ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2884
เมื่อจงเจิ้งทาวได้ยินแบบนั้น เขารู้สึกอึดอัดใจจนขนหนาวลุกไปทั้งตัว
จากนั้น เขาก็รีบปฏิเสธไปว่า“คุณชายเย่ครับคุณเข้าใจปิดแล้ว ผมกับอาของคุณเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมตรงไหนทั้งนั้น……”
ตอนนี้เย่ฉางหมิ่นยังไม่ได้หย่าขาดกับสามี แน่นอนว่าจงเจิ้งทาวไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน ไม่อย่างนั้นก็รั่วไหลออกไป ไม่เพียงแค่เขากับเย่ฉางหมิ่นจะเสียชื่อเสียง ตระกูลเย่ทำเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง จะต้องบีบให้เย่ฉางหมิ่นตัดขาดการติดต่อจากเขา
ถึงเย่ฉางหมิ่นจะรักตนจริงๆ และยืนยันที่จะแต่งงานกับตน คนของตระกูลเย่ก็ไม่มีทางยอมตกลงแน่ เพราะพวกเขาไม่สามารถขายหน้าได้
เมื่อเป็นแบบนั้น ตนกับเย่ฉางหมิ่นชาตินี้อย่าว่าแต่เดินด้วยกันอย่างเปิดเผยเลย
ถ้ายืนกรานเกินไป กลัวว่าเย่ฉางหมิ่นจะทำให้คุณท่านโกรธ ดีไม่ดีเธออาจจะไม่ได้รับมรดกแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้น จงเจิ้งทาวรู้ดี ตนต้องรักษาความลับนี้ไว้ อย่างน้อยก็ต้องรอให้คุณท่านบินขึ้นสวรรค์ไปก่อน หลังจากที่เย่ฉางหมิ่นหย่าขาดกับสามีแล้ว ถึงจะสามารถประกาศออกไป
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าเขารีบปฏิเสธ รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับเย่ฉางหมิ่นแล้ว สำหรับเย่เฉิน เขาได้พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆอย่างมีเหตุผล หากมีบางอย่างผิดปกติ จะต้องมีเรื่องที่เขาเก็บงำซ่อนเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นคนอย่างเย่ฉางหมิ่น ตอนนั้นเธอถูกเย่เฉินจับขังที่จินหลิง เธอพูดไม่ยอมหยุด เอาแต่แหกปากโวยวายในห้องสารพัด จนทำให้หงห้าต้องยอมควักเงินออกมา ให้คนที่อยู่ใกล้บ้านเรือนเคียงย้ายออกไปก่อน
ด้วยบุคลิกที่ไม่ยอมคนของเธอ เธอจะยอมทิ้งศักดิ์ศรี แล้วมาขอร้องแทนลูกชายของเพื่อนแบบนี้?
ตอนนั้นเธอทุ่มออกไปสุดตัว เพื่อมาขอร้องอ้อนวอนให้เขา
ดังนั้น ดูผิวเผิน ครั้งนี้การกระทำของเย่ฉางหมิ่นผิดปกติมาก ดูเหมือนว่าไม่เหมาะกับนิสัยของคนอย่างเย่ฉางหมิ่นสักเท่าไร
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ มันก็ยิ่งแสดงว่าตำแหน่งของจงเจิ้งทาวในใจของเย่ฉางหมิ่นสูงมาก มันสำคัญกับเขามากๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุใกล้ห้าสิบปี แยกกันอยู่กับสามีของตัวเองมาหลายปี ในขณะเดียวกันก็เห็นผู้ชายอีกคนสำคัญมาก โจทย์ข้อนี้ไม่ว่าจะแก้อย่างไร ผลลัพธ์สุดท้ายมีแค่สามคำ“นอกใจ(มีชู้)”
แต่ เย่เฉินไม่พูดอะไรมาก แต่ก็พูดอย่างยิ้มๆว่า“ดูท่าผมจะคิดมากไป”
พูดจบ เขาก็มองดูเวลา แล้วกล่าวว่า“เอาล่ะ ผมไม่พูดแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนส่งเขาไปที่ใกล้เรือประมงที่ปฏิบัติงานนอกชายฝั่ง ให้คนส่งคุณชายไปทดลองใช้ชีวิตบนเรือ รอทางผมเตรียมกิจการเสร็จเรียบร้อย เขาก็จะได้ขึ้นเรือแล้วล่ะ”
จงเจิ้งทาวรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจ“งั้นรบกวนฝากคุณชายเย่ดูแลด้วยนะครับ……”
จงเทียนหยู่ในตอนนี้ หัวใจของเขามืดหม่น
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า หลายชั่วโมงก่อนตนยังเป็นนักร้องชั้นนำในวงการเพลง หลังจากไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง เขาก็ได้กลายเป็นนักโทษของเย่เฉิน
อีกทั้งนอกจากคำกล่าวของเย่เฉินแล้ว ตนยังไม่ทันได้อยู่ที่จินหลิงสักสองสามวัน ก็ต้องถูกส่งตัวไปทดลองใช้ชีวิตที่เรือประมง เครื่องอำนวยความสะดวกบนเรือแทบไม่ต้องพูดถึง จะต้องแย่กว่าเรือขนสินค้าขนาดใหญ่แน่นอน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่ว่าเรือประมงเป็นเรือลำเล็ก จะต้องโคลงเคลงไปมารุนแรงแน่ๆ นอกจากนี้จะต้องมีกลิ่นคาวปลา จะต้องลำบากที่สุดถึงที่สุด
แต่ว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่จินหลิงเพียงลำพัง ไม่มีที่พึ่ง เขาไม่กล้าโหวกเหวกโวยวายกับเย่เฉินแม้แต่คำเดียว ทำได้เพียงแค่ร้องไห้เบาๆ ยอมรับอย่างเงียบๆ
หงห้าในฐานะที่เป็นงูเจ้าถิ่น เขาหาเรือประมงที่เหมาะกับจงเทียนหยู่ได้ในเวลาไม่นาน
หลังจากหงห้าโทรศัพท์เสร็จ เขาก็วิ่งกลับมารายงานกับเย่เฉินว่า“อาจารย์เย่ครับ อย่าว่าอย่างงู้นงี้เลยนะครับ จงเทียนหยู่โชคดีจริงๆ”
เมื่อจงเทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น จู่ๆเขาก็ตั้งตารอคอยอย่างมีความหวัง คิดในใจว่า“หรือว่าพวกเขาจะหาเรือประมงที่เหมาะสมกับฉัน แบบนี้ฉันก็ไม่ต้องไปทดลองใช้ชีวิตที่เรือประมงแล้วน่ะสิ?”
ตอนนี้เอง เย่เฉินถามหงห้าอย่างแปลกใจว่า“ว่าไง?