่าง แล้วแทนที่ด้วยใบชาใหม่
หลินฉางเกิงมีสีหน้าเจ็บปวด นี่คือต้าหงเปาที่ดีที่สุด น่าเสียดายที่มันถูกเททิ้งแบบนี้ ทั้งที่มันยังชงต่อได้อีกหลายครั้ง
แต่เขาสุภาพเกินกว่าจะพูดมันออกไป
หลังจากเปลี่ยนใบชาแล้ว หลายคนก็ดื่มชาและพูดคุยกันต่อ ไม่นานข้าวอบหม้อดินชุดใหม่ก็พร้อมมาเสิร์ฟแล้ว
เนื่องจากหลินฉางเกิงเพิ่งมาถึง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องได้ทานก่อนเป็นคนแรก
เจียงเสี่ยวไป๋ช่วยเขาเลือกเมนูข้าวอบหม้อดินใส่ไก่และเห็ด
หลินฉางเกิงชิมแล้วก็อุทานออกมา “เสี่ยวไป๋ ข้าวอบหม้อดินสูตรของนายนี้อร่อยจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะเอาข้าวกับวัตถุดิบผสมกันแล้วปรุงในหม้อดิน”
“สอนฉันทำเมนูนี้หน่อยได้ไหม ฉันจะกลับไปทำที่บ้าน เอามาทำบนโต๊ะหลุมไฟ แบบนั้นคงช่วยให้ฉันกินข้าวได้อร่อยขึ้นมาบ้าง ! ”