ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 97 :เปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก
ตอนที่ 97 :เปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก
เจียงเสี่ยวไป๋มองออกถึงความคิดของหลินเจียอิน เขาจึงพูดว่า “เมียจ๋า คุณไปทำงานได้อย่างสบายใจเลย เรื่องสร้างบ้านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ”
ในตอนท้าย เขายังหัวเราะออกมาว่า “สร้างบ้านเป็นงานที่หนัก ผมไม่อยากให้เมียของผมต้องลำบาก”
หลินเจียอินหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนี้เอาอีกแล้ว
ทว่าครั้งนี้ เมื่อได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาแบบนั้น เธอไม่รู้สึกแปลก ๆ อีกต่อไป ในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกชอบด้วยซ้ำ
มันแสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ ไม่อยากให้เธอต้องมาลำบาก
แต่เธอเองก็ไม่ต้องการให้เขาทำงานหนักมากเกินไปเช่นกัน
เธอไม่สามารถพูดอะไรที่ไร้ยางอายได้เหมือนเจียงเสี่ยวไป๋ หลังจากเถียงกับตัวเองในใจอยู่พักหนึ่ง เธอจึงกัดฟันและพูดว่า “แต่งานที่ร้านดำเนินต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หลังจากที่ผมทำพะโล้เสร็จแล้ว เรื่องการจัดส่ง การขายของ การคิดเงินก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว”
หลินเจียอินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เพราะต่อให้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ไปคุมการก่อสร้าง แต่เมื่อเขาส่งอาหารเสร็จ เขาก็กลายเป็นแมวที่ชอบย่องไปเล่นหมากรุกอยู่กับเด็ก ๆ ที่สวนหลังบ้านทุกวันอยู่ดี
แทนที่จะปล่อยให้เขาเล่นอยู่แต่กับเด็ก ๆ สู้ให้เขาเอาเวลามาจัดการเรื่องสร้างบ้านใหม่ดีกว่า
เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการอย่างจริงจัง
เพราะเรื่องในร้าน เธอสามารถจัดการเองได้
“อืม ตกลง ! ”
หลินเจียอินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเห็นด้วย
เธอจึงถามถึงรายละเอียดของตัวบ้านว่าเป็นแบบไหน มีกี่ห้อง แต่เมื่อเธอรู้ว่าเขาวางแผนที่จะสร้างบ้านใหม่บนหน้าหน้าผาริมแม่น้ำ หลินเจียอินก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับเจียงไห่เทียน และคิดว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
“เมียจ๋า คุณลืมไปแล้วหรือที่ผมบอกว่าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ริมแม่น้ำให้คุณน่ะ”
หลินเจียอินได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ผมต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่ให้คุณ โดยหันหน้าไปทางแม่น้ำชิงเจียง ที่ซึ่งฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกไม้ผลิบาน”
เธอจำได้ชัดเจนทุกคำ
เธอจะลืมได้อย่างไร ?
ขนตายาวของเธอกระพือขึ้นลง จากนั้นหางตาก็เปียกชื้น
ที่แท้ชายคนนี้จำสิ่งที่เธอพูดได้เสมอ
เธอมีความฝันว่าอยากสร้างบ้านหลังใหญ่ริมแม่น้ำให้ตัวเอง
แล้วมันจะเป็นบ้านแบบไหนกันนะ ?
เธออดไม่ได้ที่จะวาดฝันไปถึงอนาคต
“ขอบคุณนะ ! ”
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเจียอินก็กระซิบคำสองคำนี้ แล้วหันหลังกลับเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งเจียงเสี่ยวไป๋ไว้ตามลำพังในห้องโถงหลัก
“ขอบคุณนะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และพึมพำว่า “ทำไมไม่ตบรางวัลให้ผมสักเล็กน้อยบ้างนะ ! ”
ขนาดตอนที่ลูกสาวขอบคุณเขา เธอยังหอมแก้มเขาเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ปลอบใจตัวเองอีกครั้ง อนาคตยังอีกยาวไกล ! เขายังมีเวลาเหลือเฟือ !
