ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 2935: อายุยืน เช่นเดียวกับวิธีที่เป็นไปได้ จะเห็นว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังมากแค่ไหน มันเห็นได้ชัดว่าคนที่มีระดับการบ่มเพาะอย่างผู้อาวุโสลมที่อยู่ในจุดสูงสุดในจักรวาลต้น ๆ ดังนั้นเขาจึงเ เข้าใจว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังเพียงใด ในความรู้ของเขา พลังบรรพกาลเป็นพลังสูงสุดที่ไม่มีใครควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่บ่มเพาะพลังบรรพกาลในโลก แต่พลังบรรพกาลที่พวกเขาครอบครองนั้นล้วนแต่เป็นพลังบรรพกาลปลอมโด ดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ข้อเดียว มันจึงไม่ถือว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงเลย แต่ในเวลานี้ เขาสัมผัสได้ถึงคำใบ้จากแรงกดดันว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงจากแก่นโลหิตของเจี้ยนเฉินซึ่งทำให้เขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แรงกฏดันที่มีเศษเสี้ยวที่แท้จริงของพลังบรรพกาลได้พลิกความรู้ของเขาเกี่ยวกับโลก ตลอดจนถึงระดับจักรวาลและความเชื่อเกี่ยวกับวิถีที่ยิ่งใหญ่ พลังบรรพกาลที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นในผู้บ่มเพาะ สำหรับผู้อาวุโสลมนี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผู้อาวุโสลมตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับมามีสติได้ในท้ายที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง หลังจากนั้นการจ้องมองของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง ท่วมท้น มันเป็นสายตาแบบไหนกันนะ ? ดูเหมือนว่าเขากำลังมองสัตว์ประหลาด แต่ก็เหมือนกับว่าเขาเพิ่งพบดินแดนใหม่ มันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่อยากจะเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ "จะ-เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร ? " ผู้อาวุโสลมถาม "เมื่อข้าผสานเข้ากับกระบี่ครั้งล่าสุด ข้าได้รับผลกระทบจากพลังบรรพกาล แต่ท้ายที่สุดข้าก็ไม่ตาย ตอนนั้นเองที่พลังบรรพกาลได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของข้า" เจี้ยนเฉินไม่ได้ซ่อน นอะไรและบอกความจริงออกมา ขณะที่เขาเข้าใจบางอย่างเช่นนั้น มันก็สามารถใช้ได้เพียงแต่กับเขาเท่านั้น มันไม่อาจทำตามได้ "หลอมรวมกับกระบี่....หลอมรวมกับกระบี่....เจ้านายคนก่อนของกระบี่ม่วงฟ้าตายเพราะหลอมรวมกับกระบี่..." ผู้อาวุโสลมพึมพำ ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องตำนานในอดีตบางอย่าง เขาเ เต็มไปด้วยความงงงวย "ผู้อาวุโสลม แก่นโลหิตบรรพกาลของข้าเพียงพอหรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินพูดกลับเข้าประเด็นด้วยความเร่งรีบ เขารู้ดีกว่าผู้อาวุโสลมจะไม่อาจคงสติได้นานเกินไป ดังนั้นเขาจึงกลัวว่ามัน นจะหมดเวลาก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรได้สำเร็จหากยังปล่อยเวลาต่อไป ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาถอนหายใจเบา ๆ "ข้าไม่คิดเช่นงั้น ข้า ลมที่น่านับถือ ผู้ที่ได้เขย่าโลกเซียนและต้องการช่วยเหลือผู้เยาว์จนถึงวาระสุดท้าย เรื่องราวทางโลกนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริง...." "ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะลองใช้แก่นโลหิตบรรพกาลที่พิเศษของเจ้าแล้วดูว่ามันจะช่วยข้าได้หรือไม่" ผู้อาวุโสลมสัมผัสแก่นโลหิตบรรพกาลด้วยนิ้วของเขา ก่อนที่จะหลอมรวมมันเข้ากับร่า างกายของเขาทันที หลังจากนั้นผู้อาวุโสลมก็นั่งลงขัดสมาธิและหลับตาราวกับว่าเขากำลังทำสมาธิ เจี้ยนเฉินมองไปที่ผู้อาวุโสลมและรออย่างอดทน เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขารู้ดีว่าแม้ผู้อาวุโสลมจะยังไม่ตายอย่างที่จิตวิญญาณกระบี่บอก แต่มันก็มีอัตราความสำเร็จอยู่ที่สามในสิบส่วนซึ่งถือว่าต่ำเกินไป ทำให้เขายังหวังว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมแก้ปัญหาได้ "คราวนี้ข้าหวังว่าจิตวิญญาณกระบี่จะพูดไม่ผิด" เจี้ยนเฉินคิด หลังจากรู้เกี่ยวกับเผ่าวิญญาณวัตถุ เขาก็ตระหนักว่าจิตวิญญาณกระบี่นั้นไม่ได้มีความรู้ไปเสียทุกเรื่อง ดังนั้นเมื่อ เขาได้รับการยืนยันจากผู้อาวุโสลม เขาก็จะสามารถหยุดกังวลได้อย่างแท้จริงว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมได้หรือไม่ เจี้ยนเฉินไม่ได้รอนาน ประมาณห้านาที ผู้อาวุโสลมก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ การจ้องมองของเขาเฉียบคมมากขึ้น มันเต็มไปด้วยพลังพร้อมกับความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจและความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้ "ผู้อาวุโสลม เป็นอย่างไรบ้าง ? " เจี้ยนเฉินถามทันที ผู้อาวุโสลมหัวเราะเสียงดังและพูด "เจี้ยนเฉิน สหายตัวน้อยของข้า เจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเจ้าจะช่วยให้ข้าผสานกับวัตถุได้จริง ๆ " เจี้ยนเฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเขาที่กระดอนมาถึงลำคอก็กลับไปอยู่ในที่เดิมของมัน "นี่เป็นประโยชน์กับข้าอย่างมากจริง ๆ ด้วยแรงกดดันจากพลังบรรพกาล แม้ว่าจะมีเพียงนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงมาก มันสามารถยับยั้งวัตถุให้มาสงบได้บ้าง" เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู อาวุโสลมก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง "แต่สำหรับข้าแล้วแก่นโลหิตเพียงหยดเดียวยังไม่เพียงพอ..." "ท่านไม่ต้องกังเวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสลม สิ่งที่สำคัญคือมันมีประโยชน์กับท่าน ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแก่นโลหิตบรรพกาลเช่นกัน ข้าจะจัดเตรียมให้ท่านไม่ว่าท่านจะต้องก การมันมากแค่ไหนก็ตาม" เจี้ยนเฉินพูดอย่างเอื้ออาทร แม้ว่าแก่นโลหิตจะมีจำกัดอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะ แต่เขาก็สามารถฟื้นฟูมันได้อย่างช้าๆเมื่อเขาใช้มันหมด ปัญหาเดียวคือมันจะดูดซับความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะไปอย่างมากและต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว ผู้อาวุโสลมมองเจี้ยนเฉินอย่างจริงจัง "เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ข้าจะให้เจ้าเสียสละแบบนี้ได้อย่างไง ? " "สำหรับคนอื่น ๆ น่ะใช่ เมื่อพวกเขาใช้แก่นโลหิตหมดไป มันก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพวกเขาอย่างมากและการฟื้นตัวก็จะช้ามากเช่นกัน แต่ท่านคงไม่ลืมว่าข้าได้บ่มเพาะร่างบรรพกาล ล ข้อได้เปรียบที่มากที่สุดของผู้บ่มเพาะร่างบรรพกาลคือการฟื้นตัวที่น่าทึ่งในทุก ๆ ด้าน การเสียแก่นโลหิตบางส่วนมันไม่ได้มากมายสำหรับข้า" เจี้ยนเฉินแย้ง "เอาล่ะ ๆ หากเป็นอย่างนี้ข้าจะรบกวนเจ้าในครั้งต่อไป" ผู้อาวุโสลมไม่ได้แสดงท่าทางอวดดี เขารับข้อเสนอของเจี้ยนเฉินด้วยความยินดี เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสบายใจ ด้วยความรู้สึกเพลีย ๆ เขาก็ยังส่งแก่นโลหิตบรรพกาลอีก 20 หยดให้กับผู้อาวุโสลมในครั้งเดียว การเสียแก่นโลหิต 20 หยดทำให้เขาหน้าซีดทันที ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยราวกับว่าความแข็งแกร่งของเขาถูกเผาผลาญอย่างหนัก อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่สนใจเรื่องนี้ เขาอดทนต่อความรู้สึกอ่อนแอและกล่าวว่า "ผู้อาวุโสลม ข้าสามารถให้แก่นโลหิตกับท่านได้ทุกเมื่อ แต่ข้าต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูด้วย" ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างล้ำลึก สีหน้าของเขาดูสับสนมาก แต่เขาไม่พูดอะไร หลังจากนำเม็ดยาระดับเทพคุณภาพสูงจำนวนมากออกมาและสมบัติสวรรค์สำหรับฟื้นฟูจากแหวนมิติของ เขาและส่งให้กับเจี้ยนเฉิน เขาโบกมือของเขาและจากไปพร้อมกับแก่นโลหิตบรรพกาล 20 หยดของเจี้ยนเฉิน นับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงดาวเคราะห์นิรนาม นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสลมจากไปทั้ง ๆ ที่เขามีสติ ผู้อาวุโสลมจากไป เฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาสงสัยและอยากรู้อย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ยินอะไรกับการสนทาของเจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสลมก่อนหน้านี้ แม้แต่มิติรอบ ๆ ก็ยังถูกรบกวนทำให้ฉากที่พวกเขาเห็นก็พร่ามัว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อาจมองเห็ นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน "เจี้ยนเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสลม ? " เฉินเจี้ยนถาม นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับผู้อาวุโสลมนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้อาวุโสลมทำตัวผิดปกติเช่นนี้ "พี่ชาย ทำไมพลังของท่านถึงหายไป ? " จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มองไปที่ใบหน้าซีด ๆ ของเจี้ยนเฉินและถามอย่างสนใจ เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า "เจ้าไม่ต้องถามอะไรมาก สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือข้าพบวิธีที่จะช่วยผู้อาวุโสลมแล้ว วันที่ผู้อาวุโสลมจะมีสติแจ่มใสนั้นอยู่ไม่ไกล"
- Home
- ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
- ตอนที่ 2935: อายุยืน เช่นเดียวกับวิธีที่เป็นไปได้ จะเห็นว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังมากแค่ไหน มันเห็นได้ชัดว่าคนที่มีระดับการบ่มเพาะอย่างผู้อาวุโสลมที่อยู่ในจุดสูงสุดในจักรวาลต้น ๆ ดังนั้นเขาจึงเ เข้าใจว่าพลังบรรพกาลนั้นมีพลังเพียงใด ในความรู้ของเขา พลังบรรพกาลเป็นพลังสูงสุดที่ไม่มีใครควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่บ่มเพาะพลังบรรพกาลในโลก แต่พลังบรรพกาลที่พวกเขาครอบครองนั้นล้วนแต่เป็นพลังบรรพกาลปลอมโด ดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ข้อเดียว มันจึงไม่ถือว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงเลย แต่ในเวลานี้ เขาสัมผัสได้ถึงคำใบ้จากแรงกดดันว่าเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงจากแก่นโลหิตของเจี้ยนเฉินซึ่งทำให้เขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แรงกฏดันที่มีเศษเสี้ยวที่แท้จริงของพลังบรรพกาลได้พลิกความรู้ของเขาเกี่ยวกับโลก ตลอดจนถึงระดับจักรวาลและความเชื่อเกี่ยวกับวิถีที่ยิ่งใหญ่ พลังบรรพกาลที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นในผู้บ่มเพาะ สำหรับผู้อาวุโสลมนี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผู้อาวุโสลมตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับมามีสติได้ในท้ายที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง หลังจากนั้นการจ้องมองของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง ท่วมท้น มันเป็นสายตาแบบไหนกันนะ ? ดูเหมือนว่าเขากำลังมองสัตว์ประหลาด แต่ก็เหมือนกับว่าเขาเพิ่งพบดินแดนใหม่ มันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่อยากจะเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ "จะ-เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร ? " ผู้อาวุโสลมถาม "เมื่อข้าผสานเข้ากับกระบี่ครั้งล่าสุด ข้าได้รับผลกระทบจากพลังบรรพกาล แต่ท้ายที่สุดข้าก็ไม่ตาย ตอนนั้นเองที่พลังบรรพกาลได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของข้า" เจี้ยนเฉินไม่ได้ซ่อน นอะไรและบอกความจริงออกมา ขณะที่เขาเข้าใจบางอย่างเช่นนั้น มันก็สามารถใช้ได้เพียงแต่กับเขาเท่านั้น มันไม่อาจทำตามได้ "หลอมรวมกับกระบี่....