ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 716 ทักทายกันตลอดทาง
ตอนที่ 716 ทักทายกันตลอดทาง
หลังจากโทรหาหลินเจียจวินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับไปที่โต๊ะหลุมไฟ
หลินเจียอินพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณหลินกำลังจะไปเจียงเฉิงด้วยหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและบอกเรื่องตีพิมพ์หนังสือของหลินฉางเกิงให้เธอฟัง
หลินเจียอินยิ้มอย่างยินดีด้วย และกล่าวว่า “คุณนี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าหลินจริง ๆ ถึงกับช่วยเขาหาที่ตีพิมพ์หนังสือด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมให้สัญญากับเขาไว้ตั้งแต่ตอนที่สร้างบ้านในเจียงวาน นอกจากนี้เหล่าหลินยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณอีกด้วย การตีพิมพ์หนังสือของเขายังเป็นการสนับสนุนวัฒนธรรมทางสถาปัตยกรรมของประเทศเราให้แพร่หลายยิ่งขึ้น”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ฉันไม่ได้บอกว่าการช่วยเหล่าหลินตีพิมพ์หนังสือเป็นเรื่องไม่ดี ฉันแค่ชื่นชมและซาบซึ้งใจแทนเขา”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ประเทศของเรายังขาดคนอย่างเหล่าหลิน ถือเป็นเรื่องดีที่เราได้รู้จักเขา”
ที่จริงแล้วหลินเจียอินไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอาคารโบราณมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวัฒนธรรมทางสถาปัตยกรรมเลย เธอเป็นเช่นเดียวกับคนทั่วไปที่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คัดค้านที่เจียงเสี่ยวไป๋ช่วยเหล่าหลินตีพิมพ์หนังสือออกมา เธอกลับมองว่ามันเป็นโอกาสที่จะมีชื่อเสียงมากกว่า
ในช่วงทศวรรษ 1980 ใครก็ตามที่สามารถตีพิมพ์หนังสือออกมาได้จะต้องได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
เธอเองก็คงจะดีใจไม่น้อย หากว่าเหล่าหลินจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาในวันข้างหน้า
เจียงชานยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อเธอได้ยินว่าหลินฉางเกิงกำลังจะไปที่เจียงเฉิงด้วย “ดีเลยค่ะ คุณปู่หลินก็จะไปที่เจียงเฉิงด้วย หนูจะได้มีเพื่อนคุยด้วยตลอดทางแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ “ถ้าอย่างนั้นหนูต้องต้องขอคำแนะนำมาจากปู่หลินให้มาก ๆ นะ เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก”
เจียงชานพยักหน้า “หนูจะพยายามจำทั้งหมดที่เขาสอนมาค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ถ้าลูกสาวของเขาโตขึ้น เธอคงจะสามารถเรียนรู้บางอย่างจากเหล่าหลินได้จริง ๆ
เพียงแต่ว่าเธออายุยังไม่ถึงหกขวบด้วยซ้ำ และสิ่งที่เหล่าหลินรู้มาก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กอย่างเธอจะสามารถเข้าใจได้ในตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะไม่พูดให้ความกระตือรือร้นของลูกสาวลดน้อยลง
ระหว่างที่รอ พวกเขาก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
เขาหยุดพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้และสอนวิธีชงชาให้กับหลินเจียอิน
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ไม่นาน หลินฉางเกิงก็ออกมาจากห้องนวดเท้า จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ไปส่งเขากลับบ้าน
