ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 94 :จ่ายโบนัส
ตอนที่ 94 :จ่ายโบนัส
ไม่กี่วันต่อมา ธุรกิจในร้านอร่อยสามมื้อก็ค่อย ๆ เข้าที่ขึ้นมาบ้าง
ผัดมันฝรั่งและเมนูตุ๋นฟักเขียวเป็นเมนูเก่าแก่ของทางร้าน มียอดขายต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 หยวน
ปริมาณการขายนั้นมีลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย
เหตุผลหลักก็คือ เพราะมีเมนูพะโล้มากมายในร้าน จึงทำให้ยอดขายตกลงไปบ้าง
ถานเสี่ยวฟางกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งาน และเต็มใจที่จะเรียนรู้การทำอาหาร จนตอนนี้เธอสามารถพูดโน้มน้าวใจลูกค้าที่มาซื้อพะโล้ได้อย่างชำนาญแล้ว ดังนั้นตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องการให้เธอมาทำพะโล้แทนเขา แทนการขายหน้าร้าน
ส่วนรายได้ของเมนูพะโล้ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 1,500 หยวน
นี่ยังไม่รวมลูกค้าประจำที่ยังต้องออกไปส่งข้างนอก
นอกจากโรงงานเครื่องจักรกลการเกษตร สำนักงานคลัง สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมและร้านอาหารของรัฐแล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมายังมีคำสั่งซื้อให้ไปส่งที่หน่วยงานอีก 8 แห่ง ซึ่งทั้งหมดสั่งโดยหน่วยงานหรือสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อเอาไปเป็นมื้อกลางวันให้กับพนักงานจำนวนมาก
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำพะโล้ทุกวันและขับรถวันละสองถึงสามรอบเพื่อไปส่งอาหารให้แต่ละที่ จึงทำให้มีรายได้จากการจัดส่งต่อวันเกือบ 1,000 หยวน และรายได้ในส่วนนี้ก็มากถึง 2 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดในร้าน
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็มาถึงวันที่ 30 เมษายน
หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงรอวันนี้มานานแล้ว
ในวันนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รีบกลับบ้าน เพราะเขารอจนกว่าร้านจะปิดและทำบัญชีรายรับรายจ่ายของเดือนเมษายน
ในตอนนี้ เงินในสมุดบัญชีเงินฝากของหลินเจียอินมีมากถึง 28,961.60 หยวน
และนี่คือยอดเงินที่เหลือหลังจากซื้อตู้แช่ ปรับปรุงร้านใหม่ ค่าเครื่องปรุงและวัตถุดิบต่าง ๆ
และเจียงเสี่ยวไป๋ยังได้ควักออกมาอีก 2,000 หยวน เพื่อเอามาซื้อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เติมน้ำมัน ซื้อบุหรี่ เหล้าและอื่น ๆ อีก
มิฉะนั้น ในตอนนี้เงินในสมุดบัญชีคงจะเกิน 30,000 หยวนไปแล้ว
หากบวกกับเงิน 2,557.1 หยวนที่ได้รับในวันนี้เข้าไปอีก ยอดคงเหลือของร้านในเดือนเมษาจะอยู่ที่ 33,518.7 หยวน
ตามระบบเงินเดือนที่กำหนดโดยเจียงเสี่ยวไป๋
ผู้จัดการหลินเจียอินจะได้เงินเดือน 120 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋ หวังผิง และเฝิงเยี่ยนหงได้รับคนละ 100 หยวน
ในตอนแรก ถานเสี่ยวฟางและเจี่ยงชุ่ยหยูจะได้เงินเดือนอยู่ที่ 60 หยวนต่อเดือน แต่หลังจากที่ถานเสี่ยวฟางมาอาศัยอยู่ในร้านเพื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่าง เฝิงเยี่ยนหงก็ขึ้นเงินเดือนให้เธอเป็น 75 หยวนต่อเดือน และหลังจากเปิดร้านใหม่ พนักงานทุกคนก็จะมีห้องพักที่ทางร้านจัดให้และเงินเดือนของทั้งคู่ก็ถูกปรับขึ้นอีกครั้ง
เงินเดือนพื้นฐานของถานเสี่ยวฟาง เจี่ยงชุ่ยหยู หลัวเจาตี้ เจียงเสี่ยวเฟิ่งและเจียงเสี่ยวเฟินคือ 60 หยวนต่อเดือน ส่วนเงินพิเศษจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง
ถานเสี่ยวฟางเป็นพนักงานขายพะโล้เพียงคนเดียวจึงได้เงินค่าตำแหน่งอีก 40 หยวน หลัวเจาตี้รับผิดชอบในการทำฟักเขียวตุ๋นน้ำแดงและตุ๋นฟักเขียวสไลด์แบบหมูสามชั้น ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นตำแหน่งแม่ครัว จึงได้เงินประจำตำแหน่ง 20 หยวน
เจี่ยงชุ่ยหยู เจียงเสี่ยวเฟิ่ง และเจียงเสี่ยวเฟินมีหน้าที่ทำงานทั่วไป เช่น ปอกมันฝรั่ง ปอกฟักเขียว หั่นฟักเขียว และดูแลความสะอาดในร้าน เงินพิเศษประจำตำแหน่งของพวกเขาคือ 10 หยวนต่อเดือน
ตามเวลาที่ทั้ง 5 คนมาทำงาน ถานเสี่ยวฟางมาทำงานเดือนนี้ 25 วัน และควรได้รับค่าจ้าง 73.2หยวน เจี่ยงชุ่ยหยูทำงาน 25 วัน ดังนั้นเธอควรจะได้รับเงินเดือน 59 หยวน หลัวเจาตี้ เจียงเสี่ยวเฟิ่งและเจียงเสี่ยวเฟินเพิ่งมาทำงานได้เพียง 10 วันเท่านั้น ดังนั้นเงินเดือนของเดือนนี้ที่หลัวเจาตี้จะได้รับคือ 26.7 หยวน ส่วนเจียงเสี่ยวเฟิ่งและเจียงเสี่ยวเฟินได้เงินเดือนอยู่ที่ 23.3 หยวน
หลินเจียอินแยกเงินเดือนที่จะจ่ายให้พนักงานทุกคนออกมา และเงินเดือนทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้พนักงานคือ 625.5 หยวน
ทั้งหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้รับค่าจ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถานเสี่ยวฟางและคนอื่น ๆ
พวกเขาไม่เคยได้เงินเดือนมากขนาดนี้มาก่อน มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าการได้มาทำงานกับเสี่ยวไป๋นั้นเป็นเรื่องที่ดี
อย่างไรก็ตาม เรื่องดี ๆ ยังมีมากกว่านั้น
หลังจากจ่ายเงินเดือนแล้ว หลินเจียอินยังให้โบนัสถานเสี่ยวฟาง 50 หยวน เจี่ยงชุ่ยหยูได้รับโบนัส 20 หยวนตามความยากง่ายของงานที่พวกเธอมีส่วนร่วม
แม้แต่หลัวเจาตี้ เจียงเสี่ยวเฟิ่งและเจียงเสี่ยวเฟินที่ทำงานเพียง 10 วันก็ยังได้โบนัสคนละ 10 หยวน
“ขอบคุณผู้จัดการหลิน ! ”
น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาจากดวงตาของถานเสี่ยวฟาง ด้วยเงินจำนวนนี้ มันจึงเพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลของแม่และค่าเล่าเรียนของน้องชายเธอ
“ขอบคุณพี่สะใภ้ โอ้ ขอบคุณผู้จัดการหลิน ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิ่งก็ได้กล่าวขอบคุณด้วยความตื่นเต้นและยังรับปากอีกว่า “ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นในอนาคต เผื่อจะได้เงินเดือนแซงหน้าน้องเสี่ยวฟางสักครั้ง”
ถานเสี่ยวฟางอายุน้อยกว่าทุกคน แต่เงินเดือนและเงินโบนัสของเธอกลับได้สูงกว่าคนอื่น ๆ
เธอจึงไม่ค่อยยอมเท่าไหร่
เจี่ยงชุ่ยหยูนั้นอาวุโสที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา แต่เธอก็ตั้งใจว่าจะทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินแบบนี้ไปตลอด
ไม่ต้องพูดถึงหลัวเจาตี้ พวกเขายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน
หลังจากทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 10 วัน เธอได้เงินเดือนรวมโบนัสเกือบ 40 หยวน ซึ่งทำให้เธอพอใจมาก
เมื่อทุกคนมีความสุข หลินเจียอินก็ได้พูดออกมาว่า
“พรุ่งนี้เป็นวันแรงงาน ฉะนั้นแต่ละคนจะได้ค่าแรงพิเศษอีกคนละ 10 หยวนในวันพิเศษนี้”
ทันทีที่พูดจบ ถานเสี่ยวฟางและคนอื่น ๆ ก็เฮออกมาด้วยความดีใจ
การแจกจ่ายเงินนี้สนุกจริง ๆ จากจ่ายเงินเดือน จ่ายเงินพิเศษตามตำแหน่ง แล้วก็จ่ายเงินโบนัส สุดท้ายก็ยังมีเงินพิเศษที่ได้เนื่องจากเป็นวันแรงงานอีกด้วย นี่พวกเธอได้รับเงินแล้วรับเงินอีก
“สวัสดิการพนักงานของร้านเราดีมาก ฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนงานไปอยู่ในโรงงานของรัฐแล้ว”
“ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่าค่าจ้างของโรงงานรัฐเป็นค่าจ้างที่ตายตัวแล้ว และอย่าหวังว่าจะมีการจ่ายโบนัสเพิ่ม”
