ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 662 ภรรยาต้องการให้ฉันติดเข็มกลัดให้กับเธอ เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงเกสต์เฮาส์ชิงเจียง ฉากตรงหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวามาก บริเวณขายล็อตเตอรี่มีคิวต่อแถวยาวเหยียด หลายคนได้ซื้อล็อตเตอรี่แล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ได้ซื้อก็เข้าแถวเป็นระเบียบในบริเวณที่ขายล็อตเตอรี่ ผู้คนที่สวมเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยต่างเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย ส่วนพนักงานจากเจียงเจียกรุ๊ปก็ช่วยกันขายล็อตเตอรี่ แม้ว่าจะมีคนมาซื้อจำนวนมาก แต่สถานการณ์ไม่ได้วุ่นวายอะไร หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถ หลินเจียอิน หลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิง และเจียงชานต่างก็ลงจากรถ อีกด้านหนึ่ง เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ หลินเจียเหว่ย และคนอื่นก็ลงจากรถแล้วเดินเข้ามาสมทบกับพวกเขา “พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่ไปพักผ่อนที่ห้องพักก่อนเลยนะครับ ผมจองห้องไว้ให้หมดแล้ว” เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับหลินต้าเหว่ย หลินต้าเหว่ยพยักหน้า “เอ่อ แล้วพิธีเปิดจะเริ่มกี่โมง ? ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ประมาณสิบโมงครับ ! ” หลินต้าเหว่ยยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงเช้า เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ พ่อจะไปนั่งในห้องรอสักพัก งานเริ่มเมื่อไหร่ค่อยลงมา” หลังจากนั้น เขาก็หันไปเชิญเจียงไห่หยางและภรรยาของเขาว่า “พี่ไห่หยาง พี่ชิ่วจวี๋ เราขึ้นไปบนห้องด้วยกันเถอะ” เจียงไห่หยางโบกมือ “พ่อตาเสี่ยวไป๋ พวกคุณขึ้นไปก่อนได้เลย ฉันว่าจะขออยู่ข้างล่าง ดูสถานการณ์สักพักน่ะ’ หลินต้าเหว่ยยิ้ม “อากาศหนาวมาก ข้างล่างนี้มีอะไรให้ดูกัน ? ” เจียงไห่หยางกล่าวว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเห็นความตื่นเต้นเช่นนี้ พลาดไปก็คงน่าเสียดาย” หวังซิ่วจวี๋ยังกล่าวอีกว่า “ฉันก็ว่าจะไปต่อแถวเข้าคิวซื้อล็อตเตอรี่ คุณตาคุณยายของเจียงชานไปพักผ่อนก่อนเถอะ ! ” หลิวอี้ถิงยิ้มและพูดว่า “แม่สามีเจียอิน ถ้าคุณต้องการล็อตเตอรี่ แค่ขอให้เสี่ยวไป๋ไปเอามาให้คุณสองสามใบก็ได้แล้ว คุณจะเข้าแถวให้เสียเวลาทำไม ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช่ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากหรอก ผมจะให้คนไปซื้อล็อตเตอรี่ให้เองดีกว่า” หวังซิ่วจวี๋เม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าแม่อยากให้แกทำให้ล่ะ ? เลือกซื้อเลขเองน่าสนใจมากกว่า แม่แค่อยากลองเสี่ยงโชคบ้างไม่ได้หรือ ? ” เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูด เขาก็หยุดพยายามเกลี้ยกล่อมเธอทันที พ่อแม่ของเขาชอบความตื่นเต้นและอยากร่วมสนุกไปกับล็อตเตอรี่นี้ เขาจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้ทำในสิ่งที่ชอบและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ระวังตัวด้วยนะครับ คนเยอะ” “ฉันรู้น่า ไปทำงานของแกเถอะ ! ” เจียงไห่หยางโบกมือไล่ลูกชายด้วยความรำคาญ พวกเขาแก่แล้ว แต่ลูกชายยังปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นเด็กอมมือต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย ช่างน่าอับอายจริง ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ยิ้มด้วยความเอือมระอาและเรียกเจียงชาน “ชานชาน มานี่มา หนูขึ้นไปอยู่บนห้องกับคุณตาคุณยายก่อนนะ” “ไม่เอาค่ะ หนูจะไปกับคุณปู่คุณย่า” เจียงชานกล่าว เจียงไห่หยางกล่าวว่า “เอาล่ะ เราจะดูแลชานชานเอง” เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าลูกสาวของเขาจะอยากไปดูการซื้อล็อตเตอรี่ เขาจึงมองไปที่เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้แล้วพูดว่า “นายกับน้องสะใภ้อย่าเพิ่งไปร่วมสนุกเลย อีกเดี๋ยวจะเป็นช่วงพิธีการ พวกนายจะต้องเข้าร่วมพิธีด้วย” เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้า “ครับพี่” และเขาได้หันไปพูดกับเจียงถิงว่า “ลูกและพี่ชานชานไปเล่นกับปู่ย่าก่อน อย่าวิ่งวุ่นวายล่ะ” “เข้าใจแล้วค่ะ ! ” เจียงถิงวิ่งไปจับมือเจียงชานอย่างมีความสุข เจียงเสี่ยวไป๋ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เจียงชานสองสามคำ จากนั้นจึงเดินไปกับหลินเจียอินไปที่ล็อบบี้ของเกสต์เฮาส์พร้อมกับพ่อตาแม่ยายและหลินเจียหง ในด้านหลินเจียจวิน เขาก็ได้เดินไปหาเย่กวงโต้วหลังลงจากรถ จากนั้นพวกเขาก็ยุ่งอยู่ตลอด เจียงเสี่ยวไป๋เพียงเหลือบมองเขาและไม่สนใจอีก “สวัสดีประธานหลิน ! ” “สวัสดีผู้ช่วยเจียง ! ” ที่ทางเข้าล็อบบี้เกสต์เฮาส์ เมิ่งเสี่ยวเป่ยกำลังรอพวกเขาอยู่ที่นี่ เธอเปิดประตูกระจกให้พวกเขาด้วยตัวเองและทักทายทั้งสองคน “ขอบคุณมากผู้จัดการเมิ่ง ! ” หลินเจียอินตอบอย่างสุภาพ เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำหลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิงและหลินเจียหง ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้จัดการเมิ่ง รบกวนบอกพนักงานให้พาพวกเขาขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องที” “ได้ค่ะ ! ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยรับคำและสั่งให้พนักงานพาหลินต้าเหว่ยและคนอื่นไปที่ห้องพักทันที หลังจากจัดการธุระเสร็จ เธอก็พูดว่า “ประธานหลิน ผู้ช่วยเจียง เราจะไปที่สถานที่จัดนิทรรศการก่อนหรือไปที่ห้องประชุมเลยคะ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามว่า “สถานที่จัดนิทรรศการจัดเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “เรียบร้อยแล้วค่ะ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูสถานที่จัดนิทรรศการก่อน แล้วค่อยไปที่ห้องประชุม ! ” เกสต์เฮาส์ชิงเจียงมีห้องประชุม 2 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้องและห้องเล็ก 1 ห้อง ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 ได้รับการดัดแปลงให้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ ส่วนห้องประชุมเล็กบนชั้น 2 สามารถรองรับคนได้เพียง 30-40 คนเท่านั้น แต่คนที่เข้าร่วมการประชุมเปิดเจียงเจียกรุ๊ปในวันนี้มีเพียงสมาชิกระดับสูงของบริษัทเท่านั้น ซึ่งห้องประชุมเล็กสามารถรองรับได้เพียงพอ ในเวลานี้ ก็มีพนักงานต้อนรับเดินเข้ามาพร้อมกับถือถาดที่มีเข็มกลัดดอกไม้ติดหน้าอกสีแดง ซึ่งก็มีพนักงานต้อนรับอีกคนหนึ่งเดินตามหลังมาเหมือนกัน เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่พนักงานต้อนรับทั้งสองคนที่ดูคุ้นเคย ไม่นานทั้งสองก็เข้ามาทักทายพวกเขา “สวัสดี ประธานหลิน สวัสดีผู้ช่วยเจียง ! ” หลินเจียอินพยักหน้า “ขอบคุณที่ช่วยเราดูแลแขกนะ ! ” จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็จำได้ว่าพนักงานต้อนรับที่มาช่วยงานในวันนี้เป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยรู้จักทั้งสองคนมากนัก แต่หลินเจียอินแตกต่างออกไป เธอรู้จักพนักงานทุกคนของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง และยังคุ้นเคยกับพวกเธอเป็นอย่างมาก พนักงานต้อนรับที่เดินมาด้านหลังยิ้มและพูดว่า “ประธานหลิน ให้ฉันช่วยติดเข็มกลัดดอกไม้ตรงหน้าอกให้คุณไหม ! ” หลินเจียอินอ้าปากกำลังจะตอบตกลง แต่เธอก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหมย ไม่เป็นไร ฉันมีผู้ช่วยอยู่นี่แล้ว” เธอชี้ไปที่เจียงเสี่ยวเฟิง แล้วพูดว่า “ไปติดให้คนอื่นก่อนเถอะ ติดให้ผู้ช่วยเจียงก่อนก็ได้ ! ” หลินเจียอินเป็นประธาน ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋เป็นผู้ช่วยประธาน จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรที่ผู้ช่วยจะติดเข็มกลัดให้กับประธาน เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเจียอิน เขาดีใจมาก วันนี้ภรรยาขอให้เขาติดเข็มกลัดที่หน้าอกให้เธอต่อหน้าพนักงาน แถมตอนพูด เธอก็ยิ้มกรุ่มกริ่มออกมาด้วยความเขินอาย โดยธรรมชาติแล้ว เขาจะไม่ปฏิเสธเรื่องดี ๆ แบบนี้แน่นอน “เอาล่ะ ฉันจะติดเข็มกลัดดอกไม้ที่หน้าอกให้ประธานเอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดพร้อมกับหยิบเข็มกลัดดอกไม้จากถาดอย่างมีความสุข เปิดหมุดออก และปักหมุดลงบนเสื้อตรงหน้าอกของหลินเจียอินอย่างอ่อนโยน หลังจากติดเข็มกลัดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอยกลับไปสองก้าวแล้วมองดูด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยก็ได้ติดเข็มกลัดให้กับเจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้แล้ว เธอได้ฝึกติดเข็มกลัดให้แขกเมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นวันนี้เธอจึงติดได้ชำนาญกว่า เธอเดินเข้ามาและหยิบเข็มกลัดอีกอันหนึ่ง “ผู้ช่วยเจียง ให้ฉันช่วยติดเข็มกลัดให้คุณนะคะ ! ” เสี่ยวเหม่ยพูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาที่สวยงามของเธอเป็นประกายออกมา ตอนนี้ผู้ช่วยเจียงเป็นไอดอลของกลุ่มพนักงานหญิง และโดยปกติแล้วพวกพนักงานจะไม่ค่อยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขามากนัก การติดเข็มกลัดให้เขาจึงเป็นโอกาสที่หาได้ยาก เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและแอบมีความสุขในใจอยู่เล็ก ๆ ภายในใจ
- Home
- ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
- ตอนที่ 662 ภรรยาต้องการให้ฉันติดเข็มกลัดให้กับเธอ เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงเกสต์เฮาส์ชิงเจียง ฉากตรงหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวามาก บริเวณขายล็อตเตอรี่มีคิวต่อแถวยาวเหยียด หลายคนได้ซื้อล็อตเตอรี่แล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ได้ซื้อก็เข้าแถวเป็นระเบียบในบริเวณที่ขายล็อตเตอรี่ ผู้คนที่สวมเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยต่างเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย ส่วนพนักงานจากเจียงเจียกรุ๊ปก็ช่วยกันขายล็อตเตอรี่ แม้ว่าจะมีคนมาซื้อจำนวนมาก แต่สถานการณ์ไม่ได้วุ่นวายอะไร หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถ หลินเจียอิน หลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิง และเจียงชานต่างก็ลงจากรถ อีกด้านหนึ่ง เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ หลินเจียเหว่ย และคนอื่นก็ลงจากรถแล้วเดินเข้ามาสมทบกับพวกเขา “พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่ไปพักผ่อนที่ห้องพักก่อนเลยนะครับ ผมจองห้องไว้ให้หมดแล้ว” เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับหลินต้าเหว่ย หลินต้าเหว่ยพยักหน้า “เอ่อ แล้วพิธีเปิดจะเริ่มกี่โมง ? ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ประมาณสิบโมงครับ ! ” หลินต้าเหว่ยยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงเช้า เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ พ่อจะไปนั่งในห้องรอสักพัก งานเริ่มเมื่อไหร่ค่อยลงมา” หลังจากนั้น เขาก็หันไปเชิญเจียงไห่หยางและภรรยาของเขาว่า “พี่ไห่หยาง พี่ชิ่วจวี๋ เราขึ้นไปบนห้องด้วยกันเถอะ” เจียงไห่หยางโบกมือ “พ่อตาเสี่ยวไป๋ พวกคุณขึ้นไปก่อนได้เลย ฉันว่าจะขออยู่ข้างล่าง ดูสถานการณ์สักพักน่ะ’ หลินต้าเหว่ยยิ้ม “อากาศหนาวมาก ข้างล่างนี้มีอะไรให้ดูกัน ? ” เจียงไห่หยางกล่าวว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเห็นความตื่นเต้นเช่นนี้ พลาดไปก็คงน่าเสียดาย” หวังซิ่วจวี๋ยังกล่าวอีกว่า “ฉันก็ว่าจะไปต่อแถวเข้าคิวซื้อล็อตเตอรี่ คุณตาคุณยายของเจียงชานไปพักผ่อนก่อนเถอะ ! ” หลิวอี้ถิงยิ้มและพูดว่า “แม่สามีเจียอิน ถ้าคุณต้องการล็อตเตอรี่ แค่ขอให้เสี่ยวไป๋ไปเอามาให้คุณสองสามใบก็ได้แล้ว คุณจะเข้าแถวให้เสียเวลาทำไม ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช่ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากหรอก ผมจะให้คนไปซื้อล็อตเตอรี่ให้เองดีกว่า” หวังซิ่วจวี๋เม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าแม่อยากให้แกทำให้ล่ะ ? เลือกซื้อเลขเองน่าสนใจมากกว่า แม่แค่อยากลองเสี่ยงโชคบ้างไม่ได้หรือ ? ” เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูด เขาก็หยุดพยายามเกลี้ยกล่อมเธอทันที พ่อแม่ของเขาชอบความตื่นเต้นและอยากร่วมสนุกไปกับล็อตเตอรี่นี้ เขาจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้ทำในสิ่งที่ชอบและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ระวังตัวด้วยนะครับ คนเยอะ” “ฉันรู้น่า ไปทำงานของแกเถอะ ! ” เจียงไห่หยางโบกมือไล่ลูกชายด้วยความรำคาญ พวกเขาแก่แล้ว แต่ลูกชายยังปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นเด็กอมมือต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย ช่างน่าอับอายจริง ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ยิ้มด้วยความเอือมระอาและเรียกเจียงชาน “ชานชาน มานี่มา หนูขึ้นไปอยู่บนห้องกับคุณตาคุณยายก่อนนะ” “ไม่เอาค่ะ หนูจะไปกับคุณปู่คุณย่า” เจียงชานกล่าว เจียงไห่หยางกล่าวว่า “เอาล่ะ เราจะดูแลชานชานเอง” เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าลูกสาวของเขาจะอยากไปดูการซื้อล็อตเตอรี่ เขาจึงมองไปที่เจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้แล้วพูดว่า “นายกับน้องสะใภ้อย่าเพิ่งไปร่วมสนุกเลย อีกเดี๋ยวจะเป็นช่วงพิธีการ พวกนายจะต้องเข้าร่วมพิธีด้วย” เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้า “ครับพี่” และเขาได้หันไปพูดกับเจียงถิงว่า “ลูกและพี่ชานชานไปเล่นกับปู่ย่าก่อน อย่าวิ่งวุ่นวายล่ะ” “เข้าใจแล้วค่ะ ! ” เจียงถิงวิ่งไปจับมือเจียงชานอย่างมีความสุข เจียงเสี่ยวไป๋ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เจียงชานสองสามคำ จากนั้นจึงเดินไปกับหลินเจียอินไปที่ล็อบบี้ของเกสต์เฮาส์พร้อมกับพ่อตาแม่ยายและหลินเจียหง ในด้านหลินเจียจวิน เขาก็ได้เดินไปหาเย่กวงโต้วหลังลงจากรถ จากนั้นพวกเขาก็ยุ่งอยู่ตลอด เจียงเสี่ยวไป๋เพียงเหลือบมองเขาและไม่สนใจอีก “สวัสดีประธานหลิน ! ” “สวัสดีผู้ช่วยเจียง ! ” ที่ทางเข้าล็อบบี้เกสต์เฮาส์ เมิ่งเสี่ยวเป่ยกำลังรอพวกเขาอยู่ที่นี่ เธอเปิดประตูกระจกให้พวกเขาด้วยตัวเองและทักทายทั้งสองคน “ขอบคุณมากผู้จัดการเมิ่ง ! ” หลินเจียอินตอบอย่างสุภาพ เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำหลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิงและหลินเจียหง ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้จัดการเมิ่ง รบกวนบอกพนักงานให้พาพวกเขาขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องที” “ได้ค่ะ ! ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยรับคำและสั่งให้พนักงานพาหลินต้าเหว่ยและคนอื่นไปที่ห้องพักทันที หลังจากจัดการธุระเสร็จ เธอก็พูดว่า “ประธานหลิน ผู้ช่วยเจียง เราจะไปที่สถานที่จัดนิทรรศการก่อนหรือไปที่ห้องประชุมเลยคะ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามว่า “สถานที่จัดนิทรรศการจัดเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “เรียบร้อยแล้วค่ะ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูสถานที่จัดนิทรรศการก่อน แล้วค่อยไปที่ห้องประชุม ! ” เกสต์เฮาส์ชิงเจียงมีห้องประชุม 2 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้องและห้องเล็ก 1 ห้อง ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 ได้รับการดัดแปลงให้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ ส่วนห้องประชุมเล็กบนชั้น 2 สามารถรองรับคนได้เพียง 30-40 คนเท่านั้น แต่คนที่เข้าร่วมการประชุมเปิดเจียงเจียกรุ๊ปในวันนี้มีเพียงสมาชิกระดับสูงของบริษัทเท่านั้น ซึ่งห้องประชุมเล็กสามารถรองรับได้เพียงพอ ในเวลานี้ ก็มีพนักงานต้อนรับเดินเข้ามาพร้อมกับถือถาดที่มีเข็มกลัดดอกไม้ติดหน้าอกสีแดง ซึ่งก็มีพนักงานต้อนรับอีกคนหนึ่งเดินตามหลังมาเหมือนกัน เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่พนักงานต้อนรับทั้งสองคนที่ดูคุ้นเคย ไม่นานทั้งสองก็เข้ามาทักทายพวกเขา “สวัสดี ประธานหลิน สวัสดีผู้ช่วยเจียง ! ” หลินเจียอินพยักหน้า “ขอบคุณที่ช่วยเราดูแลแขกนะ ! ” จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็จำได้ว่าพนักงานต้อนรับที่มาช่วยงานในวันนี้เป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยรู้จักทั้งสองคนมากนัก แต่หลินเจียอินแตกต่างออกไป เธอรู้จักพนักงานทุกคนของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง และยังคุ้นเคยกับพวกเธอเป็นอย่างมาก พนักงานต้อนรับที่เดินมาด้านหลังยิ้มและพูดว่า “ประธานหลิน ให้ฉันช่วยติดเข็มกลัดดอกไม้ตรงหน้าอกให้คุณไหม ! ” หลินเจียอินอ้าปากกำลังจะตอบตกลง แต่เธอก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหมย ไม่เป็นไร ฉันมีผู้ช่วยอยู่นี่แล้ว” เธอชี้ไปที่เจียงเสี่ยวเฟิง แล้วพูดว่า “ไปติดให้คนอื่นก่อนเถอะ ติดให้ผู้ช่วยเจียงก่อนก็ได้ ! ” หลินเจียอินเป็นประธาน ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋เป็นผู้ช่วยประธาน จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรที่ผู้ช่วยจะติดเข็มกลัดให้กับประธาน เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเจียอิน เขาดีใจมาก วันนี้ภรรยาขอให้เขาติดเข็มกลัดที่หน้าอกให้เธอต่อหน้าพนักงาน แถมตอนพูด เธอก็ยิ้มกรุ่มกริ่มออกมาด้วยความเขินอาย โดยธรรมชาติแล้ว เขาจะไม่ปฏิเสธเรื่องดี ๆ แบบนี้แน่นอน “เอาล่ะ ฉันจะติดเข็มกลัดดอกไม้ที่หน้าอกให้ประธานเอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดพร้อมกับหยิบเข็มกลัดดอกไม้จากถาดอย่างมีความสุข เปิดหมุดออก และปักหมุดลงบนเสื้อตรงหน้าอกของหลินเจียอินอย่างอ่อนโยน