หลอมรวมกับกระบี่....เจ้านายคนก่อนของกระบี่ม่วงฟ้าตายเพราะหลอมรวมกับกระบี่..." ผู้อาวุโสลมพึมพำ ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องตำนานในอดีตบางอย่าง เขาเ เต็มไปด้วยความงงงวย "ผู้อาวุโสลม แก่นโลหิตบรรพกาลของข้าเพียงพอหรือไม่ ? " เจี้ยนเฉินพูดกลับเข้าประเด็นด้วยความเร่งรีบ เขารู้ดีกว่าผู้อาวุโสลมจะไม่อาจคงสติได้นานเกินไป ดังนั้นเขาจึงกลัวว่ามัน นจะหมดเวลาก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรได้สำเร็จหากยังปล่อยเวลาต่อไป ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาถอนหายใจเบา ๆ "ข้าไม่คิดเช่นงั้น ข้า ลมที่น่านับถือ ผู้ที่ได้เขย่าโลกเซียนและต้องการช่วยเหลือผู้เยาว์จนถึงวาระสุดท้าย เรื่องราวทางโลกนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริง...." "ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะลองใช้แก่นโลหิตบรรพกาลที่พิเศษของเจ้าแล้วดูว่ามันจะช่วยข้าได้หรือไม่" ผู้อาวุโสลมสัมผัสแก่นโลหิตบรรพกาลด้วยนิ้วของเขา ก่อนที่จะหลอมรวมมันเข้ากับร่า างกายของเขาทันที หลังจากนั้นผู้อาวุโสลมก็นั่งลงขัดสมาธิและหลับตาราวกับว่าเขากำลังทำสมาธิ เจี้ยนเฉินมองไปที่ผู้อาวุโสลมและรออย่างอดทน เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขารู้ดีว่าแม้ผู้อาวุโสลมจะยังไม่ตายอย่างที่จิตวิญญาณกระบี่บอก แต่มันก็มีอัตราความสำเร็จอยู่ที่สามในสิบส่วนซึ่งถือว่าต่ำเกินไป ทำให้เขายังหวังว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมแก้ปัญหาได้ "คราวนี้ข้าหวังว่าจิตวิญญาณกระบี่จะพูดไม่ผิด" เจี้ยนเฉินคิด หลังจากรู้เกี่ยวกับเผ่าวิญญาณวัตถุ เขาก็ตระหนักว่าจิตวิญญาณกระบี่นั้นไม่ได้มีความรู้ไปเสียทุกเรื่อง ดังนั้นเมื่อ เขาได้รับการยืนยันจากผู้อาวุโสลม เขาก็จะสามารถหยุดกังวลได้อย่างแท้จริงว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเขาจะช่วยผู้อาวุโสลมได้หรือไม่ เจี้ยนเฉินไม่ได้รอนาน ประมาณห้านาที ผู้อาวุโสลมก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ การจ้องมองของเขาเฉียบคมมากขึ้น มันเต็มไปด้วยพลังพร้อมกับความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจและความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้ "ผู้อาวุโสลม เป็นอย่างไรบ้าง ? " เจี้ยนเฉินถามทันที ผู้อาวุโสลมหัวเราะเสียงดังและพูด "เจี้ยนเฉิน สหายตัวน้อยของข้า เจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าแก่นโลหิตบรรพกาลของเจ้าจะช่วยให้ข้าผสานกับวัตถุได้จริง ๆ " เจี้ยนเฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเขาที่กระดอนมาถึงลำคอก็กลับไปอยู่ในที่เดิมของมัน "นี่เป็นประโยชน์กับข้าอย่างมากจริง ๆ ด้วยแรงกดดันจากพลังบรรพกาล แม้ว่าจะมีเพียงนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงมาก มันสามารถยับยั้งวัตถุให้มาสงบได้บ้าง" เมื่อมาถึงตอนนี้ ผู อาวุโสลมก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง "แต่สำหรับข้าแล้วแก่นโลหิตเพียงหยดเดียวยังไม่เพียงพอ..." "ท่านไม่ต้องกังเวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสลม สิ่งที่สำคัญคือมันมีประโยชน์กับท่าน ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแก่นโลหิตบรรพกาลเช่นกัน ข้าจะจัดเตรียมให้ท่านไม่ว่าท่านจะต้องก การมันมากแค่ไหนก็ตาม" เจี้ยนเฉินพูดอย่างเอื้ออาทร แม้ว่าแก่นโลหิตจะมีจำกัดอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะ แต่เขาก็สามารถฟื้นฟูมันได้อย่างช้าๆเมื่อเขาใช้มันหมด ปัญหาเดียวคือมันจะดูดซับความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะไปอย่างมากและต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว ผู้อาวุโสลมมองเจี้ยนเฉินอย่างจริงจัง "เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ข้าจะให้เจ้าเสียสละแบบนี้ได้อย่างไง ? " "สำหรับคนอื่น ๆ น่ะใช่ เมื่อพวกเขาใช้แก่นโลหิตหมดไป มันก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพวกเขาอย่างมากและการฟื้นตัวก็จะช้ามากเช่นกัน แต่ท่านคงไม่ลืมว่าข้าได้บ่มเพาะร่างบรรพกาล ล ข้อได้เปรียบที่มากที่สุดของผู้บ่มเพาะร่างบรรพกาลคือการฟื้นตัวที่น่าทึ่งในทุก ๆ ด้าน การเสียแก่นโลหิตบางส่วนมันไม่ได้มากมายสำหรับข้า" เจี้ยนเฉินแย้ง "เอาล่ะ ๆ หากเป็นอย่างนี้ข้าจะรบกวนเจ้าในครั้งต่อไป" ผู้อาวุโสลมไม่ได้แสดงท่าทางอวดดี เขารับข้อเสนอของเจี้ยนเฉินด้วยความยินดี เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสบายใจ ด้วยความรู้สึกเพลีย ๆ เขาก็ยังส่งแก่นโลหิตบรรพกาลอีก 20 หยดให้กับผู้อาวุโสลมในครั้งเดียว การเสียแก่นโลหิต 20 หยดทำให้เขาหน้าซีดทันที ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อยราวกับว่าความแข็งแกร่งของเขาถูกเผาผลาญอย่างหนัก อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่สนใจเรื่องนี้ เขาอดทนต่อความรู้สึกอ่อนแอและกล่าวว่า "ผู้อาวุโสลม ข้าสามารถให้แก่นโลหิตกับท่านได้ทุกเมื่อ แต่ข้าต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูด้วย" ผู้อาวุโสลมมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างล้ำลึก สีหน้าของเขาดูสับสนมาก แต่เขาไม่พูดอะไร หลังจากนำเม็ดยาระดับเทพคุณภาพสูงจำนวนมากออกมาและสมบัติสวรรค์สำหรับฟื้นฟูจากแหวนมิติของ เขาและส่งให้กับเจี้ยนเฉิน เขาโบกมือของเขาและจากไปพร้อมกับแก่นโลหิตบรรพกาล 20 หยดของเจี้ยนเฉิน นับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงดาวเคราะห์นิรนาม นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสลมจากไปทั้ง ๆ ที่เขามีสติ ผู้อาวุโสลมจากไป เฉินเจี้ยนและจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาสงสัยและอยากรู้อย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ยินอะไรกับการสนทาของเจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสลมก่อนหน้านี้ แม้แต่มิติรอบ ๆ ก็ยังถูกรบกวนทำให้ฉากที่พวกเขาเห็นก็พร่ามัว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อาจมองเห็ นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน "เจี้ยนเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสลม ? " เฉินเจี้ยนถาม นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับผู้อาวุโสลมนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้อาวุโสลมทำตัวผิดปกติเช่นนี้ "พี่ชาย ทำไมพลังของท่านถึงหายไป ? " จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์มองไปที่ใบหน้าซีด ๆ ของเจี้ยนเฉินและถามอย่างสนใจ เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า "เจ้าไม่ต้องถามอะไรมาก สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือข้าพบวิธีที่จะช่วยผู้อาวุโสลมแล้ว วันที่ผู้อาวุโสลมจะมีสติแจ่มใสนั้นอยู่ไม่ไกล"
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5778
“ไปบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน?”
