ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2914
บอกว่า เย่เฉินไม่ค่อยสนใจตี้เหากรุ๊ป เป็นความรู้สึกที่เผยออกมาอย่างแท้จริงจากใจของหวังตงเสวี่ยน
เธอทราบว่าเย่เฉินอยู่ที่ห้องพักผ่อนด้านหลังห้องทำงาน ดังนั้นคำพูดนี้จงใจที่จะพูดให้เย่เฉินฟัง
หลังจากที่ตี้เหากรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของมาเป็นเย่เฉิน จำนวนครั้งที่เย่เฉินมาท่ีตี้เหากรุ๊ปในช่วงแรกและหลัง เมื่อเอามารวมกันคาดว่าคงไม่เกินกว่าสิบครั้ง อีกทั้งที่ทำให้หวังตงเสวี่ยนเอือมระอายิ่งกว่าเดิมนั่นคือ ทุกครั้งที่เย่เฉินมาตี้เหากรุ๊ป ล้วนไม่ใช่เรื่องธุระของตี้เหากรุ๊ปเองเลย
หรือพูดอีกอย่างก็คือเย่เฉินเจ้าของกิจการที่ชอบชี้นิ้วสั่ง ไม่เคยเป็นกังวลทิศทางการพัฒนาของตี้เหากรุ๊ปเลย
เมื่อก่อนหวังตงเสวี่ยนไม่ได้มีข้อข้องใจอะไรสำหรับเรื่องนี้ ตรงกันข้าม เธอเองก็ชอบความรู้สึกอิสระที่ถูกไว้เนื้อเชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นนี้ สามารถลงมือทำด้วยมือตัวเองเหมือนกัน
ทว่า ตั้งแต่ที่ลึกๆ ในใจของเธอมีความรู้สึกที่ดีกับเย่เฉิน ท่าทางที่ไม่สนใจไยดีอะไรของเย่เฉิน ก็ทำให้ภายในใจของเธอรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
ความน้อยใจเช่นนี้ หลักๆ มาจากความรู้สึกที่ถูกมองข้ามที่อยู่ในส่วนลึกในใจ
เธอหวังว่าเย่เฉินจะมาที่ตี้เหากรุ๊ปบ่อยๆ ต่อให้จะใช้สิทธิ์การตัดสินใจของตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปตามที่เย่เฉินบอก เธอก็ไม่มีข้อข้องใจอะไร
หากเป็นเช่นนี้ เธอก็จะได้เห็นหน้าเย่เฉินบ่อยๆ แล้ว
ทว่าที่น่าเสียดายก็คือ สุดท้ายแล้วเย่เฉินก็ไม่เห็นตี้เหากรุ๊ปอยู่ในสายตาเลย
ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะถือโอกาสนี้แขวะเสียหน่อย หวังว่าหลังจากที่เย่เฉินได้ยินแล้ว ในอนาคตจะสามารถให้ความสนใจการพัฒนาของตี้เหากรุ๊ปด้วย
ในเวลาน้ี เมื่อเย่เฉินได้ยินคำแขวะของหวังตงเสวี่ยน ภายในใจก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
คิดๆ ดูแล้ว ตนเองก็เป็นเจ้าของกิจการที่ชี้นิ้วสั่งจริงๆ ด้วย
หลังจากรับช่วงต่อตี้เหากรุ๊ป ก็ไม่สนใจไยดี ไหว้วานงานทุกอย่างให้หวังตงเสวี่ยนจัดการ
แค่นี้ไม่เป็นอะไร หลังจากที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนก่อตั้งขึ้น เขาก็โยนให้เว่ยเลี่ยงจัดการทั้งหมดโดยตรง
นอกจากตอนนั้นที่ไปประเทศญี่ปุ่นเอง รับบริษัทผลิตยาของตระกูลโคบายามาครั้งนั้น ตนก็ไม่ได้ไปยุ่งธุระที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนอีกเลย
อีกทั้ง รอให้หยวนหยางขนส่งกรุ๊ปเปิดตัว ตนก็น่าจะไม่ไปสนใจอีกเช่นเคย
เพราะว่าทางนั้น เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะมีเฮ่อจือชิวและซูจือหยูทั้งสองคนเป็นผู้จัดการ เบื้องหลังก็ยังมีเฮ่อหย่วนเจียง ดอกเตอร์คณะเศรษฐศาสตร์มาเป็นผู้ช่วยชี้แนะอีกด้วย แทบจะไม่ต้องให้ตนลงมือทำเองโดยสิ้นเชิง
เย่เฉินถอนหายใจอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้ ตนมีโชคที่ดีจริงๆ ได้เจอลูกน้องรวมถึงพาร์ทเนอร์ที่พึ่งพาได้ เชื่อถือได้ อีกทั้งความสามารถก็โดดเด่นไม่น้อยเลย และเป็นเพราะพวกเขาให้ความร่วมมือที่ดี ตนจึงเป็นเจ้าของกิจการที่ชี้นิ้วสั่งได้อย่างสบายใจ
มิเช่นนั้น เกรงว่าตนคงต้องถูกเรื่องจิปาถะของบริษัทหลายแห่งทำให้เหนื่อยตายเป็นแน่
ขณะนี้เอง ซูจือเฟยที่นั่งอยู่ด้านนอก ก็ถามหวังตงเสวี่ยนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ: “ทำไมเจ้านายพวกคุณไม่ใส่ใจธุระของตี้เหากรุ๊ปล่ะ? หรือว่าเขามีกิจการอื่นอยู่ข้างนอกอีก?”
หวังตงเสวี่ยนพยักหน้า เอ่ยว่า: “เจ้านายของเรามีกิจการอื่นอยู่ข้างนอกอยู่บ้างจริงๆ ”
ซูจือเฟยสับสนขึ้นมาทันที
“ตอนแรกผมคิดว่า ประธานตี้เหากรุ๊ป ทรัพย์สมบัติของตระกูลเขาจะมีเพียงตี้เหากรุ๊ปเท่านั้นเสียอีก”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาที่เป็นประธานบริษัทที่มูลค่าตลาดเพียงแสนล้านคนหนึ่ง จะเทียบกับคุณชายตระกูลท่ีมีทรัพย์สินล้านล้านได้ยังไง?”
“แต่ตอนนี้เห็นทีว่า ประธานของตี้เหากรุ๊ปคนนี้ ยังมีกิจการอื่นอยู่ข้างนอกอีก…”
“อีกทั้ง เขาไม่สนใจตี้เหากรุ๊ปที่มีมูลค่าตลาดแสนล้านนี้เลย แสดงว่ามูลค่าตลาดของกิจการที่อยู่ข้างนอกของเขาจะต้องมากกว่าตี้เหากรุ๊ปมากแน่นอน!”
“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ งั้นความสามารถของคนคนนี้ต้องมากจนเดาไม่ได้แน่นอน”
ในความคิดของซูจือเฟย ถ้าเขามีเพียงแสนล้าน เช่นนั้นทุกอย่างก็ชัดเจนดีมาก จุดสูงสุดของเขาก็คือแสนล้าน ยังห่างไกลจากตนมาก
ทว่า ถ้าเขาไม่ได้มีเพียงแสนล้าน เช่นนั้นทุกอย่างก็สลับซับซ้อนแล้ว
ไม่ได้มีเพียงแสนล้าน เช่นนั้นอาจมีสองแสนล้าน และอาจจะมีสามแสนล้าน ถึงขั้นมีห้าแสนล้าน
หากไม่มีจุดสูงสุด เช่นนั้นระดับความสูงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะคาดการณ์ได้แล้ว
เรื่องนี้ทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤติที่อยู่ส่วนลึกในใจของซูจือเฟยเพิ่มมากขึ้นอีก