“ใช่ สวัสดิการพนักงานของร้านเราดีที่สุด”
“……”
พอกลับมาถึงหอพักพนักงาน ถานเสี่ยวฟาง เจียงเสี่ยวเฟิ่ง และเจียงเสี่ยวเฟิน หญิงสาวทั้งสามคนยังคงจมอยู่กับความสุขที่ได้รับเงิน และเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องความสุขที่ได้รับเงิน
ในร้าน เจียงเสี่ยวไป๋และหวังผิงก็เริ่มแบ่งเงินปันผลเช่นกัน
หลังจากจ่ายเงินเดือน เงินโบนัสและเงินพิเศษแล้ว เงินที่เหลืออยู่คือ 32,703.2 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋ต้องเหลือเงินเป็นทุนสำรองประมาณ 5,000 หยวน ส่วนที่เหลืออีก 27,703 หยวนก็ได้แบ่งกันตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้
เจียงเสี่ยวไป๋ได้เงินไป 16,621.92 หยวน หากหักเงินที่เขาเอาออกไปซื้อมอเตอร์ไซค์ 2,000 หยวน เดือนนี้เขาจึงได้เงินไปทั้งหมด 14,621.92 หยวน
หวังผิงได้ 11,081.28 หยวน
หลังจากทำบัญชีเสร็จแล้ว เงินสดในร้านจึงไม่เพียงพอ หลินเจียอินจึงมอบเงินทั้งหมด 2,557.1 หยวนให้กับหวังผิง และบอกว่าเงินส่วนที่เหลือจะถอนออกจากธนาคารในวันพรุ่งนี้เช้า แล้วจะเอามาให้เขา
เฝิงเยี่ยนหงพูดอย่างตื่นเต้น “พรุ่งนี้ฉันจะเปิดบัญชีธนาคารด้วย ฉันต้องฝากเงินพวกนี้ไว้ในธนาคารแล้วล่ะ มันมากเกินไป”
หวังผิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าและพึมพำออกมา “ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าคนอย่างฉันหวังผิงจะได้กลายเป็นเศรษฐีภายในหนึ่งเดือน”
การเป็นเศรษฐี มันเคยเป็นความฝันของเขา
เดิมทีเขาคิดไว้แล้วว่าหลังจากเปิดโรงน้ำชา เขาจะต้องทำงานอย่างหนักและเก็บเงินเป็นเวลาห้าถึงสิบปี ความฝันนี้ถึงจะสำเร็จ
แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า หลังจากที่ได้ลงทุนกับเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว ทุกอย่างจะเกินความฝันของเขาภายในหนึ่งเดือน
หลินเจียอินรู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากได้ยินคำพูดของหวังผิง
ฉันเป็นเศรษฐี
ไม่ใช่แค่เป็นเศรษฐีเท่านั้น แต่ยังเป็นเศรษฐีที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างอีกด้วย
มีเงิน มีรถ คราวนี้เหลือแต่บ้านแล้ว
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่าบ้านใหม่จะเริ่มสร้างในเดือนพฤษภาคม
ดวงตาคู่งามของเธอมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ มันเต็มไปด้วยความสุข
ชายคนนี้เคยกล่าวไว้ว่าเขาต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ครอบครัวได้อยู่อาศัย โดยหันหน้าไปทางแม่น้ำชิงเจียง เพื่อมองดูดอกไม้ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปข้างหน้า
เมื่อเปรียบเทียบกับความตื่นเต้นของหลินเจียอิน หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋นั้นดูจะเฉยเมยมาก
ในฐานะคนเกิดใหม่ ชาติที่แล้วเขาเคยมีทรัพย์สินมากกว่าหลายหมื่นล้าน คำว่าเศรษฐีสำหรับเขานั้นคืออะไร ?
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเป้าหมายเขาคือต้องทำให้ภรรยาของเขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกให้ได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินพิเศษ หรือโบนัสที่เขาได้มา ก็ต้องให้เธอเป็นคนเก็บ
เมื่อออกมาจากร้าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ยื่นเงิน 110 หยวนให้หลินเจียอินเก็บไว้ด้วยความเต็มใจ
หลินเจียอินรับมันมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ผู้ชายคนนี้เริ่มที่จะเชื่อฟังเธอขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว