ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 1440 แผนการร้าย
อนที่ 1440 แผนการร้าย
เสวี่ยเสวี่ยพ่นลมหายใจผ่านจมูกคราหนึ่ง
แค่นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?
ยังต้องถามกระไรอีก?
เมื่ออวี๋มั่วเห็นเสวี่ยเสวี่ยมาช่วย ก็พลันแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ยังต้องประนีประนอมกับประมุขของตระกูลต่อไป
“เสวี่ยเสวี่ย ท่านประมุขต้องการเข้าไปในตำหนักสักการะเทพ เพื่อพบพระชายา เจ้าห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด”
เสวี่ยเสวี่ยก้มหน้าเลียอุ้งเท้าแผลบๆ เขี้ยวสีขาวสะท้อนแสงพร่างพราว สีหน้านิ่งเฉยราวไม่แยแส พลางทำทีหูทวนลมใส่อวี๋มั่ว
บ่งบอกว่าคราวนี้ มันได้ปิดกั้นประตูบานนี้ไว้แล้ว!
ไป๋หลีฉุนคิดว่าเรื่องเช่นนี้ช่างไร้สาระอย่างยิ่ง!
เขาคือประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์ เดิมทีก็สามารถเข้าออกตำหนักสักการะเทพได้ตามต้องการอยู่แล้ว
แต่ยามนี้ กลับถูกเจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งขวางทางไว้!?
เหลวไหลสิ้นดี!
ในใจพลันฉุกคิดถึงบางอย่าง แววตาของไป๋หลีฉุนเย็นชาขึ้นกว่าเดิมสามเท่า
ครั้นเห็นแบบนี้ ใครๆ ก็ย่อมมองออกกันทั้งนั้น
…ชัดเจนว่าหรงซิวไม่อนุญาตให้เขาเข้าไป!
แถมทั้งยังเป็นการต่อต้านเขาอย่างโจ่งแจ้ง! ท่ามกลางสายตาของสาธารณชนอีก!
ข้างล่างนั้นมีคนเฝ้ามองอยู่ล้นหลาม!
การเคลื่อนไหวของหรงซิว แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมิได้ให้เกียรติเขาเลยด้วยซ้ำ!
“หลีกไป”
ไป๋หลีฉุนกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น
อวี๋มั่วรีบพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะหันไปมองเสวี่ยเสวี่ยสลับกับไป๋หลีฉุน
“ท่านประมุขขอรับ คือ… ท่านเองก็รู้ว่าเสวี่ยเสวี่ยนั้นดื้อรั้น มิฟังผู้ใด ข้าน้อยต้องขอประทานอภัยอย่างสูง! เช่นนั้นแล้ว ท่านค่อยกลับมาวันอื่นดีหรือไม่? วันนี้ท่านเพิ่งจะออกด่านมา ควรจัดงานเฉลิมฉลองเป็นการต้อนรับ อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ เหล่านี้ไปกวนใจท่านเลย!”
อวี๋มั่วกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
ถึงจะไม่เห็นแก่พวกเขา ก็จงเห็นแก่กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ตรงจัตุรัสของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังจับตาจ้องมองมาทางนี้ด้วยเถอะ!
ศักดิ์ศรีเหล่านั้นยังจำเป็นอยู่หรือไม่?
หากกระทำการอับอายขายขี้หน้าตรงนี้ ย่อมมิเกิดผลดีต่อใครทั้งสิ้น
และแน่นอนว่าไป๋หลีฉุนไม่อยากเสียหน้า
เขาจะทะเลาะกับสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ไปไย!?
แต่จะให้เขากลับคำพูด มันก็ยากเกินไป!
“ท่านประมุข ไฉนท่านไม่ลองเจรจากับเสวี่ยเสวี่ยดูเล่า?”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลางบิดขี้เกียจอย่างสบายใจ แล้วยกยิ้มอย่างยียวน
“พระชายาอยู่ในตำหนักสักการะเทพตลอดเวลา มิอาจหนีท่านไปไหนได้? ต่อให้ท่านอยากพบนางเพียงใด แต่หลังจากนี้ก็ยังมีโอกาสอีกหลายครา ท่านเก็บตัวอยู่ในด่านมาหลายปีแล้ว และในที่สุดวันนี้ท่านก็ออกมา ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือคณา หรือไม่ก็ให้ข้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเสิ่นซวี่ และพระราชวังเมฆาสวรรค์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้ฟังก่อน แล้วค่อยสั่งคนรับใช้ให้เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองเป็นอย่างใด?”
เขาออกปากถามด้วยตัวเอง น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เพื่อซื้อใจไป๋หลีฉุนเพิ่มอีกขั้น
แต่หลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย ไป๋หลีฉุนก็พลันสั่นสะท้านไปทั้งกาย
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาพบว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
และตอนนี้เขาก็อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียเต็มแก่ เพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน
“ระยะนี้พระโอรสมิได้ประทับอยู่วัง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย และจำเป็นต้องให้ท่านช่วยตัดสินใจ”
ไป๋หลีฉุนคล้อยตามและตัดสินใจในทันที และในที่สุด สีหน้าของเขาก็ดูเบิกบานขึ้นกว่าเมื่อครู่
“ถ้าอย่างนั้น… ก็จัดการเรื่องพวกนี้ก่อน ส่วน…”
เขาปรายตามองตำหนักสักการะเทพเล็กน้อย
“ส่วนเรื่องอื่น ก็ค่อยว่ากัน!”
