ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2794
น้ำเสียงที่ไม่มีความน่าสงสัยของเย่เฉิน รวมทั้งการข่มขู่อย่างไม่อ่อนข้อให้ ทำให้ไหม้เฉิงซินประหม่ามาก
ทั้งชีวิตนี้ที่เขากลัวที่สุดก็คือเข้าสู่ปัญหา เพียงแค่มีอะไรนิดหน่อยก็รีบถอยหนีทันที นี่คือการพรรณนาอย่างแท้จริงมาเจ็บแปดสิบปีตั้งแต่ที่เขาบรรลุนิติภาวะ
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นถึงโอกาสของล่ายชิงหวาแล้วหวั่นไหว ตีให้ตายเขาก็คงไม่ใช้อายุมากกว่าร้อยปีมาเสี่ยงถึงหัวเซี่ยหรอก
แต่ว่าตอนนี้ เขาเห็นว่าตัวเองไปมีปัญหากับคนที่น่ากลัวอย่างเย่เฉิน ในสมองคิดเพียงแค่เรื่องเดียวคือ รีบหนีไป
ดังนั้น น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลง มองเย่เฉินอ้อนวอนว่า “คุณเย่ครับ ฉันไม่สนิทกับซวนเฟิงเหนียนนั่นจริงๆ อีกอย่างผมอายุมากแล้ว โรคไข้ในร่างกายมากมาย คุณอย่าได้กดดันฉันเลย….”
เย่เฉินไม่มองเขา แต่กลับตะโกนเสียงดังผ่านประตูว่า “เหล่าเฉิน เตรียมรถ ส่งคุณไหม้ไปเยี่ยมชมที่ลานหมาของหงห้าสักหน่อย!”
“ได้ครับคุณชาย!” เฉินจื๋อข่ายที่ยืนอยู่ข้างนอกตลอดเวลาเมื่อได้ยินคำนี้ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ไหม้เฉิงซินตกใจจนหน้าซีด กำลังอยากจะขอร้องเมตตาต่อ จู่ๆโทรศัพท์ของเย่เฉินก็ดังขึ้น
เย่เฉินเห็นว่าเบอร์นี้โทรมาจากอเมริกา ก็รู้เลยว่าจะต้องเป็นล่ายชิงหวาคุณท่านล่ายแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกดรับสาย
ทางปลายสาย เสียงของล่ายชิงหวาดังขึ้น ถามว่า “คุณชายเย่ครับ ไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางคุณเป็นยังไงบ้างครับ? จับตัวซวนเฟิงเหนียนนั่นได้มั้ยครับ?”
เย่เฉินยิ้ม พูดว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างคุณที่ยังกังวลถึงกัน ซวนเฟิงเหนียนยังหาตัวไม่เจอครับ ผมกำลังหาจุดทะลุจากตัวของคนอื่นอยู่ครับ”
ล่ายชิงหวาได้ยินอย่างนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คนอื่นที่คุณชายเย่หมายถึง น่าจะเป็นไหม้เฉิงซินใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ครับ” เย่เฉินพูด “เขาเอง”
ในเวลานี้ สีหน้าของไหม้เฉิงซินได้เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงของล่ายชิงหวาในโทรศัพท์ แต่เมื่อกี้ในตอนที่เย่เฉินบอกว่ากำลังหาจุดทะลุจากคนอื่น เขาก็รู้เลยว่าคนอื่นที่เย่เฉินพูดนั้นหมายถึงตัวเอง
และในตอนนี้ เย่เฉินก็พูดอีกคำว่าเป็นเขาเอง หรือว่าในปลายสายคนนั้นก็รู้จักตัวเขา?!
คิดถึงนี่ ในใจเขาก็คิดอย่างประหม่าว่า “ไม่คิดเลยว่าฉันกับคนแซ่เย่นั่นจะมีคนที่รู้จักเป็นคนเดียวกัน ไม่รู้ว่าคนๆนี้เป็นใครกันแน่?”
ในเวลานี้เอง ล่ายชิงหวาก็พูดกับเย่เฉินในสายว่า “คุณชายเย่ครับ เหล่าไหม้เป็นเพื่อนเก่ากับผม เขาคนนี้ผมก็พอรู้จักเข้าใจอยู่บ้าง ตัวเขานั้นไม่ได้เลวร้าย แต่ชอบเก็งกำไร แล้วยังขาดความรับผิดชอบอยู่บ้าง หากว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณชายเย่ไม่พอใจ หวังว่าคุณจะใจกว้างต่อกันนะครับ”
เย่เฉินเหลือบมองไหม้เฉิงซินที่สีหน้าประหม่า ก็ได้กดเปิดลำโพง พูดว่า “คุณท่านล่าย เพื่อนของคุณคนนี้ไม่ได้เพียงแค่ว่าขาดความรับผิดชอบเพียงเท่านั้น ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเขาไว้ที่เมืองจินหลิงให้สำนึกผิดดีๆสักหน่อย”
ล่ายชิงหวาอุทานออกมา “คุณชายเย่ครับ? เกิดอะไรขึ้นครับ? ให้ผมคุยกับเหล่าไหม้สักหน่อยได้มั้ยครับ?”
เย่เฉินพูดนิ่งๆว่า “ผมเปิดลำโพงแล้ว คุณพูดได้เลยครับ”
ล่ายชิงหวาพูดออกมาว่า “เหล่าไหม้!นายไปมีปัญหากับคุณชายเย่ได้ยังไงกัน?!”
ไหม้เฉิงซินพูดว่า “พี่ล่าย?!คุณรู้จักเย่เฉินคนนี้ได้ยังไงกันครับ?!”
ล่ายชิงหวาพูดอย่างอมพะนำว่า “คุณชายเย่เป็นเพื่อนต่างอายุที่ดีของข้า”
ไหม้เฉิงซินรีบพูดอ้อนวอนขอร้องว่า “พี่ล่ายครับ งั้นรบกวนคุณบอกกับคุณชายเย่คนนี้ให้เข้าใจหน่อยครับ ว่าผมไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างเขากับซวนเฟิงเหนียน ให้เขาเห็นแก่ที่ผมกับคุณรู้จักกันมานาน ให้ผมกับไหม้เค่อออกไปจากเมืองจินหลิงเถอะครับ!”
ล่ายชิงหวาได้ยินคำนี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ พูดว่า “เหล่าไหม้ ซวนเฟิงเหนียนคนนั้นทำเรื่องชั่วร้ายในเมืองจินหลิง คุณชายเย่จะนำเขามาจัดการอย่างยุติธรรม นายสมควรที่จะให้ความช่วยเหลือ จะถอยหนีออกในเวลาอย่างนี้ได้ยังไงกัน!”
ไหม้เฉิงซินพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “พี่ล่ายครับ ผมมีชีวิตได้อีกไม่นานแล้ว จะเป็นคู่ต่อสู้ของซวนเฟิงเหนียนนั่นได้ยังไงกันละครับ คนๆนั้นวิชาหนอนกู่เก่งกาจมาก และร้ายกาจอย่างที่สุด ถ้าหากว่าผมต่อกรกับเขาจริงๆ ดีไม่ดีคงเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว….”