ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 74 :ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง
ตอนที่ 74 :ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง
หลังจากใช้เวลาอยู่ในร้านสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มาถึงถนนชิงซาน
ป้าย “อู่ซ่อมรถกวงหมิง” ยังคงปรากฏให้เห็นเด่นชัด และหลี่กวงหรงยังอยู่ในเครื่องแบบทหารปลดประจำการชุดเดิมตลอดทั้งปี
“สหายหลี่ กิจการเป็นไปด้วยดีใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถแล้วเดินไปหาหลี่กวงหรง และทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“คุณเป็นใครหรือ ? ”
หลี่กวงหรงลืมเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว จึงถามด้วยความสับสน
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นเงิน 2 เหมาให้เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวที่แล้วผมเคยมาปะยางที่นี่ แต่ตอนนั้นไม่มีเงินติดตัวมา”
“อ้อ เป็นคุณนั่นเอง ! ”
หลี่กวงหรงจำได้แล้ว เขาโบกมือและพูดว่า “มันนานมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เงินฉันหรอก”
เดิมที หลี่กวงหรงรู้สึกเป็นทุกข์อยู่พักหนึ่ง ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่จ่ายค่าซ่อมยางครั้งก่อน แต่ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ให้เงินเขา เขากลับปฏิเสธทันที
แม้ว่าเขาจะต้องการเงิน แต่เขาก็ต้องปฏิเสธก่อน
มิฉะนั้น จะรักษาภาพลักษณ์ที่เขาสร้างเอาไว้ได้ยังไง
“สหายหลี่ คุณต้องรับเงินนี้ไว้”
“คราวที่แล้วผมลืมเอาเงินมาจริง ๆ แต่คุณก็มีน้ำใจช่วยปะยางให้ผม”
“ครั้งนี้ผมมีเงิน ผมควรจะจ่ายคืนคุณ คุณช่วยเหลือผมด้วยความมีน้ำใจ ดังนั้นผมไม่ควรละเลยความสัมพันธ์ของเราเช่นกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลี่กวงหรงเป็นคนแบบไหน ?
หลังจากพูดคุยกันสองสามคำ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยืนกรานที่จะให้เงิน 2 เหมาแก่เขา
หลี่กวงหรงยิ้มกว้าง “สหาย คุณเป็นคนมีหลักการจริง ๆ ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณ งั้นฉันขอทราบชื่อของคุณได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำตัวเอง
หลี่กวงหรงกล่าวว่า “สหายเจียง คุณนำรถของสำนักความมั่นคงสาธารณะมาที่นี่ได้ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ธรรมดาจริง ๆ ”
หลี่กวงหรงมีสายตาที่เฉียบคม มองจากระยะไกลก็รู้แล้วว่ารถคันนี้เก่ามากแล้ว และเมื่อเขาสังเกตว่าอุปกรณ์ของตำรวจถูกถอดออก เขาก็พอจะทราบคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นรถตำรวจที่ถูกทิ้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถนำมาขับได้ หากไม่มีเส้นสาย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “สหายหลี่ คุณฉลาดและรอบรู้จริง ๆ แม้ผมจะได้รถคันนี้มา แต่มันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมาขอความช่วยเหลือจากคุณอีกครั้ง”
หลี่กวงหรงกล่าวว่า “เรื่องการปะยางหรือซ่อมจักรยานทั่วไปเป็นเรื่องหนึ่ง แต่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของคุณก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉันเกรงว่าจะซ่อมให้คุณไม่ได้”
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีความประทับใจที่ดีต่อเจียงเสี่ยวไป๋ แต่พวกเขาพบเจอพูดคุยกันเพียงสองครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไว้วางใจเขาทั้งหมดในคราวเดียว
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมรู้จักสหายหลี่ดี ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นเหลยเฟิงแห่งถนนชิงซานเท่านั้น แต่คุณยังเป็นฝนที่ตกในเวลาที่เหมาะสม คุณเป็นคนชอบธรรมและคงมีเพื่อนมากมาย”
เมื่อได้ยินคำพูดเยินยอ หลี่กวงหรงก็มีความสุขอย่างมาก
“สหายเจียง ดูคุณสิ พูดมาทำเอาฉันละอายใจเลย เอาล่ะ คุณต้องการอะไรบอกฉันสิ ฉันจะถามเพื่อนของฉันให้ เผื่อฉันสามารถช่วยคุณได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขารู้จักหลี่กวงหรงเป็นอย่างดี รู้ว่าผู้ชายคนนี้เล่นมอเตอร์ไซค์มือสองมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 1970 และรู้เทคนิคการปรับแต่งรถ ต่อมาเขาเริ่มก่อตั้งชมรมปรับแต่งมอเตอร์ไซค์
ตอนนี้ปี 1983 แล้ว แต่ยังเร็วเกินไปที่เขาจะกลายเป็นตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ และก่อตั้งชมรมปรับแต่งมอเตอร์ไซค์ เจียงเสี่ยวไป๋คาดว่าผู้ชายคนนี้ต้องสะสมทรัพยากรและคอนเนคชั่นไว้พอสมควรแล้ว
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา เพียงแค่บอกส่วนที่เขาต้องการออกไป
หลี่กวงหรงตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้ยินและพูดว่า “สิ่งที่คุณต้องการคือ เครื่องยนต์ โช้คอัพ คาร์บูเรเตอร์ ท่อไอเสีย คาลิปเปอร์ หัวเทียน เกียร์ คลัตช์ เบรก ดุมล้อ ยาง……”
“หากคุณเปลี่ยนอะไหล่เหล่านี้ทั้งหมด ก็เกือบจะเหมือนกับการซื้อรถคันใหม่”
เขาส่ายหัวแล้วพูดต่อ “แม้ว่าฉันจะหาอะไหล่ได้บางรุ่น แต่ฉันประกอบอะไหล่หลายรุ่นที่คุณพูดถึงไม่เป็น ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถติดตั้งให้คุณได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกดีใจที่เขาหาอะไหล่ให้ได้
ทว่าหลี่กวงหรงหมายความว่าเขาสามารถหาอะไหล่เหล่านี้ได้ แต่ทักษะของเขาไม่เพียงพอที่จะติดตั้งอย่างถูกต้อง เจียงเสี่ยวไป๋จึงตอบกลับไปว่า “ตราบใดที่สหายหลี่สามารถช่วยผมจัดหาอะไหล่ได้ ผมก็สามารถประกอบเองได้”
จริงหรือ ?
“คุณประกอบเองได้จริง ๆ หรือ ? ”
หลี่กวงหรงรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น เขาอ้าปากค้างซึ่งมันกว้างพอที่จะยัดไข่เป็ดได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ในระหว่างที่เขารับราชการทหาร เขาเป็นทหารช่างซ่อมบำรุง และใช้เวลา 3 ปีในการซ่อมรถทหารและมอเตอร์ไซค์ หลังจากปลดประจำการจากกองทัพ เขายังคงศึกษาและเรียนรู้เรื่องนี้ต่อไปอีก 2-3 ปี แม้ทักษะของเขาจะดีขึ้นมาก แต่เขายังไม่สามารถปรับแต่งอะไหล่ที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงบนมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างได้
แต่ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋กำลังบอกว่า เขาสามารถทำได้
มันทำให้เขาประหลาดใจมาก
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างมั่นใจ หลี่กวงหรงไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีก เขาพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่น่าจะมีอะไหล่เหล่านี้ที่คุณพูดถึง ถ้าคุณประกอบมันได้ ฉันจะพาคุณไปพบเขา”
ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง ?
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ นี่เป็นคำพูดที่ใช้กันแพร่หลายในอนาคต เมื่อใดก็ตามที่ผู้พูดไม่สะดวกที่จะพูดว่ามันเป็นของตนเองหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง พวกเขาก็มักจะอ้างว่าเป็นของ “เพื่อน”
น่าแปลกที่ตอนนี้เพิ่งปี 1983 แต่หลี่กวงหรงกลับใช้กลยุทธ์คำพูดดังกล่าวเป็นแล้ว เขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น โดยไม่แม้แต่จะหน้าแดง
