ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2665
ขณะนี้ เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ในใจ
เธอจะไม่รู้ว่าลูกสาวตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร
เพียงแต่เธอนึกถึงความรู้สึกแย่ ๆ ระหว่างตนเองกับซูโสว่เต้า และคิดถึงความยากลำบากในการเลี้ยงดูซูรั่วหลีด้วยตัวคนเดียว เธอกลัวว่าต่อไปซูรั่วหลีจะเดินซ้ำรอยเดิมของเธอ
ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่ต้องการให้อนาคตลูกสาวลงเอยเหมือนตนเอง
ขณะที่เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เย่เฉินก็กล่าวทันทีว่า “รั่วหลี ตอนแรกที่ผมช่วยคุณไว้ ไม่ต้องการให้คุณใช้ชั่วชีวิตของตนเองมาตอบแทนผม ดังนั้นต่อไปคุณไม่จำเป็นต้องติดตามผม คุณสามารถเปลี่ยนสถานะของตนเองใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยตัวตนที่ขาวสะอาดได้”
ซูรั่วหลีรีบส่ายศีรษะและกล่าวว่า “คุณชายเย่ สถานการณ์ตอนนี้ของรั่วหลี รั่วหลีรู้ดีว่าถ้าไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากคุณ รั่วหลีเกรงว่าไม่ช้าก็เร็วอาจจะตกไปอยู่ในมือของคนญี่ปุ่น เมื่อถึงเวลานั้นในโลกใบนี้คงไม่มีใครสามารถปกป้องฉันได้…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซูรั่วหลีกล่าวเบา ๆ อย่างโศกเศร้าว่า “ดังนั้น…..รั่วหลีหวังว่าจะสามารถอยู่ข้างคุณชายเย่ได้ ด้านหนึ่งสามารถทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณชายเย่ อีกด้านหนึ่งก็หวังว่าจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากคุณชายเย่ต่อไป…..”
ขณะนี้เหออิงซิ่วตระหนักได้ทันทีว่าลูกสาวและตนเองนั้นแตกต่างกันมากทีเดียว
ตอนนั้น ตนเองในฐานะผู้คุ้มกันของซูโสว่เต้า เธอทุ่มเทรับใช้ซูโสว่เต้าอย่างสุดความสามารถ กระทั่งกล่าวได้ว่า ตนเองได้อุทิศชีวิตวัยสาวทั้งหมดให้กับเขา และอุทิศแขนข้างหนึ่งให้เขาอีกด้วย
จากนั้นตนเองก็ได้กำเนิดรั่วหลีให้เขา ซึ่งเท่ากับตนเองได้อุทิศครึ่งชีวิตที่เหลือให้เขาอีกด้วย
แต่ความแตกต่างของลูกสาวคือคุณชายเย่คนนี้เป็นคนที่มีบุญคุณต่อเธอ หากต่อไปลูกสาวอยู่ข้างกายเขา อาจไม่ได้หมายความว่าลูกสาวต้องอุทิศตนเอง
ถ้าเป็นเช่นนี้ ชีวิตของเธอจะไม่เศร้าเหมือนชีวิตของตนเอง
ดังนั้นเธอจึงรีบกล่าวว่า “คุณชายเย่ รั่วหลีสร้างเรื่องหายนะใหญ่หลวงไว้ที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ การที่คุณสามารถช่วยเธอออกจากมือญี่ปุ่นได้ คุณต้องสามารถปกป้องเธอได้อย่างปลอดภัยแน่นอน รั่วหลีฝึกหนักมาตั้งแต่เด็ก ไม่กล้ากล่าวว่าเธอมีความสามารถโดดเด่น แต่เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกันสามารถบอกได้ว่าเธออยู่ระดับกลางค่อนไปถึงระดับสูง หลังจากที่คุณช่วยเธอทะลวงเส้นเริ่นสำเร็จแล้ว ความสามารถของเธอเมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกันทั้งประเทศนั้นถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงสุด ถ้าหากมีเธออยู่ข้างกายคุณ เธอจะสามารถช่วยคุณแก้ปัญหาได้ไม่น้อยแน่นอน ดังนั้นโปรดให้เธออยู่ข้างกายคุณเถอะ!”
เย่เฉินรู้อยู่แก่ใจว่าตราบใดที่ไม่พบร่างของซูรั่วหลี คนญี่ปุ่นจะไม่ยอมแพ้แน่นอน
เมื่อสถานะตัวตนของซูรั่วหลีถูกเปิดเผย เธอจะต้องเผชิญกับหายนะแน่นอน
ดังนั้นการอยู่เคียงข้างตนเองควรเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
นอกจากนี้ เย่เฉินยังรู้สึกว่าข้างกายตนเองยังขาดผู้ช่วยที่มีความสามารถจริง
ไม่ว่าจะเป็นหงห้าก็ดีหรือเฉินจื๋อข่ายก็ช่าง หรือรวมไปถึงซ่งหวั่นถิงและตัวแทนคนอื่น ๆ ของตระกูลใหญ่ในเมืองจินหลิง ล้วนแต่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีผลการฝึกฝน แม้ว่าตอนนี้ความสามารถของฉินเอ้าเสวี่ยนจะไม่เลว แต่เธอยังคงเป็นเด็กสาวที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ตนเองยังให้เธอทำภารกิจฆ่าคนเพื่อตนเองไม่ได้
ดังนั้น การให้ซูรั่วหลีอยู่ข้างกาย และฝึกให้เธอเป็นคนสนิทก็เป็นความจริงที่สำคัญสำหรับตนเอง ซูรั่วหลีไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่ง แต่ตอนที่อยู่ในตระกูลซูยังสามารถเป็นผู้นำให้ยอดฝีมือหลายสิบคนสร้างเรื่องโกลาหลในญี่ปุ่น ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอยังมีความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง หากต่อไปให้เธอออกหน้าฝึกกองกำลังที่แข็งแกร่งให้กับตนเอง ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เฉินกล่าวว่า “รั่วหลี ในเมื่อคุณเต็มใจอยู่ข้างกายผม นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะเป็นคนของผมเย่เฉิน จากนี้ไปคุณจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผม และผมจะพยายามคุ้มครองความปลอดภัยของคุณจนสุดความสามารถ ถ้าวันหนึ่งคุณตัดสินใจจะไป คุณสามารถบอกผมได้โดยตรง เมื่อถึงเวลานั้นผมจะไม่บังคับคุณแน่นอน แต่คุณต้องจำไว้เสมอว่า ก่อนที่คุณจะไปอย่างเป็นทางการ คุณอย่าหน้าไหว้หลังหลอก และอย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เข้าใจไหม?”
ซูรั่วหลีกล่าวออกมาโดยไม่ลังเลว่า “คุณชายเย่โปรดวางใจ ขอแค่คุณชายไม่รังเกียจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรหรือต้องตาย รั่วหลีก็จะขอติดตามคุณชายไปตลอดชีวิต และจะไม่จากไปไหนเด็ดขาด!”