เจมส์ สมิธย้อนถามโดยไม่รู้ตัว และถามด้วยความประหลาดใจ:“ไปทำอะไรที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนครับ?”
หูเล่อฉีพูดอย่างตื่นเต้น:“มีเพื่อนคนหนึ่ง ช่วยให้ผมกับเสี่ยวหลานได้โควตาทดสอบยาเกิดใหม่เก้าเสวียนทางคลินิก เหมือนว่าเขาจะรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน ผมขอให้เขาให้โควตาแก่เสี่ยวจี๋หมี่ แล้วเขาก็ตกลง ตอนนี้พวกเรากำลังรีบไปที่นั่น คุณรีบพาเสี่ยวจี๋หมี่มาที่นี่เถอะ!”
เจมส์ สมิธแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถามอย่างสงสัยว่า:“พวกคุณสองคนโดนพวกเขาปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เสี่ยวจี๋หมี่ทำคะแนนตามมาตรฐานพวกเขาไม่ได้ เพื่อนคุณเป็นใครมาจากไหนกันแน่?ทำไมมีความสามารถขนาดนี้?”
หูเล่อฉีพูดว่า:“ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เขาบอกว่าเขาสนิทกับเว่ยเลี่ยงบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน แม้ว่าไม่มีอะไรมาพิสูจน์ว่าเขารู้จักประธานเว่ยจริง ๆ แต่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ล้อพวกเราเล่น ดังนั้นเรื่องนี้ ผมพอจะมั่นใจ”
“จะเป็นไปได้ไง……”เจมส์ สมิธพูดอย่างจริงจังมากว่า:“เล่อฉี เรื่องราวภายในของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนคุณไม่รู้อีกเยอะ แต่ผมบอกคุณได้ชัดเจนว่า แม้แต่เว่ยเลี่ยง ก็เป็นเพียงตัวแทนเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน เขาไม่กล้าใช้เส้นสายให้ใครในเรื่องนี้แน่”
หูเล่อฉีพูดว่า:“แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นจริงใจมาก ผมไม่คิดว่าเขาจะล้อเล่นกับเรา ยังไงคุณอยู่ที่จินหลิง พวกเราก็กลับมาแล้ว พาเสี่ยวจี๋หมี่มาลองดูกับพวกเราสิ ถึงไม่ได้ผลก็ไม่มีอะไรเสียหาย”
เจมส์ สมิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามเขาว่า:“เล่อฉี เพื่อนคุณคนนี้ชื่ออะไร?รู้จักกันได้ไง?”
หูเล่อฉีพูดว่า:“เขาชื่อหลินเฉิน พวกเรารู้จักกันตอนเดินป่า”
“หลินเฉิน?”เจมส์ สมิธยิ่งแปลกใจ:“ถ้าคนที่คุณรู้จักชื่อว่าเย่เฉิน เรื่องนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ว่าหลินเฉิน……ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้……”
พูดไป เจมส์ สมิธก็ถามอีก:“คุณว่าหลินเฉินนี้ น่าจะอายุเท่าไหร่?”