หลังจากติดเข็มกลัดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอยกลับไปสองก้าวแล้วมองดูด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหม่ยก็ได้ติดเข็มกลัดให้กับเจียงเสี่ยวเฟิงและหลัวเจาตี้แล้ว เธอได้ฝึกติดเข็มกลัดให้แขกเมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นวันนี้เธอจึงติดได้ชำนาญกว่า เธอเดินเข้ามาและหยิบเข็มกลัดอีกอันหนึ่ง “ผู้ช่วยเจียง ให้ฉันช่วยติดเข็มกลัดให้คุณนะคะ ! ” เสี่ยวเหม่ยพูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาที่สวยงามของเธอเป็นประกายออกมา ตอนนี้ผู้ช่วยเจียงเป็นไอดอลของกลุ่มพนักงานหญิง และโดยปกติแล้วพวกพนักงานจะไม่ค่อยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขามากนัก การติดเข็มกลัดให้เขาจึงเป็นโอกาสที่หาได้ยาก เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและแอบมีความสุขในใจอยู่เล็ก ๆ ภายในใจ
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5735
ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รีบโค้งตัวและคุกเข่าลงบนพื้นทันที
เย่เฉินเห็นว่าชายชราสามคนที่มีอายุรวมกันกว่าสามร้อยปีกำลังคุกเข่าให้กับตนเอง หัวใจของเขาจะรับมันไว้ได้อย่างไร เขารีบลุกขึ้นเพื่อไปพยุงทั้งสามคนเอาไว้ แต่ทันใดนั้นหลินหว่านเอ๋อร์ก็ยื่นมืออันเรียวยาวของเธอออกมาจับข้อมือของเย่เฉินเอาไว้ พูดออกมาด้วยความจริงจัง “คุณชายไม่จำเป็นต้องลุกขึ้น มันสมเหตุสมผลที่แล้วที่พวกเขาทั้งสามจะบูชาคุณ”
เย่เฉินรีบพูดออกไปว่า “พวกเขาทั้งสามมีอายุมากขนาดนี้แล้ว จะให้พวกเขาทำความเคารพอันยิ่งใหญ่แบบนี้ มันดูไม่ค่อยเหมาะสม……”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดออกมาอย่างมุ่งมั่น “คุณชายวางใจ ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ที่พวกเขาทำความเคารพอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งหมดก็เพื่อขอบคุณ คุณชาย และก็ทำเพื่อตัวของพวกเขาเอง!”
จากนั้นหลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดออกมาอีกว่า “พวกเขาทั้งสามคือคนที่ฉันเป็นคนชุบเลี้ยงขึ้นมา ฉันรู้จักนิสัยของพวกเขาดี และรู้ถึงชะตาชีวิตของพวกเขา แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะถูกกำหนดให้ทุกข์ทรมานตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ทุกสิ่งที่พวกเขาได้เผชิญ ทั้งหมดก็เพื่อให้ได้รับพรอันยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางได้พบกับฉัน”
“การได้รับพรนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการทำให้พรของตนเองต้องสูญสลายไป”
“ไม่เคารพต่ออาจารย์ ไม่เคารพต่อผู้อาวุโส ไม่เข้มงวดกับตนเอง ไม่มีคุณธรรม ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้พรนั้นสูญสลาย หากคุณชายต้องการมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่มีโอกาสได้ทำการเคารพบูชาจากใจจริง ทำให้ความศรัทธาในใจจางหายไป เช่นนั้นจะเป็นการทำให้พรต้องสูญสลาย”
พูดถึงตรงนี้หลินหว่านเอ๋อร์ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย มองไปที่เย่เฉินและพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้น หากในอนาคตคุณชายพบกับคนที่ต้องการคุกเข่าเพื่อเคารพและขอบคุณต่อท่าน คุณชายห้ามขัดขวางเขาเป็นอันขาด หากไม่ให้เขาคุกเข่าเพื่อเคารพ เช่นนั้นจะเป็นการทำลายพรของเขา”
เย่เฉินยังไม่ทันได้ไตร่ตรองกับคำพูดเหล่านั้นของหลินหว่านเอ๋อร์ ชายชราทั้งสามก็คุกเข่าลงไปหมดแล้ว
ทั้งสามคนพูดออกมาพร้อมกัน “ขอขอบพระคุณสำหรับความเมตตาและคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของคุณชายเย่!”