“ผมบอกแล้วว่าสหายลี่เปรียบเสมือนสายฝนที่ตกในเวลาที่เหมาะสม คุณมีมิตรสหายอยู่ทุกหนทุกแห่งจริง ๆ ”
“เมื่อคุณขอความช่วยเหลือจากสหายหลี่ ไม่มีอะไรที่เขาจัดการไม่ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดชมหลี่กวงหรงไม่ขาดปาก และไม่ลืมที่จะให้ความเชื่อมั่นอีกครั้ง “สหายหลี่วางใจได้ ตราบใดที่ผมได้อะไหล่เหล่านั้นมา ผมจะให้ราคาที่ยุติธรรมแน่นอน”
หลี่กวงหรงมีความสุขมาก เขาไม่มีกะจิตกะใจเปิดร้านอีกต่อไป เขารีบปิดร้านและพาเจียงเสี่ยวไป๋ไปพบกับ “เพื่อน” ของเขา
หลี่กวงหรงนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาทำหน้าที่บอกทางให้ ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงตรอกเล็ก ๆ บนถนนชิงซานอย่างรวดเร็ว ที่นี่ถูกเรียกว่าตรอกตระกูลหลี่
บ้านเลขที่ 76
ตรงกลางของกำแพงยาวสิบห้าเมตรมีประตูเหล็กขึ้นสนิมที่ ภายในเป็นลานขนาดเล็ก มีอาคารสามหลังสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมล้อมรอบ ตรงข้ามประตูเป็นบ้านเก่าสองชั้นที่ก่อด้วยอิฐและกระเบื้อง และทั้งสองด้านก็เป็นบ้านอิฐและกระเบื้องเช่นกัน แต่สูงเพียงชั้นเดียว
หลี่กวงหรงเปิดประตูเหล็ก และบอกให้เจียงเสี่ยวไป๋จอดมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างในลานเล็ก
“พี่ห้า พี่กลับมาแล้ว”
หลังจากจอดรถแล้ว หญิงสาวรูปร่างเพรียวสูงอายุประมาณ 17-18 ปีเดินออกมาจากบ้านทางด้านซ้าย เธอทักทายหลี่กวงหรงอย่างอบอุ่น
หลี่กวงหรงยิ้มเขิน ๆ ให้เจียงเสี่ยวไป๋และแนะนำเธอว่า “นี่คือหลี่กวงเหลียน น้องสาวของฉันเอง”
ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาหลี่กวงเหลียนและพูดว่า “พี่พาเพื่อนมาดูอะไหล่รถ”
ที่นี่เป็นบ้านของเขานี่เอง
เจียงเสี่ยวไป๋กลั้นหัวเราะ พยักหน้าทักทายหลี่กวงเหลียนอย่างสุภาพและพูดกับหลี่กวงหรงว่า “เราไปดูอะไหล่รถกันเถอะ”
จากนั้น หลี่กวงหรงพาเจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในบ้านทางด้านขวา
เมื่อเข้ามา เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าห้องนั้นเต็มไปด้วยอะไหล่รถมากมาย ทั้งของรถมอเตอร์ไซค์และจักรยาน เช่น เบาะนั่งแบบถอดประกอบ ดุมล้อ ยาง เครื่องยนต์ กล่องจดหมาย แฮนด์บาร์…
ที่มุมกำแพงมีจักรยานจอดอยู่แถวหนึ่ง ซึ่งมีมากถึง 9 คัน
นอกจากนี้ ยังมีมอเตอร์ไซค์คันเก่าจอดอย่างเด่นสง่าอยู่ 2 คัน ตัวรถมีสีสันฉูดฉาด แต่ขัดเงาจนวาววับ
มองเพียงแวบเดียวก็สามารถเดาได้ว่าหลี่กวงหรงประกอบมอเตอร์ไซค์สองคันนี้ด้วยตัวเอง
หลี่กวงหรงไม่รอช้าและเดินเข้าไปข้างในเพื่อเปิดประตู เจียงเสี่ยวไป๋ตามเขาเข้ามาและเห็นตู้เรียงเป็นแถวพร้อมกับอะไหล่รถจักรยานยนต์ต่าง ๆ ที่จัดหมวดหมู่แสดงโชว์ไว้อย่างเรียบร้อย
“เป็นอะไหล่มือสองทั้งหมด”
หลี่กวงหรงพูดแนะนำอย่างเก้กัง “แต่ยังใช้ได้ทั้งหมด”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและมองไปรอบ ๆ เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาต้องการส่วนใหญ่มีอยู่ที่นี่แล้ว
“แต่เครื่องยนต์ 250 cc ที่คุณต้องการยังไม่พร้อมใช้งาน”
“แต่ฉันสามารถขอให้เพื่อนซื้อเครื่องยนต์ใหม่ให้ได้ แต่ต้องรอวันพรุ่งนี้” หลี่กวงหรงกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นเต้นและพูดว่า “ไม่มีปัญหา เรามาจัดการกับส่วนที่มีก่อน ผมจะเริ่มปรับแต่งตอนนี้เลย”
หลี่กวงหรงอยากรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะทำอย่างไร เขาตอบตกลงทันทีพร้อมกับทำหน้าที่เป็นคนยื่นเครื่องมือให้ และทั้งสองคนก็เริ่มรื้อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง