ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 77 :ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน
ตอนที่ 77 :ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน
“หวังผิง คุณปฏิบัติกับฉันไม่ดี ! ”
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เฝิงเยี่ยนหงมองตามมอเตอร์ไซค์คันนั้นไปและพูดด้วยความน้อยใจ
หวังผิงไม่เข้าใจ จึงถามเธอไปว่า “ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีอย่างไร ? ”
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “ดูที่เจียงเสี่ยวไป๋สิ แม้ว่าธนาคารจะอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ยังขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่เจียอินที่นั่น”
อะไรกันเนี่ย ?
หวังผิงยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก
การที่เจียงเสี่ยวไป๋พาหลินเจียอินไปที่ธนาคาร กลายเป็นว่าเขาปฏิบัติต่อเฝิงเยี่ยนหงไม่ดีได้อย่างไร ?
หวังผิงเกาหัวและพูดว่า “เพราะเจียงเสี่ยวไป๋กังวลที่พี่เจียหยินพกเงินจำนวนมากไปที่ธนาคารคนเดียว”
เฝิงเยี่ยนหงถลึงตาใส่เขา ในใจได้แต่คิดว่าเขาช่างไม่รู้อะไรเลย
พูดไปยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ
“เจียงเสี่ยวไป๋เขายังให้พี่เจียอินเก็บเงินทั้งหมดอีกด้วย ! ” เฝิงเยี่ยนหงยังคงพูดอย่างขุ่นเคือง
อ่า…
นี่ ?
“ได้ จากนี้ไปคุณจัดการเรื่องเงินในบ้านของเรา และผมจะให้เงินทั้งหมดของผมกับคุณด้วย”
หวังผิงพูดอย่างหมดหนทาง
“อืม ถูกต้องแล้ว ! ”
”คุณควรเรียนรู้จากลูกพี่ลูกน้องของคุณ ! ”
เฝิงเยี่ยนหงยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นหญิงสาวก็ได้หันกลับไปทำงาน ทิ้งให้หวังผิงยืนอึ้งอยู่คนเดียว
‘เจียงเสี่ยวไป๋ นายสร้างปัญหาให้ฉันเข้าแล้ว ! ’
หวังผิงได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พาหลินเจียอินกลับจากธนาคาร เขาไม่ลงจากรถมอเตอร์ไซค์และบอกว่าเขาจะออกไปหาหลี่กวงหรงครู่หนึ่ง
……
“น้องชาย ในที่สุดนายก็มา”
ทันทีที่เขาเข้าไปในลานบ้าน หลี่กวงหรงก็ทักทายเขาอย่างอบอุ่นด้วยท่าทางกระตือรือร้น ราวกับว่าแทบจะรอเจอหน้าเขาไม่ไหวแล้ว
หลังจากเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปเมื่อวานนี้ หลี่กวงหรงก็ง่วนอยู่ในห้องของตัวเอง เขาได้เรียนรู้เทคนิคการปรับแต่งรถหลายอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พอจะเจอปัญหายาก ๆ ที่เขาหาคำตอบไม่ได้อยู่เหมือนกัน
หลังจากรู้เรื่อง เจียงเสี่ยวไป๋ก็ประหลาดใจ
ไม่น่าแปลกใจที่ในอนาคต หลี่กวงหรงจะได้กลายเป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการร้านรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะความทุ่มเทและแรงผลักดันแบบนั้นของเขาไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมี
ต่อจากนั้น ทั้งสองก็ขลุกอยู่กับความพยายามในการดัดแปลงมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง
เมื่อวานนี้หลี่กวงหรงเฝ้าสังเกตและถามคำถามมากมาย แต่เขาไม่ได้ลงมือทำจริง ๆ
แต่วันนี้เขาอาสาทำเอง โดยมีเจียงเสี่ยวไป๋คอยแนะนำอยู่ด้านข้าง ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋ยินดีที่จะให้คำอธิบายอย่างละเอียด
ทั้งสองคนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนถึงเวลาบ่าย ในที่สุด การดัดแปลงมอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้างก็เสร็จสิ้น แม้ว่าภายนอกจะดูไม่เปลี่ยนแปลง แต่แท้จริงแล้วกลับได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์
“เหล่าหลี่ ขอบคุณมาก”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ รถคันนี้คงเป็นแค่กองเศษเหล็กในโกดัง”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณอย่างจริงใจ
“หากเรากำลังพูดถึงบุญคุณ ฉันก็ควรขอบคุณนายเช่นกัน ครั้งนี้ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากนาย” หลี่กวงหรงกล่าวอย่างจริงจัง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “พี่ลองคำนวณราคามาสิว่าทั้งหมดเท่าไร ? ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่กวงหรงก็พูดว่า “ทั้งหมด 960 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋ผงะไปชั่วขณะ และพูดว่า “เหล่าหลี่ แม้เราจะเป็นสหายกัน แต่พี่ไม่ควรทำธุรกิจที่ขาดทุนนะ”
ในตอนแรก เขาคิดว่าด้วยชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนมาก ราคาอย่างน้อย ๆ น่าจะประมาณ 2,000 หยวนได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลี่กวงหรงจะคิดราคาเพียง 900 กว่าหยวนเท่านั้น
หลี่กวงหรงอธิบายว่า “ถึงรถของนายจะเปลี่ยนอะไหล่หลายอย่าง แต่ราคาไม่ได้แพง ที่แพงกว่าเขาหน่อยก็เห็นจะมีแค่เครื่องยนต์ 250cc พวกโช้คอัพ คาร์บูเรเตอร์ หัวเทียน และผ้าเบรกที่เป็นของใหม่ ซึ่งส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นของเก่าที่ฉันมีอยู่แล้ว พวกมันไม่ได้มีราคามากนัก”
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตระหนักว่าตอนที่เขาคำนวณค่าใช้จ่าย เขาคำนวณจากอะไหล่ใหม่ทั้งหมด โดยลืมไปว่าอะไหล่ส่วนใหญ่เป็นของมือสอง
อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นเขาก็รู้ว่าหลี่กวงหรงจะต้องให้ส่วนลดแก่เขาเป็นการตอบแทน
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ “อืม ขอบคุณ”
หลี่กวงหรงโบกมือบ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋จึงกล่าวว่า “ไปกันเถอะ เราไปเอาเงินกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่กวงหรงดูตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ฉันเป็นคนขี่ ส่วนนายนั่งพ่วงข้างไป”
เนื่องจากมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างได้รับการปรับแต่งใหม่ เขาจึงตื่นเต้นอยากทดสอบสมรรถนะของมันโดยเร็ว
แต่นี่คือรถของเจียงเสี่ยไป๋ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะขอนำรถไปทดลองขับ
ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าไปเอาเงินกับเขา ดังนั้นหลี่กวงหรงจึงไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไป หลี่กวงหรงอาสาเป็นคนขี่ให้ทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปฏิเสธ และเดินไปยังที่นั่งบนพ่วงข้างทันที
เบาะหนังนั่งสบาย เพราะเปลี่ยนฟองน้ำใต้เบาะและหุ้มเบาะใหม่ ทำให้ความยืดหยุ่นค่อนข้างดี มีพนักพิงหลัง ทำให้เอนหลังได้สบาย ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถสปอร์ตเปิดประทุนจากโลกอนาคต
เมื่อคิดได้ว่าหากภรรยาของเขาอุ้มลูกสาวนั่งตรงทุกวัน ก็คงจะสบายกว่าขี่มอเตอร์ไซค์สองล้อหลายเท่า แค่คิดเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
“บื้น…บื้นบื้นบื้น…”
หลี่กวงหรงขอที่อยู่ จากนั้นขึ้นไปขี่รถมอร์เตอร์ไซค์พ่วงข้าง ระหว่างทาง เขาขับสลับเร็วและช้าเพื่อทดสอบสมรรถภาพของรถหลังจากการปรับแต่งอย่างระมัดระวัง
หลังจากทดสอบสมรรถภาพต่าง ๆ เช่น กำลังขับ การเบรก การทรงตัว ระบบกันสะเทือน และการลดเสียงรบกวน หลี่กวงหรงก็ร้องอุทานอย่างตื่นเต้นว่า “น้องชาย นายมันน่าทึ่งจริง ๆ หลังจากปรับแต่งแล้ว ประสิทธิภาพของรถคันนี้ดีกว่ารถใหม่เสียอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะและพูดว่า “ถ้ารถที่ปรับแต่งแล้วยังคงเหมือนเดิม แล้วจะดัดแปลงมันทำไม”
หลี่กวงหรงพยักหน้าและพูดว่า “ในอนาคต ฉันจะรับแต่งรถแบบนี้ด้วย ขอทำตามแนวทางของนายเลยแล้วกัน”
ก่อนหน้านี้ การแต่งรถที่เขาเคยทำ เป็นเพียงการประกอบอะไหล่ต่าง ๆ ที่ถูกทิ้งเข้าด้วยกัน เขาไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนในการปรับแต่ง ดังนั้นสมรรถภาพของรถยังคงเหมือนเดิม
แต่ครั้งนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้เปิดโลกให้เขาและยังสร้างแรงบันดาลใจในมุมมองใหม่ ๆ ให้กับเขาอีกด้วย
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน พวกเขาก็มาถึงที่หมายแล้ว
ทันทีที่พวกเขาลงจากรถ หลี่กวงหรงก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่มีคนมากมายต่อคิวเพื่อรอซื้ออาหาร
“ที่นี่เป็นร้านของนายอย่างนั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเลี้ยงพี่หลี่สักชาม ลองชิมดูสิ”
กลิ่นหอมเย้ายวนของผัดมันฝรั่งโชยเข้าจมูกของหลี่กวงหรง เขาจึงตอบตกลงอย่างดีใจ
เจียงเสี่ยวไป๋บอกให้เฝิงเยี่ยนหงนำผัดมันฝรั่งมาเสิร์ฟให้หลี่กวงหรงหนึ่งชาม จากนั้นเขาก็ไปขอเงินจากหลินเจียอิน
“เมียจ๋า ขอเงินให้ผม 960 หยวนที ผมจะจ่ายเงินให้สหายหลี่”
หลินเจียอินมองไปที่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “นั่นใช่รถมอเตอร์ไซค์ที่คุณซื้อหรือเปล่า ? ”
เมื่อวานนี้ เธอได้ยินจากเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเขาซื้อมอเตอร์ไซค์ เธอคิดว่ามันเป็นมอเตอร์ไซค์สองล้อธรรมดา
เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋เคยบอกเอาไว้ว่าการซ่อมแซมรถน่าจะใช้เงินประมาณ 2,000-3,000 หยวน แต่ตอนนี้เขากลับมาขอเงินแค่ 960 หยวนเท่านั้น
น่าตกใจอย่างมาก !
อย่างไรก็ตาม เธอมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เงินที่มีตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเงินทอนเป็นเหรียญเสียชะส่วนใหญ่ ถ้าเอาให้เขา 960 หยวนจะเป็นการเพิ่มงานให้เขามากกว่า เพราะเขาจะต้องนับนาน”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอายเล็กน้อย เพราะเงินที่มีอยู่จากการขายของไปส่วนใหญ่เป็นเหรียญ ธนบัตรมูลค่าหนึ่งหรือสองหยวนนั้นหายาก และทุกครั้งที่ไปธนาคารเพื่อฝากเงิน พวกเขาจะต้องมอบเงินเหรียญห่อใหญ่ให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
เมื่อมองไปที่หลี่กวงหรงซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับผัดมันฝรั่งในชาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นว่า “เหล่าหลี่ พี่กินผัดมันฝรั่งรอที่นี่พักนึงนะ ผมจะไปเบิกเงินที่ธนาคารมาให้”
หลี่กวงหรงตอบว่า “ไม่ต้องลำบากหรอก ให้เงินเหรียญกับฉันก็ได้”
เขาคุ้นเคยกับการรับและนับเงินเหรียญ ในการซ่อมจักรยาน รวมถึงการปะยางและการเติมลม ปกติแล้วเขาจะได้รับเพียง 10-20 หยวนต่อวันเท่านั้น เขาไม่เคยรับเงินจำนวนมากเช่นนี้ในครั้งเดียวมาก่อน
เพราะเงินจำนวนมาก เขาจึงอยากนับเงินด้วยตัวเอง
การนับเงินเป็นเรื่องสนุก
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าหลี่กวงหรงเป็นเช่นเดียวกับหวังผิง คือชอบนับเงิน ในเมื่อหลี่กวงหรงพูดเช่นนั้น เขาก็ตกลงตามนั้น
เป็นผลให้มีฉากแปลก ๆ เกิดขึ้นหลังร้าน หลี่กวงหรงนั่งลงบนพื้นนับเงินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หยิบผัดมันฝรั่งและฟักเขียวตุ๋นน้ำแดงมากินเป็นครั้งคราว
เขาสนุกกับการนับเงินมาก
หลี่กวงหรงรู้สึกว่าเขาไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน