ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2940
ราคาขายของโบอิ้งโดยสาร737ธรรมดา ราคาประมาณหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐ แต่ราคานี้เป็นเพียงแค่เครื่องบินโดยสารธรรมดา สำหรับเครื่องบินส่วนตัวแล้ว เครื่องบินโดยสารธรรมดาก็คือตัวเรือนหยาบ ส่วนเงินทุนในการตกแต่งตัวเรือนหยาบนี้ อย่างน้อยก็มากกว่าราคาหลักครึ่งหนึ่ง
ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว เพียงแค่เครื่องบินลำนี้ มูลค่าก็ประมาณพันล้านหยวนแล้ว
แค่งานวันเกิดเดียว รับของขวัญที่ล้ำค่าขนาดนี้ เย่เฉินรับไว้ไม่ไหวจริงๆ
กู้เย้นจงเห็นว่าเขาเหมือนจะลังเล จึงได้เข้าไปเกาะไหล่เขาไว้ พูดอย่างลึกซึ้งว่า “เฉินเอ๋อ ในใจของฉันกู้เย้นจงคนนี้ นายก็เหมือนกับลูกชายของฉัน ตอนนี้นายก็มีธุรกิจของนายเองแล้ว ต้องเดินทางไปทั่วประเทศหรือถึงขั้นทั่วโลกอยู่ตลอด มีเครื่องบินส่วนตัวของตัวเองสักลำ สำหรับนายแล้วจะสะดวกขึ้นมาก”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า “ลุงกู้ครับ ที่จริงแล้วตระกูลเย่ก็มีเครื่องบินส่วนตัวสำรองไว้ในเมืองจินหลิง โดยปกติแล้วก็เพียงพอให้ผมใช้แล้ว ผมไม่อยากให้คุณเปลืองเงินมากเกินไปจริงๆครับ”
กู้เย้นจงพูดด้วยสีหน้าที่เด็ดขาดเป็นอย่างมากว่า “เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลเย่นั้นเป็นของตระกูลเย่ เครื่องบินที่ลุงให้นาย นั่นก็คือของนาย ใช้ของๆตัวเองกับใช้ของๆคนอื่นความรู้สึกจะเหมือนกันรึไง? แล้วอีกอย่าง ความสัมพันธ์ของนายกับตระกูลเย่ในตอนนี้ก็ไม่ถือว่าดีเท่าไหร่ ถ้าหากวันไหนนายมีปัญหากับคุณปู่นาย ถึงตอนนั้นยังใช้เครื่องบินส่วนตัวของเขาอีก นั่นก็จะเป็นการอยู่ต่ำกว่าเขาไม่ใช่หรือไง?”
พูดแล้ว กู้เย้นจงก็พูดอีกว่า “อีกอย่างนายกับลุงยังต้องเกรงใจอะไรกันอีก? ก็แค่เครื่องบินลำเดียวเท่านั้น อย่างมากก็ไม่เกินพันล้าน ฉันเองก็ถือว่าเคยเป็นคนที่เกือบตายมาแล้ว มีเงินมากขนาดนี้แต่ไม่มีที่ใช้ก็ถือว่าเจ็บปวดมากนะ”
หลินหว่านชิวที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดเสริมว่า “ใช่แล้วเฉินเอ๋อ นายก็รับไปง่ายๆเถอะ อย่าได้ให้ลุงกู้ที่อายุมากขนาดนี้ ให้ของขวัญกับนายสักอย่าง ยังต้องมาขอร้องนายอีกเลย”
เย่เฉินได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกตัวขึ้นได้ ว่าตัวเองเห็นเป็นคนนอกมากเกินไปแล้ว
ของขวัญยิ่งล้ำค่า ยิ่งหมายถึงว่าลุงกู้สองสามีภรรยายิ่งให้ความสำคัญกับตัวเขาเอง ถ้าหากว่าตัวเองยังเอาแต่ผลักดันออก งั้นสำหรับพวกเขาแล้วก็จะเป็นการทำร้ายจิตใจเหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าพูดว่า “ขอบคุณครับลุงกู้ ขอบคุณครับน้าหลิน ต่อไปเย่เฉินคนนี้ก็เป็นคนที่มีเครื่องบินส่วนตัวแล้วเหมือนกัน!”
กู้เย้นจงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะออกมาทันที มือที่เกาะไหล่เย่เฉินไว้ก็ออกแรงกำ พูดยิ้มๆว่า “ไป!ไปร้านอาหารกัน!”
เย่เฉินเชิญกู้เย้นจงสองสามีภรรยานั่งที่เบาะหลังของรถบีเอ็มดับเบิลยู760ของตัวเอง จากนั้นก็เปิดประตูรถที่นั่งข้างคนขับให้กับกู้ชิวอี๋ แล้วก่อนเข้าจะเข้ารถเป็นคนสุดท้าย ก็สั่งกับเฉินจื๋อข่ายว่า “เหล่าเฉิน ให้รถของนายขับเปิดทางด้านหน้า พวกเราไปที่เทียงเซียงฝู่กันตอนนี้”
หงห้าเองก็ผลักงานในมือทุกสิ่งออก มาคุมงานที่เทียนเซียงฝู่เองแต่เช้า
คุมกว้างถึงงานของรปภ.เทียนเซียงฝู่ ขั้นตอนการบริการ เล็กจนถึงเมนูทุกอย่างที่จะจัดเตรียม ระดับความสดใหม่ของวัตถุดิบ รวมทั้งเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารทุกชิ้นได้ทำการทำความสะอาดดีหรือไม่ โดยประมาณแล้วหงห้าทำการตรวจสอบทุกอย่างไม่ต่ำกว่าครั้งเดียว
ในขณะที่เฉินจื๋อข่ายขับรถเปิดทางอยู่ด้านหน้า นำทางเย่เฉินออกจากออกจากสนามบินพร้อมกัน เฉินจื๋อข่ายก็ได้บอกกล่าวกับหงห้าแล้ว
หงห้ารีบสั่งให้พนักงานบริการทั้งหมดจัดแถวที่หน้าประตูทางเข้าลานจอดรถเทียนเซียงฝู่ ทำการเตรียมต้อนรับ ขณะเดียวกันก็สั่งให้ลูกน้องหลายคนทำการเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู และสั่งให้พวกเขาห้ามให้คนนอกทั้งหมดเข้ามาทั้งนั้น
ยังไงซะ กู้ชิวอี๋ที่มาพร้อมกันกับเย่เฉิน เป็นหนึ่งในดาราที่ดังมากที่สุดในประเทศในตอนนี้ ถ้าหากว่าเรื่องที่เธอมาทานอาหารที่เทียนเซียงฝู่เล็ดลอดออกไป คาดว่าคงจะรีบขึ้นสู่ข่าวซุบซิบในทันทีแน่ หงห้าซื่อสัตย์กับเย่เฉินอย่างที่สุด จะต้องไม่อยากให้มีอันตรายใดๆหลงเหลือไว้ให้กับเย่เฉินอยู่แล้ว