หูเล่อฉีพูดว่า:“”ดูเหมือนว่าจะอายุ 20 ต้น ๆ ”
เจมส์ สมิธพึมพำเสียงเบาอย่างผิดหวัง:“20 ต้น ๆ ……งั้นคงไม่ใช่เย่เฉิน เย่เฉินใกล้จะ 30 แล้ว……”
หูเล่อฉีถามเขาว่า:“คุณสมิธ อาการของจิมมี่เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่……”เจมส์ สมิธพูดด้วยน้ำเสียงดูแย่:“หมอที่จินหลิงบอกว่า เซลล์มะเร็งของเสี่ยวจี๋หมี่ได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ และเซลล์มะเร็งก็มีภูมิคุ้มกันต่อเคมีบำบัดแล้ว ทำเคมีบำบัดเสร็จ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นมาก เกรงว่าจะทำได้เพียงรักษาแบบประคับประคองไปเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้น ปกติแล้วมันเป็นช่วงระยะสุดท้าย……”
หูเล่อฉีถามว่า:“ตอนนี้เสี่ยวจี๋หมี่อยู่ไหน?อยู่โบส์ถกับคุณหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ”เจมส์ สมิธพูดว่า:“เสี่ยวจี๋หมี่กำลังทำเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลชุมชนจินหลิง แม่เขาเฝ้าเขาอยู่”
หูเล่อฉีถามอย่างตกใจว่า:“ภรรยาคุณก็มาด้วย?”
“ใช่”เจมส์ สมิธพูดว่า:“หลายวันก่อนเธอจัดการเรื่องทางสหรัฐอเมริกาเรียบร้อย ขายบ้านหมดแล้ว จากนั้นพาลูกสาวมาที่นี่ ช่วงนี้เด็กทั้งสองคนก็ให้เธอดูแล กำลังหลักของผมส่วนมากอยู่ที่โบสถ์”
หูเล่อฉีถอนหายใจเบาๆ แล้วถามเขาว่า:“เอ่อ……คุณสมิธคุณจะพาเสี่ยวจี๋หมี่มาไหมครับ?ถ้าคุณจะไปด้วยกัน ผมจะรอคุณที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนตอนนี้”
เจมส์ สมิธครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกัดฟันพูดว่า:“มีคำพูดในหัวเซี่ยว่าจงเชื่อในสิ่งที่มี มากกว่าเชื่อในสิ่งที่ไม่มี แบบนี้ละกัน ผมจะไปรับเสี่ยวจี๋หมี่ที่โรงพยาบาลตอนนี้ จากนั้นไปรวมตัวกับคุณที่หน้าบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน!”
หูเล่อฉีพูดว่า:“ไม่มีปัญหาครับ พวกเราเจอกันหน้าบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน”
พูดไป หูเล่อฉีก็กำชับว่า:“ใช่สิคุณสมิธ เพื่อนผมคนนั้นบอกว่า นี่เป็นการดำเนินการพิเศษ อย่าเผลอพูดล่ะ”
เจมส์ สมิธพูดโดยไม่คิดว่า:“ผมเข้าใจแล้ว!”
……
เจมส์ สมิธวางสาย พูดกับเพื่อนในโบสท์ว่า:“ผมมีธุระต้องไปแล้ว ตรงนี้ก็มอบให้พวกคุณล่ะ”
เพื่อนในโบสถ์ ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาอย่างสมิธ บางคนมาที่จินหลิงนานแล้ว และด้วยความเชื่อทางศาสนา จึงรู้จักกันในโบสถ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรการกุศลเล็ก ๆ
เจมส์ สมิธก็เป็นชาวคริสต์ หลังจากพาลูกชายมาปักหลักจินหลิง ได้เจอโบสท์ ดังนั้นจึงได้รู้จักกับทุกคน
หลายคนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา ว่าเขามีลูกชายที่ป่วยหนักกำลังรับเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลชุมชนนหลิง แต่ว่ากันว่าเป็นเพียงถ่วงเวลากระบวนการเสียชีวิตเท่านั้น สรุปคือ ลูกชายของสมิธใกล้หมดเวลาแล้ว
ดังนั้น ได้ยินว่าสมิธมีธุระต้องไป หนึ่งในนั้นรีบถามว่า:“เจมส์เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?ให้พวกเราช่วยไหม?”