เหลือเชื่อจริงๆ ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ จักทำตัวจองหองใส่เขาไปได้นานเท่าไรกัน!
เมื่อเห็นพวกเขากลับมา เจียงจื่อหยวนที่กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลันตกใจกัดฟันแรงจนฟันแทบหัก
ไปถึงประตูแล้ว! แต่กลับไม่เข้าไป!
ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นต้องทำอันใดแปลกๆ เป็นแน่!
และในขณะเดียวกัน ก็มีร่างของใครบางคนพุ่งทะยานเข้ามาจากระยะไกล
“คุณหนูใหญ่เจียง สารจากเซียนสุ่ยหลิงมาส่งแล้ว”
…
ณ สำนักวิชาหลิงเซียว
บนภูเขาเฝิงหมิน
ฉู่หลิวเยว่กำลังนั่งอยู่บนเตียงหยกศีตลาพันปี และตั้งใจอ่านตำราเซียนหมอในมือของตนอย่างเงียบเชียบ
แต่จู่ๆ กลับมีคลื่นความผันผวนแปลกประหลาดปรากฏขึ้นด้านนอก
“เมิ้งเหล่า! เมิ้งเหล่า!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่จำได้ว่ามันคือเสียงของผู้อาวุโสเหวินซี
เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
ฉู่หลิวเยว่สงสัยใคร่รู้อย่างมาก และเตรียมจะลุกออกไปดู แต่ทันใดนั้น นางก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูก “ขัง” อยู่ในนี้ หากโผล่พรวดออกไปเช่นนี้คงไม่ดีแน่
นางจึงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงดังเดิม
และเป็นจังหวะเดียวกันกับยามที่หรงซิวเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็หันกลับไปมอง
สองคนสี่ตาประสาน
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองไปทั่วตัวหรงซิวอย่างระมัดระวัง และไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด ร่างบางพลันรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางด้านนอก
“ผู้อาวุโสเหวินซีมาแล้ว เหมือนเขามีเรื่องด่วนต้องคุยกับเมิ้งเหล่า”
หรงซิวสาวเท้าไปยืนอยู่ข้างนาง แล้วอมยิ้มเล็กน้อย
“วางใจเถอะ เมิ้งเหล่าจัดการได้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
พลันมีเสียงของเมิ้งเหล่าดังมาจากชั้นบน
“เหวินซี เกิดเหตุด่วนอันใด?”
“ให้ข้าเข้าไปก่อน! ข้าต้องเล่าให้ท่านฟังต่อหน้า!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงผิดปกติของอีกฝ่าย เมิ้งเหล่าจึงเปิดค่ายกลออกแล้วปล่อยให้ผู้อาวุโสเหวินซีเข้ามา
ผู้อาวุโสเหวินซีย่ำเท้าเข้าไปอย่างรีบร้อนและวิตกกังวล
“เมิ้งเหล่า! แย่แล้วล่ะ!”
เขาเดินเข้าไปที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง แล้วเดินวนเป็นวงกลม ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงกระทันหัน
“ฉู่เยว่ล่ะ!?”
ร่างกายของเมิ้งเหล่าเปล่งแสงระยิบระยับ พลันหายวับโผล่ตรงหน้าผู้อาวุโสเหวินซีในพริบตา
“เขาไปพักผ่อนแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่ในยามนี้ เจ้ามีเรื่องอันใดก็พูดมาเถอะ”
ผู้อาวุโสเหวินซีทุบฝ่ามือตัวเองหนึ่งที
“โอ้ย! เจ้าเด็กนี่สร้างเรื่องอีกแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินเช่นนี้
หรงซิวดึงสายตากลับมา แล้วหลุบตามองด้านล่าง
“ไยเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้?”
เมิ้งเหล่าแอบประหลาดใจเล็กน้อย
“ช่วงนี้เด็กนี่อยู่กับข้าตลอดเวลา มิได้ออกไปก่อเรื่อง…”
“ข้าหมายถึงบุพกาลชายแดนเหนือต่างหาก!”
เรียวคิ้วของผู้อาวุโสเหวินซีพันกันยุ่งเหยิง
“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือ เป็นฝีมือของฉู่เยว่กับพวกถ้ำปีศาจทมิฬ! และยังกล่าวว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ของจริง อยู่ที่ฉู่เยว่มาตั้งแต่แรกแล้ว! ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นแผนที่เขากับถ้ำปีศาจทมิฬช่วยกันคิดขึ้นมา!”
“ข่าวนี้แพร่กระจายเร็วราวดุจไฟป่า ตอนนี้ตระกูลขุนนางและสำนักวิชาชั้นนำมากมาย ได้ลงความเห็นให้สอบสวนฉู่เยว่อย่างละเอียดแล้ว!”