ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 714 หนังสือของเหล่าหลินกำลังจะได้ตีพิมพ์แล้ว
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 714 หนังสือของเหล่าหลินกำลังจะได้ตีพิมพ์แล้ว
ตอนที่ 714 หนังสือของเหล่าหลินกำลังจะได้ตีพิมพ์แล้ว
หลังจากพูดถึงโรงงานเยลลี่เสร็จ จากนั้นพวกเขาก็พูดถึงโรงงานเค้กที่รักต่อ
พูดตามตรงก็คือโรงงานเค้กที่รักเป็นโรงงานขนมอบแบบครบวงจร ที่ไม่เพียงผลิตแต่เค้กที่รักเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้จักขนมหลากหลายยี่ห้อจากรุ่นหลัง เช่น โอริโอ้ ฮัวซิวเดียน หรือขนมยี่ห้อว้อนท์ ว้อนท์ เป็นต้น
ในเมื่อทำขนมจำพวกแป้งแล้ว เขาจึงต้องการได้รับส่วนแบ่งในตลาดนี้จำนวนมาก ดังนั้นโรงงานเค้กที่รัก จึงผลิตบิสกิตแบบครบวงจรออกมา
ปัจจุบัน เจียงเสี่ยวเฟินเป็นผู้อำนวยการโรงงานเค้กที่รัก ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ให้เธอตรวจสอบโรงงานบิสกิตทั่วประเทศ
ไม่เพียงแต่ดูแลแค่นี้เท่านั้น แต่เจียงเสี่ยวเฟินยังเป็นผู้อำนวยการของโรงงานอาหารกระป๋องอยู่เช่นกัน
แน่นอนว่าจุดเน้นของการตรวจสอบไม่ใช่ที่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการสรรหาบุคลากร
หลักการของเจียงเสี่ยวไป๋คือการสรรหาผู้มีความสามารถด้วยวิธีที่ผสมผสาน ตราบใดที่พวกเขามีความสามารถ เขาก็พร้อมเข้าหาคนเหล่านั้นโดยการแลกกับสิทธิพิเศษมากมาย
สิ่งหนึ่งที่เขาพูดคือ: หากคนมีความสามารถไม่กลับมาพร้อมกับคุณ นั่นเป็นเพราะเงินของคุณไม่เพียงพอ
ในช่วงเริ่มต้นของเศรษฐกิจแบบตลาด การแข่งขันที่แท้จริงคือการแข่งขันหาผู้ที่มีความสามารถ
โรงงานเยลลี่ โรงงานเค้กที่รัก และโรงงานอาหารกระป๋องคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า เมื่อประกอบกับโรงงานเมล็ดแตงโมห้ารสที่กำลังดำเนินการผลิตอยู่แล้ว จึงมีการสร้างต้นแบบของนิคมอุตสาหกรรม เจี้ยนหยางขึ้นมา
ขั้นต่อไปคือเฟสแรกของการสนับสนุนโครงการที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้วางเอาไว้
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “ครั้งล่าสุดที่ลูกแจ้งรองนายอำเภอหราวของเราเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลในนิคมอุตสาหกรรม ตอนนี้มีการออกเอกสารอนุมัติแล้ว ลูกสามารถเริ่มก่อสร้างได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ผมได้ขอให้คุณลู่และทีมงานของเขาออกแบบนิคมอุตสาหกรรมให้แล้วครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนปีหน้า และการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นหลังจากปีใหม่ เพื่อให้โรงเรียนได้เปิดภาคเรียนในเดือนกันยายนปีหน้าพอดี”
หลินต้าเหว่ยถอนหายใจ “ในอดีต มีเพียงรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถจัดตั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลในบริเวณโรงงานได้ พ่อไม่คาดคิดว่าสถานที่เล็ก ๆ เช่นเจี้ยนหยางจะมีได้ขนาดนี้ พ่ออยากเห็นจริง ๆ ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกเฟสแรกของลูกจะเป็นอย่างไรหลังจากเสร็จสิ้นแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ใช้เวลาประมาณหนึ่งปีเท่านั้น ถือว่าดำเนินการเร็วมากครับ”
พ่อตาและลูกเขยพูดคุยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะกล่าวลาและขอตัวออกมา
หลังจากห้าโมงเย็น เขาก็กลับไปที่ชิงโจว
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้แวะที่ไหนในเมืองและตรงกลับไปที่เจียงวานทันที
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผน
หลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหง และเฉินซินพร้อมเด็กสองคนชอบอยู่ที่โรงงานเครื่องปรุงหรือไม่ก็ที่สปานวดเท้า ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋มักจะอยู่แต่ในสำนักงานที่โรงงานเครื่องปรุง จึงไม่ค่อยได้ไปที่สปานวดเท้าสักเท่าไหร่
และในวันนี้เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเจียจวิน
“วันนี้มีข่าวดีสองเรื่อง นายอยากฟังเรื่องไหนก่อนดี ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พี่หาทำเลเปิดสปานวดเท้าได้แล้วเหรอ ? แล้วมีข่าวดีอะไรอีก ? ”
หลินเจียจวินหัวเราะ “ใช่แล้ว เจียหงกับฉันไปเจอสถานที่ในเจียงเฉิง เจียงโขว่และเจียงหยาง สถานที่นั้นค่อนข้างใหญ่ นายต้องมาสักครั้งแล้วออกแบบให้เสร็จ เพื่อที่เราจะได้เริ่มก่อสร้างและตกแต่งได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มันไม่ใช่แค่การออกแบบใช่ไหม ผมคงไม่ว่างไปตอนนี้ แต่จะให้เฉินอี้เฟยไปแทนในวันพรุ่งนี้”
ทันใดนั้น หลินเจียจวินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ฉันคาดหวังว่านายจะมา แต่ฉันไม่ได้อยากจะให้คนอื่นมาแทน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้เรามีบริษัทรับออกแบบโดยเฉพาะ มันไม่คุ้มเลยที่ผมจะทำทุกอย่างเองทั้งหมด”
หลินเจียจวินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ในเมื่อนายขอให้เฉินอี้เฟิงมา งั้นก็บอกให้เขาติดต่อฉันหลังจากที่มาถึงเจียงเฉิงก็แล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เขาวิ่งรถบรรทุก ผมคาดว่าเขาน่าจะไปถึงตอนกลางคืน พี่ไม่จำเป็นต้องรอเขา เขาจะโทรหาพี่เมื่อไปถึงเอง”
“โอเค ฉันเข้าใจ” หลินเจียจวินไม่ลังเลและกล่าวว่า “ข่าวดีที่สองคือ ฉันได้เจรจากับประธานเจียจากสำนักพิมพ์เจียงเฉิงเกี่ยวกับหนังสือที่คุณหลินจะตีพิมพ์ นายคิดว่าคุณหลินพร้อมจะนำต้นฉบับของเขามาให้กับประธานเจียได้ดูเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “รออีกสักสองสามวันจนกว่าเที่ยวบินจะกลับมาให้บริการปกติหลังวันปีใหม่ ผมจะบอกให้เหล่าหลินไป เพราะขืนให้นั่งรสบัสนาน ๆ ผมเป็นห่วงสุขภาพของเขา”
หลินเจียจวินพูดว่า “ทำไมนายไม่มากับเขาล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “งั้นเรื่องนี้ผมคิดว่าอีกสองสามวัน เราค่อยคุยกันก็ได้ ตอนนี้มันยากที่จะพูด”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามคำแล้ววางสายไป
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเวลาและเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปที่คลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้า
คนที่รับโทรศัพท์คือเฉินซิน
“ผู้ช่วยเจียง มีอะไรหรือเปล่าคะ ? ”
“วันนี้เหล่าหลินไปอยู่ที่คลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้าหรือเปล่า ? ”
“ตั้งแต่คุณหลินเรียนทำข้าวอบหม้อดินเสร็จ เขาก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลยค่ะ”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็บอกท่านประธานว่าเย็นนี้เราจะกินข้าวอบหม้อดินที่คลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้า”
“ได้ค่ะ ! ”
“เตรียมให้เหล่าหลินด้วยนะ ฉันจะแวะรับเขาไปด้วย”
“ได้ค่ะ ฉันจะบอกให้หลี่ฉางโหยวเริ่มทำอาหารเดี๋ยวนี้เลย ผู้ช่วยเจียง คุณต้องการสั่งอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ ? ”
“อาหารอย่างอื่น เดี๋ยวฉันจะซื้อที่เหล่าหลินชอบกินไปเอง”
“ได้ค่ะ ! ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋วางสาย เขาก็ตรงไปที่บ้านของหลินฉางเกิงบนถนนซานเซิ่งทางตอนเหนือของเมืองอีกครั้ง
เมื่อทั้งสองพบกัน หลินฉางเกิงก็หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ช่วงนี้นายยุ่งเรื่องอะไรหรือเปล่า ? ฉันได้ยินมาว่านายไปเจี้ยนหยางและรีบกลับภายในวันเดียวกันเลย จากนั้นก็ไม่เห็นนายไปที่คลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้าอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “งานหลักของผมตอนนี้ก็คือการหาสำนักงานให้เครือบริษัทครับ”
เขากำลังพูดถึงการหาที่เพื่อสร้างสำนักงานชั่วคราวให้กับเจียงเจียกรุ๊ป
มีนายกเทศมนตรีจางคอยช่วย เจียงเจียกรุ๊ปและโรงงานทำขนมได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้น แต่ยังไม่มีการเจรจารายละเอียดเฉพาะ แต่โรงงานทำขนมก็ตกลงที่จะมอบที่ดินบนถนนชิงโจวให้กับเจียงเจียกรุ๊ปก่อน
ทุกวันนี้ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังคิดคิดว่าจะใช้ที่ดินในสำนักงานนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร ประการแรกคือต้องตอบสนองความต้องการของสำนักงานเป็นระยะเวลาสองปี และประการที่สองต้องสร้างแผนกขายขึ้นมาที่นั่นจนกว่าอาคารชิงโจวจะสร้างเสร็จ
และที่สำคัญคืออาคารชั่วคราวนี้ต้องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป มีชั้นเดียว ทำได้รวดเร็ว ต้องใช้งานได้จริงและคุ้มค่า เพื่อที่จะได้ไม่รื้อถอนลำบากเกินไปในอนาคต
หลินฉางเกิงไม่รู้เรื่องนี้ เขาแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้กิจการของนายเติบโตขึ้นแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องมีพื้นที่สำนักงานที่เหมาะสมแล้ว”
เขายิ้มและพูดว่า “วันนี้ที่นายมาหาฉันเพราะรอไม่ไหวที่จะรู้ข่าวเกี่ยวกับเรือนสี่ประสานในเทียนจิงใช่ไหม ? ”
การที่เจียงเสี่ยวไป๋มาหาเหล่าหลิน เขาตั้งใจที่จะมาสอบถามเกี่ยวกับเรือนสี่ประสานจริง ๆ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ระหว่างที่มา ผมก็คิดถึงเรื่องนี้จริง ๆ ”
“หืม ? ” หลินฉางเกิงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วยังมีอย่างอื่นอีกไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้อ้อมค้อมอะไร และพูดออกไปตามตรงว่า “เราได้ติดต่อกับสำนักพิมพ์เจียงเฉิงเกี่ยวกับการตีพิมพ์หนังสือของคุณแล้ว ประธานเจียอยากให้คุณนำต้นฉบับไปคุยรายละเอียดต่าง ๆ ที่นั่น”
หลินฉางเกิงวอกแวกเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าการตีพิมพ์หนังสือจะมีการตัดสินใจเร็วขนาดนี้
เมื่อมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ขอบคุณมากนะ ต้นฉบับของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะไปที่เจียงเฉิงพรุ่งนี้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เหล่าหลิน ไม่ต้องกังวลไป ผมขอเลื่อนเวลาให้คุณแล้ว”
“อ่า ? ” หลินฉางเกิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยความสับสน “เสี่ยวไป๋ ทำไมต้องเลื่อนนัดออกไปด้วย ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมบอกพวกเขาว่าคุณสามารถไปที่นั่นได้หลังวันปีใหม่ คุณจะได้นั่งเครื่องบินไป มันสะดวกและรวดเร็วกว่า ! ”