ต่อมาเขาก็มารับหลินเจียอินและเจียงชานกลับเจียงวานต่อ
หลังจากมาถึงโรงจอดรถใต้ดิน เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “เมียจ๋า คุณและชานชานกลับไปที่บ้านก่อนเลยนะ ผมจะไปเดินเล่นในหมู่บ้านสักหน่อย”
หลินเจียอินกล่าวว่า “คุณจะไปถามไถ่พวกเขาเรื่องผักนอกฤดูใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ผมจะไปวันมะรืนนี้แล้ว ก่อนไปต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อน”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ระวังตัวด้วย ข้างนอกมันหนาวและมืดมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขที่ภรรยาเป็นห่วงเขา เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ผมมีไฟฉายอยู่ในรถ เดี๋ยวจะเอาติดตัวไปด้วยหนึ่งกระบอก”
“เอาล่ะ กลับเข้าบ้านกันเร็ว ! ” หลินเจียอินจึงหันไปพูดกับเจียงชาน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมจะไปเยี่ยมบ้านหลาย ๆหลังเพื่อสอบถามสถานการณ์ดู น่าจะนานหน่อย ไม่ต้องรอผมนะ คุณเข้านอนก่อนได้เลย”
หลินเจียอินพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋หยิบไฟฉายออกมาจากรถแล้วเอาบุหรี่สองสามห่อใส่ในกระเป๋า จากนั้นเขาก็ล็อครถ ก่อนจะเดินออกจากโรงรถใต้ดินแล้วเดินลงบันไดหินไป
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ซึ่งลมหนาวตอนกลางคืนนั้นหนาวเหน็บมาก
เจียงเสี่ยวไป๋กระชับเสื้อกันหนาวของเขาแล้วเดินออกไปช้า ๆ พร้อมกับไฟฉายในมือ และในไม่ช้าเขาก็เดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน
ที่ทางสี่แยกของหมู่บ้าน มีศูนย์กิจกรรมหมู่บ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดที่นี่สักพัก แล้วเอาไฟฉายส่องดู เขาเห็นว่าโครงร่างของอาคารเริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ซึ่งคาดว่าหลังเขากลับมาจากเทียนจิง ที่นี่ก็คงเกือบจะสร้างเสร็จแล้ว
“ฉันหวังว่าร้านสะดวกซื้อสาขาแรกจะได้เปิดกิจการในเจียงวานนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางแผนที่จะเอาโครงการล็อตเตอรี่แห่งความหวังเข้าร่วมกับร้านสะดวกซื้อ ทุกคนในเจียงวานมีทีวีทุกบ้านและมีเงินใช้ไม่ขาดแคลน แม้ว่าประชากรจะไม่มาก แต่ก็สามารถตั้งจุดขายล็อตเตอรี่ได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านสะดวกซื้อทั่วไป เพียงแต่มีการขายล็อตเตอรี่เข้ามาเสริมเท่านั้น
เขามองอยู่สักพักแล้วจึงเดินขึ้นไปบนภูเขา
ขณะนี้ถนนขึ้นหมู่บ้านได้สร้างเป็นถนนคอนกรีตที่กว้างกว่า 3 เมตรแล้ว ซึ่งเดินได้ง่ายกว่าถนนลูกรังมาก
แสงไฟฉายสาดส่องไปทั่วทุ่งนา ซึ่งปกคลุมไปด้วยโรงเรือนหลังคาสีขาวทั้งหมด มีบ้านหลังใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ข้างหน้า
ซึ่งบ้านหลังแรกก็คือบ้านของเฉินหยวนชาง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยู่ในบ้านในเวลานี้ คนงานต่างเลิกงานกันไปหมดแล้ว และเฉินหยวนชางก็กลับไปนอนบ้านหลังเก่าของเขา
ถ้าจะไปบ้านเก่าต้องเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋หันเลี้ยวไปตามทาง และไม่นานก็มาถึงประตูบ้านของช่างไม้ถาน
“ลุงถาน อยู่บ้านหรือเปล่า ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนเสียงดังอยู่ตรงลานบ้านของช่างไม้ถาน
สักพัก ช่างไม้ถานก็เปิดประตูออกมาแล้วถามกลับมาว่า “นั่นใครน่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมเอง เจียงเสี่ยวไป๋ ! ”
ช่างไม้ถานพูดว่า “เสี่ยวไป๋นี่เอง ทำไมไม่เข้ามาในบ้านก่อนล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ ลุงช่วยไปบอกชาวบ้านรอบ ๆ นี้ทีนะว่าคืนนี้ผมมีอะไรจะคุยกับพวกเขา อย่าเพิ่งเข้านอน ให้รอผมก่อน”
ช่างไม้ถานพูดว่า “ได้ ๆ ฉันจะไปบอกเพื่อนบ้านแถวนี้ให้ว่านายมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ให้พวกเขามารวมตัวที่บ้านของฉันเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ได้ครับ งั้นผมขอไปบอกชาวบ้านที่เหลือก่อน เสร็จจากที่นั่น ผมจะกลับมาคุยกับชาวบ้านที่นี่ต่อ”
“โอเค ฉันเข้าใจ ! ” ช่างไม้ถานตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบรับและเดินออกไป
ทุกครั้งที่เขามีธุระจะคุยกับชาวบ้าน เขามักจะขอความช่วยเหลือจากใครสักคนเสมอ
สาเหตุหลักก็มาจากเขากังวลว่าเมื่อเขากลับมาดึก ชาวบ้านกลุ่มนี้จะหลับไปเสียก่อน
แต่เพราะวิธีนี้ เกือบทุกครัวเรือนในเจียงวานจึงรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการพูดคุยกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีบ้านหลังไหนกล้าเข้านอนไปก่อน
และก็มีการซุบซิบกันมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เสี่ยวไป๋ไม่ค่อยออกไปไหนตอนกลางคืน ทำไมจู่ ๆ ถึงมาคุยธุระกับพวกเราตอนนี้ล่ะ ? ”
“ใช่ ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน”
“หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ? ”
“ดูไม่เหมือนนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาคงจะเรียกพวกเราทั้งหมดมารวมกันแบบเร่งด่วนกว่านี้แล้ว”
“ใช่ ถ้าเขาค่อย ๆ บอกพวกเราทีละจุดแบบนี้ ก็อาจเป็นเพราะเขาคงอยากคุยกับทุกคน”
“เป็นไปได้มาก แต่เขาอยากคุยกับเราเรื่องอะไร ? ”
“ฉันจะไปเดาความคิดของเสี่ยวไป๋ได้อย่างไร”
“ฉันเดาว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับผักนอกฤดูกาล ตอนนี้ผักในโรงเรือนของเราใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น บริษัทขายผักก็ตั้งขึ้นแล้ว น่าจะได้เวลาขายผักกันแล้ว”
“หรืออาจเป็นเรื่องศูนย์กิจกรรมหมู่บ้าน”
“เสี่ยวไป๋เป็นคนหาเงินมาสร้างศูนย์กิจกรรมของหมู่บ้านให้เรา และคนงานที่มาก่อสร้างก็มาจากบริษัทของเขาด้วย”
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ เดาไปก็เสียเวลาเปล่า มามา มาสูบบุหรี่กัน มาอยู่ข้างกองไฟให้ร่างกายอบอุ่นระหว่างที่รอเขามากันเถอะ”
“หงเซี่ย ไปเอาเมล็ดแตงโมห้ารสและถั่วลิสงคั่วที่คุณซื้อมาสักสองสามห่อสิ ! ”
“และอย่าลืมส้มที่ฉันซื้อเมื่อวานนี้ด้วย”
“……”
ปัจจุบัน ทุกครัวเรือนในเจียงวานต่างก็มีโต๊ะหลุมไฟกันหมด พวกเขาไม่คิดที่จะผิงไฟเหมือนเมื่อก่อนและหันมานั่งรอบโต๊ะหลุมไฟแทน
นอกจากนี้ ทุกครัวเรือนยังมีเงินมากพอ เพราะขนมทุกอย่างจากร้านโยวผิ่น รวมถึงผมไม้อย่าง ส้ม แอปเปิ้ล และผลไม้อื่น ๆ ที่พวกเขาเคยไม่มีเงินซื้อกินในช่วงตรุษจีนของปีที่ผ่าน ๆ มา ในตอนนี้พวกเขากลับมีติดบ้านราวกับเป็นของทานเล่นที่จำเป็นและไม่ต้องใช้เงินซื้ออย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนมารวมตัวกันรอบโต๊ะหลุมไฟ สูบบุหรี่ และกินเมล็ดแตงโมไปด้วย พลางพูดคุยเกี่ยวกับผักนอกฤดูที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวในอีกไม่นานขณะรอเจียงเสี่ยวไป๋