เย่เฉินทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบกลับไปว่า “คุณตาทั้งสามรีบลุกขึ้นมาเถอะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึมว่า “ก่อนที่คุณชายจะให้พร ห้ามลุกขึ้นมาเป็นอันขาด!”
ทั้งสามคนได้ยินแบบนั้นก็คุกเข่าโดยไม่เคลื่อนไหว
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินได้เห็นด้านที่น่าเกรงขามของหลินหว่านเอ๋อร์ หญิงสาวที่อ่อนโยนและเชื่อฟัง ออกคำสั่งให้ชายชราสามคนนั่งคุกเข่าต่อหน้าเขา สิ่งนี้เป็นความจริงที่ขัดกับความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง
เย่เฉินเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะทำให้เสียเวลาอีกต่อไป เขาคิดจะนำโอสถออกมาทันทีเพื่อทั้งสามจะได้ลุกขึ้นมาเร็ว ๆ
ดังนั้นเขาจึงนำโอสถออกมาสามเม็ด จากนั้นก็พูดออกมาว่า “นี่คือยาอายุวัฒนะ มีสรรพคุณในการรักษาโรคทุกประเภท ทำให้อายุยืนนาน เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้มีอายุยืดยาวขึ้นอีกยี่สิบปี ทั้งสามคนรีบกินมันเข้าไปได้แล้ว และในอนาคตก็ต้องดูแลคุณหลินให้ดี”
หัวใจของหลินหว่านเอ๋อร์เต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเย่เฉิน
หลินหว่านเอ๋อร์รู้และเข้าใจถึงคุณค่าของยาอายุวัฒนะระดับสูงพวกนี้มากกว่าใคร ตนเองเป็นคนเลี้ยงดูสามคนนี้ขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเย่เฉิน และเรื่องบุญคุณยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เย่เฉินกลับเต็มใจมอบยาอายุวัฒนะให้กับทั้งสามคน นี่เป็นความจริงที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลินหว่านเอ๋อร์เป็นอย่างมาก
ในตอนที่เธอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเย่เฉิน เธอถึงได้เข้าใจ สามเหตุที่เย่เฉินดีต่อพวกเขาถึงขนาดนี้ ทั้งหมดก็น่าจะเป็นเพราะเธอ เพื่อในอนาคตหลังจากนี้ เธอจะได้ไม่เหงา
และเวลานี้ ชายชราทั้งสามรู้สึกดีใจจนไม่สามารถอธิบายออกมาได้ พวกเขาไม่ได้ดีใจเรื่องที่ตนเองมีอายุยืนขึ้นอีกยี่สิบปีเท่านั้น แต่พวกเขาดีใจเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกที่เย่เฉินมีต่อหลินหว่านเอ๋อร์อีกด้วย
ในมุมมองของพวกเขา บนโลกใบนี้ไม่มีนอกจากเย่เฉินที่คู่ควรกับหลินหว่านเอ๋อร์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นในตอนที่พวกเขาเห็นเย่เฉินเป็นห่วงเป็นใยหลินหว่านเอ๋อร์ ทำให้พวกเขานึกถึงภาพหลินหว่านเอ๋อร์ในชุดแต่งงานที่มีเจ้าบ่าวเป็นเย่เฉิน
ในตอนนั้น ความรู้สึกซาบซึ้งเอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจของหลินหว่านเอ๋อร์ แต่ปากของเธอกลับตำหนิชายชราทั้งสาม “พวกนายยังงงอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบขอบคุณพรจากคุณชายเย่อีกเหรอ?!”
ทั้งสามคนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นตื่นตัวขึ้นมาทันใด รีบพูดออกมาเสียงดังว่า “ขอบคุณคำอวยพรของคุณชายเย่!”