และแล้วคืนนี้ก็ผ่านพ้นไป
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ไปส่งสินค้ามาแล้ว เมื่อเข้าร้านมาเขาก็พบหลินเจียอิน “เมียจ๋า ผมขอเงิน 1,000 หยวนได้ไหม ตอนบ่านผมไม่อยู่ร้านแล้วนะ เดี๋ยวผมต้องหาผู้รับเหมามาสร้างถนนขึ้นที่นั่นก่อน แล้วถึงจะสร้างบ้านใหม่ได้”
ในปี 1983 บ้านในพื้นที่ชนบทมักจะสร้างขึ้นด้วยดินและหิน หินจะใช้เป็นโครงสร้างแทนเหล็ก ส่วนดินจะนำไปผสมแล้วเอามาแปะเป็นผนัง ซึ่งของพวกนี้หาได้จากที่ใกล้เคียง มันจึงไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายมากนัก
แน่นอนว่าผู้รับเหมาไม่มีทางได้เงินจากพวกเขา เพราะมีแต่ญาติและเพื่อนบ้านทั้งนั้นที่มาช่วยกัน
เมื่อได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋ขอเงิน 1,000 หยวน หลินเจียอินก็พูดโดยไม่ลังเลว่า “งั้นส่งฉันไปถอนเงินที่ธนาคารก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก
หลังจากรับเงินที่ธนาคารและส่งหลินเจียอินกลับไปที่ร้านแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับรถไปหาจวงปี้เฉิง
จวงปี้เฉิงเคยปรับปรุงร้านให้เขามาก่อน เขาจึงรู้ว่าจวงปี้เฉิงมีทีมผู้รับเหมาก่อสร้างมืออาชีพที่สร้างบ้าน สร้างถนน และตกแต่งอาคารได้
และการจ้างช่างมืออาชีพในการทำนั้นย่อมสะดวกรวดเร็วกว่าไปขอญาติและเพื่อนบ้านมาช่วย
“ฮ่าฮ่า เถ้าแก่เจียง ทำไมคุณถึงมาหาผมได้ล่ะ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ จวงปี้เฉิงที่เดินผ่านประตูหน้าบานใหญ่ออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “บุหรี่ราคาถูกไม่สามารถเทียบได้กับบุหรี่มียี่ห้อของคุณได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบมันขึ้นมาและพูดว่า “เพราะเรามันคอเดียวกันยังไงล่ะ”
เขาถอนหายใจ แล้วพูดว่า “พอดีผมจะสร้างบ้านหลังใหม่ที่บ้านเกิด จึงอยากมาจ้างทีมงานก่อสร้างของคุณไปสร้างบ้านใหม่ พอจะมีตารางว่างให้ผมไหม ? ”
จวงปี้เฉิงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความสงสัย
“มันจะคุ้มหรือครับกับการที่คุณจะสร้างบ้านใหม่ที่บ้านเกิด แล้วมาจ้างช่างของผมไปทำให้ ? ”
ในความคิดของเขา การสร้างบ้านใหม่ในชนบทเป็นเพียงโครงการเล็ก ๆ ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋สามารถประหยัดเงินได้หากเขาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ซึ่งเขาอาจเสียเงินแค่เรื่องจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงคนที่มาช่วยงานเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัดและพูดว่า “การสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างเสร็จวันหรือสองวัน คุณก็รู้ว่าผมทำธุรกิจในเมือง ดังนั้นผมจึงไม่มีเวลาไปคุมงานทั้งวัน ฉะนั้นผมคิดเรื่องนี้มาดีแล้ว ไม่ต้องห่วง”
จวงปี้เฉิงพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจอยู่บ้าง “ก็จริงของคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าคุณรับงานนี้จริง ๆ คุณก็ลองไปสำรวจดูพื้นที่จริงก่อน แล้วค่อยประเมินราคา”
“ได้ ผมจะไปดูกับคุณ”
จวงปี้เฉิงเห็นด้วยทันที ก่อนจะขึ้นนั่งมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปกับเจียงเสี่ยวไป๋
ตลอดทางนั้นรวดเร็วและราบรื่น พวกเขามาถึงเจียงวานในเวลาเพียง 20 นาที
เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถบนถนนลูกรัง ก่อนจะพาจวงปี้เฉิงเดินขึ้นไปที่หน้าผาริมแม่น้ำ
ตลอดทางเป็นที่รกร้าง เต็มไปด้วยไม้มุงและต้นอ้อ
จวงปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “คุณบอกจะให้ผมมาดูที่ดินที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ แล้วทำไมคุณถึงพาผมมาที่หน้าผาริมแม่น้ำ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมวางแผนที่จะสร้างบ้านที่นี่ ฉะนั้น อันดับแรกคือต้องสร้างถนนขึ้นมาก่อน แล้วจึงจะสร้างบ้านได้”
จวงปี้เฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เดิมทีเขาคิดว่าบ้านที่เจียงเสี่ยวไป๋ขอให้เขามาสร้างจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่เขาไม่คิดว่าจะมีการสร้างถนนด้วย
แม้ว่าจะยังไปไม่ถึงแม่น้ำ แต่ระยะการมองเห็นนั้นก็อยู่ห่างออกไปสี่ถึงห้าร้อยเมตร
และหากว่าจะทำถนนขึ้นไปที่นั่น ก็ไม่ใช่งานเล็ก ๆ เลย
“ก็แค่สร้างถนน ไม่มีปัญหา”
จวงปี้เฉิงกล่าวด้วยความยินดี “เพียงแต่ผมไม่คิดว่าโครงการจะใหญ่เช่นนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ไม่เพียงแค่สร้างถนนขึ้นมาอย่างง่าย ๆ เท่านั้น แต่ถนนต้องกว้าง 12 เมตรด้วย และต้องมีคูระบายน้ำทั้งสองด้านตามมาตรฐานของการสร้างถนน ด้านข้างต้องเหลือที่ดินสองข้างทางประมาณ 1 เมตร ผมจะเอาไว้ปลูกต้นไม้”
ซี๊ด……
จวงปี้เฉิงอ้าปากค้าง เขาหยุดเดินโดยไม่รู้ตัวและมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ
ถนนจากอำเภอชิงซานมาถึงเจียงวานยังกว้างเพียง 4 เมตรเท่านั้น
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับต้องการสร้างถนนที่มีความกว้างถึง 12 เมตร มีคูระบายน้ำทั้งสองข้างทาง และต้องเหลือพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้ข้างทางด้วย รวมแล้วมันต้องมีความกว้างมากถึง 15 เมตรได้
นี่ไม่ต่างจากโครงการใหญ่หนึ่งโครงการเลยก็ว่าได้
เขาทำไปเพื่ออะไร ?
“คุณแน่ใจนะ ? ”
จวงปี้เฉิงถามด้วยความตกใจ
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา
ในอนาคต หากเมืองชิงโจวขยายตัวขึ้น จะมีถนนสายรองอีกสายถูกสร้างขึ้นจากเมืองชิงโจวมายังเจียงวาน เขาจึงต้องการจะสร้างถนนที่เชื่อมกับถนนสายหลักขึ้นมายังหน้าบ้านของเขาล่วงหน้า เพื่อที่ในอนาคตจะได้ไม่เป็นปัญหาหากถนนแคบลง
แน่นอนว่าทั้งที่เขาสามารถสร้างถนนที่แคบกว่านี้ได้ ตราบใดที่รถของเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ อันที่จริงมันก็เพียงพอแล้ว
แต่เขาเป็นเหมือนผู้บุกเบิกพื้นที่รกร้างแห่งนี้ และสร้างถนนสายนี้ขึ้นมา ที่ดินส่วนนี้จึงเป็นที่ดินเปล่า
ใช่ มันคือที่ดินเปล่า
แต่ในอนาคต แม่น้ำชิงเจียงแห่งนี้จะได้รับการยกระดับให้เป็นพื้นที่สงวนของเมืองชิงโจว ที่ดินทั้งสองฝั่งของแม่น้ำชิงเจียงจะรวมอยู่ในพื้นที่สงวน มันจะไม่เพียงแต่ใช้เงินจำนวนมากในการสร้างถนนเท่านั้น แต่คุณจะไม่สามารถซ่อมแซมมันได้อีกเลย
ดังนั้น เขาจึงต้องลงแรงในการสร้างตอนนี้ แม้จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อเปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก ก่อนที่มันจะสายเกินแก้
เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต ทางหน่วยงานจะจัดการตามสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนั้นเท่านั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยและถนนที่สร้างไปก่อนหน้านั้นได้
เขาถึงขั้นวางแผนที่จะถางพื้นที่รกร้างริมหน้าผาอีกหลายร้อยเมตรและคิดหาวิธีนำมันมาถือครองไว้ในมือ หลังจากที่เขาปรับปรุงแล้ว เขาก็จะปลูกต้นไม้
ด้วยวิธีนี้ เขาถึงจะสามารถถือครองที่นี้ได้
ในอนาคตจะได้ไม่มีคนไปร้องเรียนว่าเขาสร้างบ้านขึ้นมาในพื้นที่สงวน ส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพ
แน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องบอกจวงปี้เฉิงเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ขอแค่เขารู้อยู่แก่ใจของเขาเองก็พอแล้ว